ชีววิทยาน่าสงสัย...DMC คงมีคำตอบ
#1
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 11:16 AM
แต่ด้วยว่าที่เรียนมาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตมาก เลยเกิดคำถามน่ะครับ ซึ่งเชื่อว่า นอกจาก DMC แล้ว คงไม่มีที่ไหนตอบได้คำถามที่ว่าได้แก่
1. หมอที่ทำกิฟท์ หรือผสมไข่กับสเปริมในหลอดทดลอง ก็ต้องรอให้ไซโกตเจริญเป็นหลายเซลล์ แล้วค่อยผังไปที่แม่ แล้วที่เหลือทิ้ง...หมอบาปหรือไม่ ไข่ที่ทิ้งไปมีวิญญาณมาเกิดหรือไม่ แล้วไม่มี วิญญาณนั้นมาเกิดในไข่เมื่อไหร่
2. เรื่องสัตว์ ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์จัดสิ่งมีชีวิตเป็นหลายกลุ่ม บางอย่างที่ไม่น่าเป็นสัตว์ก็เป็นสัตว์เช่น ฟองน้ำ ปะการัง อย่างนี้ในพระพุทธศาสนาเป็นสัตว์หรือไม่ แล้วทางพระศาสนาใช้อะไรเป็นตัววัดว่ามีชีวิต เช่น มีวิญญาณ เป็นต้น แล้วสัตว์ตั้งแต่กลุ่มไหนเริ่มมีวิญญาน
3. สัตว์บางตัว เช่น ปลาดาว ไส้เดือน โดนหั่นครึ่งแล้วไม่ตาย งอกออกมาเป็นตัวใหม่ได้ แล้วส่วนที่งอกมาใหม่นั้นมีวิญญานหรือไม่ มาจากไหน เข้าไปได้ไง
คำถามเหล่านี้ดูแล้วเหมือนถามกวนๆ แต่ก็เป็นปัญหากะนักวิทยาศาสตร์ผู้รักบุญนะครับ เพราะอย่างข้อ 1 นั้น พวกทำสเต็มเซลล์ที่ไม่ทำเพราะกลัวบาปนี่ล่ะครับเนื่องจากจะต้องเอาเซลล์จากตัวอ่อน เลยสงสัยว่า บาปหรือเปล่า คำถามยากดีครับ แต่เชื่อว่า ทั้งสามโลกคงมีแต่ DMC ช่องนี้ช่องเดียวนี่ล่ะครับที่มีคำตอบ ขอความรู้ด้วยครับ
#2
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 12:21 PM
ดังนั้น หากยังไม่นำไข่เข้าไปในมดลูก ย่อมไม่บาปครับ เพราะปฏิสนธิวิญญาณยังไม่มาเกิด เช่นเดียวกัน เซลส่วนที่เหลือจากการแบ่งตัว หากนำไปทิ้งก็ย่อมไม่บาป เพราะยังไม่มีวิญญาณครองครับ
2. พุทธศาสนาจัดแบ่งสัตว์เป็น สัตว์ที่มีวิญญาณครอง กับ สัตว์ที่ไม่มีวิญญาณครอง น่ะครับ
อย่างพวก อมิบา โปโตซัว ทั้งหลาย นี่พระพุทธศาสนาจัดว่า ไม่มีวิญญาณครอง มีชีิวิตเหมือนต้นไม้น่ะครับ
แล้วใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่ง อ๋อ ใช้เกณฑ์ระบบประสาทน่ะครับ สัตว์ที่มีระบบประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือมีไม่ครบ 5 มีเพียงบางอย่าง แต่มีระบบประสาทก็ใช้ได้ เพราะเมื่อมีระบบประสาท ก็จะต้องมีระบบประมวลผล คือ มีตา หุ จมูก ลิ้น ประสาทสัมผัสกาย ก็ต้องมีใจ ขึ้นมา
วิธีสังเกตุอีกอย่างหนึ่ง คือ การตอบสนองสิ่งเร้าต่างๆ เช่น มด หากเราเอาของแข็งไปแหย่มัน มันก็จะวิ่งหนี แต่ ต้นไม้หาก เอาเข็มไปทิ้มมัน มันก็เฉยๆ ยิ่ง ไวรัส อมีบา ไม่ต้องพูดถึง ไม่ตอบสนองสิ่งเร้าทั่วๆไป แน่นอน
3. ปลาดาว และไส้เดือน มีวิญญาณครองหรือไม่ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่ถ้ามี ก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ที่เมื่อมีเซลที่เหมาะสม อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทำไมจะมีปฏิสนธิวิญญาณเข้ามาเกิดไม่ได้ มันก็ย่อมมีได้ ใช่ไหมครับ
#3
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 12:46 PM
#4
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 03:59 PM
ในกรณีของสัตว์ที่ไม่มีวิญญาณครอง เราคงไม่ต้องพูดถึงนะครับ เพราะถึงแม้เซลจะทำงาน ก็ทำงานไปตามกลไกของธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ สัตว์เซลเดียวต่างๆ ต้นไม้นี่ ถ้าตัดกิ่งออก นำไปปลูกแบบตอน ก็สามารถงอกใหม่ได้ หรือ สัตว์เซลเดียว สามารถแบ่งเซลจากหนึ่งเป็นสองสามสี่ได้ ตามกลไกของธรรมชาติอยู่แล้ว โดยไม่มีวิญญานครอง
ดังนั้น เราจะมาพูดกันเฉพาะสัตว์ที่มีวิญญาณครองนะครับ ด้วยการจัดสรรของกฏแห่งกรรมนะครับ หากสภาวะใดที่เหมาะสมกับการที่ปฏิสนธิวิญญาณจะมาเกิดได้ ปฏิสนธิวิญญาณนั้นก็ย่อมสามารถเกิดได้ครับ ส่วนสภาวะใดเกิดไม่ได้ นั่นก็ย่อมเกิดไม่ได้ครับ
ซึ่งการเกิดตามพระพุทธศาสนา นอกจากเกิดจากไข่ เกิดจากครรภ์ เรายังแบ่งได้อีกสองแบบคือ เกิดจากคราบหมักหมม เหงื่อไคลต่างๆ หรือ เกิดแบบโอปปาติกะ เป็นต้น
#5
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 04:31 PM
#6
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 09:12 PM
แต่ยังสงสัยกะข้อสามนี่แหละ คิดตามคุณหัดฝันก็น่าจะเป็นได้นะครับ แต่ก็ยังสงสัย
1. แล้วเริ่มจากพวกไหนจะมีวิญญานล่ะครับ อ๋อ พวกมีระบบประสาทนั่นเอง อย่างพยาธิบางตัวก็น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตบ้างนะครับ แฮ่ะๆ อยากรู้ลึกไปหน่อย เลยถามซอกแซก ตกลงเราจะพอมีเกณฑ์อะไรง่ายๆ กำหนดได้บ้างว่าสัตว์นี้มีวิญญาน ครองหรือไม่ จะได้ไม่พลาด
2. งั้นพวกไส้เดือนที่โดนสับขาดสองท่อน อีกท่อนน่าจะเรียกได้ว่าเกิดแบบสังเสทชะได้มั้งนะครับ
3. งั้นพวกหมอหรือนักวิทยาศาสตร์ที่เอาเซลล์ไปทดลองต่อเหนี่ยวนำให้เป็นหู ตา ตับ ฯลฯ ต่อนี้ จะบาปเปล่า แต่ตาม คุณหัดฝันที่1 ว่า ก็ไม่น่าจะบาปนะครับ ซึ่งเพราะมันก็เจริญตามสารเคมีที่มีกำหนดในเซลล์
กราบอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สนุกสนานบุญบันเทิงได้ความรู้ดีแท้
#7
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 09:38 PM
1. phylum polifera เช่น ฟองน้ำ
2. phylum coelenterata เช่น ปะการัง กัลปังหา ไฮดรา แมงกะพรุน ดอกไม้ทะเล
3. phylum platyhelminthes เช่น พยาธิตัวตืด หนอนตัวแบน พยาธิใบไม้
4. phylum nematoda เช่น ไส้เดือนฝอย พยาธิปากขอ หนอนตัวกลม พยาธิเส้นด้าย
5. phylum annelida เช่น ไส้เดือนดิน ปลิงน้ำจืด ทากดูดเลือด เลือดสีแดง(เหล็ก)
6. phylum athropoda เช่น กิ้งกือ แมลง เลือดสีน้ำเงิน(ทองแดง)
7. phylum mollusca เช่น หอย(มีหัวใจสามห้อง) มีทั้งเลือดสีแดง ฟ้าอ่อน และไม่มีสี
8. phylum echinodermata เช่น ดาวทะเล(ปลาดาว) ปลิงทะเล พลับพลึงทะเล หอยเม่น ไม่มีเลือดแต่มีcoelomic fluidทำหน้าที่คล้ายน้ำเหลือง
9. phylum chordata เช่น สัตว์มีกระดูกสันหลัง
ทุกไฟลัมสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้
ไฟลัมที่สองก็เริ่มมีร่างแหประสาทแล้ว(nerve net)
สี่ไฟลัมแรก ไม่มีระบบไหลเวียนเลือด
ไฟลัมที่ห้า มีหัวใจเทียม
ไฟลัมที่หกถึงเก้า มีหัวใจ
ถ้าใช้เกณฑ์ มีระบบไหลเวียนเลือด ไฟลัมที่่ห้าถึงเก้า ก็มีวิญญาณครอง
ถ้าใช้เกณฑ์ มีหัวใจ ไฟลัมที่หกถึงเก้า ก็มีวิญญาณครอง
ถ้าใช้เกณฑื nerve ไฟลัมที่สองถึงเก้า มีวิญญาณครอง
ดาวทะเลปกติเกิดแบบไข่ แต่กรณีถูกแบ่งครึ่ง แล้วค่อยๆเติบโตเป็นสองตัวและมีวิญญาณครองทั้งสองตัว
น่าจะเป็นแบบโอปปาติกะอีกลักษณะหนึ่งที่มีกรรมบีบคั้น
(เช่นคนสองคนเคยช่วยกันผ่าครึ่่งสัตว์ทั้งเป็น แต่ก็เคยช่วยชีวิตสัตว์และเลี้ยงจนโต)
กล่าวคือ เกิดปุ๊ปโตปั๊ป แต่โตทันทีแค่ครึ่งตัว อีกครึ่งตัวก็ค่อยๆโต
คล้ายชาดกที่มีเด็กเกิดแบบโอปปาติกะในดอกบัว แล้วฤาษีก็ค่อยๆเลี้ยงต่อจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่
หรือเปรตที่เกิดแบบโอปปาติกะแต่มีแค่ครึ่งตัว เป็นต้น
ส่วนเรื่องการเพาะเลี้ยงอวัยวะอะไหล่เป็นส่วนๆนั้น ไม่มีวิญญาณครองแน่นอน
วิทยาการปัจจุบันยังไม่สามารถเพาะเลี้ยงมนุษย์ทั้งคนได้ในแคปซูลเหมือนเรื่อง the matrix.
(ในอนาคตแคปซูลก็พอจะอนุโลมได้คล้ายครรภ์ ถ้าเช่นนี้ก็มีวิญญาณครอง)
อีกห้าปีจะสามารถผลิตเซล 1n ได้จากเซลไขกระดูกของชายหรือหญิง
แล้วไปผสมกับเซลไข่ 1n ได้เป็น 2n แล้วเติบโตในครรภ์ ก็มีวิญญาณครองเช่นกัน
สรุป พุทธศาสตร์สามารถตอบได้ทุกคำถาม (The Real Thing).
#8
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 09:44 PM
EMBRYOLOGY, วิวัฒนาการในครรภ์ ของมนุษย์เมื่อกว่า2000ปีก่อน
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4779
ของนักเรียนอนุบาล เถลิงเกียรติ สิครับ
#9
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 09:19 AM
ผมจำได้ว่า ไส้เดือนเป็นสัตว์มี2หัวและมี2เพศในตัวเดียวและเป็นสัตว์ที่แม้โดนตัดขาดเป็นท่อนแล้วก็ยังไม่ตายและงอกอวัยวะออกมาเองได้อีกด้วย
ทีนี้เรามาลองดูมนุษย์ก่อนนะครับ คิดว่าทุกท่านคงเคยทราบมาบ้าง ว่ามนุษย์เรานั้นมีแบบที่ว่าเกิดมาผิดปกติอยู่เหมือนกัน เช่นมี2เพศในคนเดียว แฝดเหมือน แฝดสยาม ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากวิบากกรรมที่ไปอธิฐานจิต ขอเป็นคู่กัน ในชาติก่อนๆ ทีนี้จะเป็นไปได้ไหมที่ว่าไส้เดือนจะเป็นสัตว์จำพวกที่เคยอธิฐานขอเกิดเป็นคู่กันมาแต่ชาติก่อนเหมือนมนุษย์น่ะครับ
แบบว่าเมื่อชาติก่อนรักกันมากเลยอธิฐานขอเกิดเป็นคู่กัน แบบว่าประจวบเหมาะวิบากกรรมคล้ายกันเลยส่งผลให้เกิดมาเป็นไส้เดือน
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#10
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 10:23 AM
แต่หากตอบตามที่เคยได้ฟังพระธรรมเทศนาของ พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฒิโฑ จบแพทย์ศาสตร์จุฬา แล้วมาบวชที่วัดพระธรรมกายแล้วล่ะก็ ท่านให้เริ่มนับตั้งแต่ไฟลัมที่ 2 ถึง 9 ครับ โดยท่านบอกว่า ไฮดร้าก็มีวิญญาณครองครับ
#11
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 11:00 AM
สรุป ใช้เกณฑ์ nerve. ครับ
#12
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 12:29 PM
เพื่อความเข้าใจง่ายๆมากขึ้น เข้าไปชมที่ link รายการทันโลกทันธรรม ตอน ข้อข้องใจเกี่ยวกับศีลข้อที่ 1 และการบริโภคเนื้อสัตว์
http://www.dmc.tv/pr...nd_dhamma.html#
ท่านพระมหาดร.สมชาย ฐานวุฒิโฑอธิบายไว้น่าสนใจมากๆ
“ไม่ได้ไม่มี ไม่ดีไม่ได้ ต้องได้และดี ให้ดีที่สุด”
#13
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 04:52 PM
แล้วเวลาตัวเขาขาด เขาก็จะรอดได้เฉพาะส่วนหัวครับ ส่วนหางจะตาย แต่ถ้าตัดใกล้ส่วนหัวมากเกินไป ก็ตายสนิททั้งหัวทั้งหางเลยครับ
ไส้เดือนมีสองเพศจริงๆครับ เป็นกระเทยแท้ แต่ต้องสืบพันธุ์กับตัวอื่นครับ ไม่สามารถสืบพันธุ์ในตัวเองได้ น่าจะเพราะกรรมกาเม มากกว่าผลของการอธิษฐานนะครับ
แหะ แหะ ขอแจมด้วยนะครับ น่าสนุกดี
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
#14
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 05:16 PM
ตรงกลางเป็นปากกับอวัยวะย่อยอาหาร กินทางไหนถ่ายทางนั้น(ทำกรรมอะไรมาเนี้ย)
อวัยวะที่ใช้จับอาหารส่งมาเข้าปากก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เดิน ประมาณว่าเดินไปเหยียบอะไรที่กินได้ก็ส่งเข้าปากเลย(อึ๋ย..)
เวลาแขน(หรือเปล่า)ขาดออกไปถ้าไม่มีปมประสาทติดไปด้วยก็จะกลายเป็นอาหารปูอาหารปลาไปเลย ถ้ามีปมประสาทติดไปด้วย เขาก็จะงอกเป็นตัวใหม่ แต่ช่วงแรกๆก็ยังทำอะไรไม่ได้ อาศัยอาหารสะสมในตัว ค่อยๆสร้างอวัยวะขึ้นมา ก็เหมือนตัวอ่อนที่อยู่ในไข่นั่นแหละครับ แล้วตัวใหม่นี้ก็ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเกือบสมบูรณ์ คล้ายๆเกิดใหม่เลยทีเดียว ไม่สามารถซ่าได้ภายในสามวันเจ็ดวัน
ส่วนวิญญาณที่มาครองนั้นน่าจะเกิดจากกรรมบีบคั้นให้มาครองนะครับ พอขาดปุ๊บ สภาพแวดล้อมเหมาะสมที่จะมีชีวิตต่อไปได้ปั๊บ กรรมก็บีบคั้นให้วิญญาณที่มีวิบากกรรมมาสวมครองในทันที อะไรทำนองนี้หละครับ
อ่านรู้เรื่องไหมครับ ผมอ่านเองยังงงๆเลย
อ้อ...แล้วอย่าคิดว่า ฉันเจอปลาดาวตัวนึงน่ารักดีเลยจะเอาไปปล่อย แต่ปล่อยตัวเดียวกลัวได้บุญน้อย ว่าแล้วก็คว้ามีดมาสับฉับ ฉับ เป็นบะช่อปลาดาว ดีใจฉันจะได้ปล่อยหลายๆตัว นอกจากจะเสี่ยงข้อหาฆาตกรรมปลาดาวโดยไม่ตั้งใจแล้ว อาจจะมีวิบากกรรมที่ทรมานคนอื่นเขาด้วยนะครับ ปราถนาดีแต่พอเหมาะพอควรคร๊าบ
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
#15
โพสต์เมื่อ 08 February 2008 - 07:48 PM
แม้บางท่านจะเริ่มไปกันใหญ่แต่ก็ได้ประกายความรู้สู่ธรรมะ ดีจังเลยครับ (แอบแซว)
- ปลาดาวที่เรียกปลาเพราะว่าภาษาไทยนั้นเรามักเรียกสัตว์ในน้ำว่าปลา คำว่าปลานั้นในคำไทยมิใช่ว่าสัตว์ในกลุ่ม pisces -กลุ่มปลาจริงๆ ทั้งกระดูกแข็งและอ่อน แม้ในปัจจุบันเราจะรู้ว่าสัตว์บางตัวมิใช่ปลา แต่เราก็ควรอนุรกษ์คำว่าปลาไว้ เช่น ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาดาว แม้จะไม่ใช่ปลา เราก็ใช้ปลาต่อไป - อันนี้จากราชบัณฑิตด้านปลา ก็ว่ากันแล้วกันนะครับ เสนอไว้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ
- ปลาดาวสับเป็นชิ้นๆ ก็ตายสนิทนะครับ ต้องขาดพอดีๆ จึงรอด แล้วเราจะสับทำไมให้มันทรมานเราได้กรรม
- ไฮดรานี่มีวิญญาน ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้นะครับ นี่ก็ความมหัศจรรย์พระพุทธศาสนา
- embryology คือ เอมบริโอวิทยานะครับ บ่ใช่คัพภะวิทยา เพราะคัพภะนั้น เริ่มจากตัวอ่อนมี organ rudiment แล้วเริ่มสร้างอวัยวะน่ะครับ เอมบริโอ คือก่อนหน้านั้น ยังบ่มีคำไทยน่ะครับ
- ดังนั้น พวกทำสเต็มเซลล์หรือสร้างอวัยวะจากเซลล์ไข่ที่ปฎิสนธิแต่ไม่ได้ไปฝังตัวก็สบายไม่ต้องกลัวบาปน่ะสิครับ แต่ยังไงชาวโลกส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ก็ต่อต้านต่อไป เพราะคิดว่าชีวิตเริ่มจากปฏิสนธิ
ที่เขียนมาโปรดพิจารณานะครับ เสนอความคิดเห็น
อนุโมทนาบุญนะครับ สา.............ธุ
#16
โพสต์เมื่อ 09 February 2008 - 08:23 PM
เช่นบางยุคบอกว่า พระเจ้าบอกว่า โลกแบน ใครที่ไปสอนว่า โลกกลม เป็นบาป และจะถูกต่อต้านจากคนทั้งเมือง ทำเอากาลิเลโอเกือบตาย เพราะสอนว่า โลกกลม จนคนรุ่นหลังรู้ความจริงนั่นแหละ ถึงรู้ว่า กาลิเลโอพูดจริง
ส่วนเรื่องความเข้าใจผิดว่า ชีวิตเริ่มจากปฏิสนธินั้น สักวันนักวิทยาศาสตร์คงจะเข้าใจได้เองว่า ไม่ว่า เขาจะเพียรพยายามสร้างชีวิต(ที่มีวิญญาณครอง)จากการจำลองสถานการณ์การปฏิสนธิอย่างไรก็ตาม ชีวิตที่เขาอยากให้เป็น ก็ไม่มีวันเกิดขึ้นเสียที เพราะสภาพแวดล้อมยังไม่เหมาะสม วิญญาณจึงยังไม่มา
พระอาจารย์สมชาย เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อใดก็ตาม ที่วิทยาศาสตร์หวนกลับมาคิดใหม่ หันกลับมาศึกษาพระพุทธศาสนา แล้วเริ่มลงมือพิสูจน์ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ ตามความจริงในศาสนา เมื่อนั้นแหละ นักวิทยาศาสตร์จะได้คำตอบ เหมือนคนที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แล้วไปหาวิธีการพิสูจน์คำตอบนั้น ย่อมประสบผลสำเร็จมากกว่าคนที่กำลังไปนั่งควานหาคำตอบ
#17
โพสต์เมื่อ 11 February 2008 - 08:44 PM
อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านค่ะ