จะทำไงดี
#1
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 01:11 PM
#2
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 01:36 PM
ท่าท่างจะยังอีกไกลเลยน้อง พี่ว่าห่าง...ออกมาดีกว่าคะ จะได้สร้างบารมีได้ง่ายขึ้น
พี่มีคนรู้จักกัน เข้าวัดมานาน พออายุสัก 30 กว่า มีผู้ชายมาชอบ แต่ผู้ชายไม่เข้าวัด ตัวเองคิดว่าเดี๋ยวแต่งแล้วคงไปวัดได้
แต่เปล่าเลย ไปวัดได้น้อยกว่าเดิมอีก แถมยังไม่ได้ทำบุญอีกด้วย แย่ไปกันใหญ่เลย..
#3
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 02:00 PM
พยายามตั้งหลัก (ใจ) ให้ได้น่ะ พี่ว่าหนูควรไปไหนไกลๆ หน่อยน่ะ เช่น ไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์สัก หนึ่งอาทิตย์ เป็นอย่างน้อย ชีวิตจะได้ห่างไกลจากคนภัยคนพาลน่ะจ๊ะ หากมีคู่บุญ คู่บารมีจริง ก็ไม่ต้องไปกังวลหรอก เดี๋ยวเขาก็หาเราเจอเอง แต่คนนี้ พี่ว่า ไม่น่าใช่น่ะ ยังไม่แต่งกัน ยังซะขนาดนี้ เฮ้อ หนูเอ๋ย รักตัวเองมากๆ น่ะจ้ะ เชื่อพี่ๆ เถอะ
อย่าโกรธพี่ๆ น่ะ พูดตรงๆ ให้หนูได้คิดดีกว่า มาหลอกกัน เพราะความหวังดีจริงๆ จ้ะ ถ้าหนูได้ศึกษาธรรมะ มากๆ ขึ้น หนูจะเข้าใจและดีใจเมื่อมองย้อนกลับมาวันนี้ ส่วนวันนี้ ก็ทำใจให้มันเข็มแข็งหน่อย อย่าใจอ่อนหล่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 02:51 PM
ที่เป็นกำลังใจให้หนูอย่างเร่งด่วน หนูเครียดเรื่องนี้มานานมากแล้ว แต่ 2 เดือนที่ผ่านมา หนูพยายามนั่งสมาธิ เพื่อ ปรับสภาพใจตัวเองแล้ว แต่เรื่องนี้ยังออกไปจากใจไม่ได้
พี่ Lucky Girl ค่ะหนู ไม่โกรธหรอก หนู รู้สึกสบายมากกว่าที่หนูได้เอาเรื่องนี้ออกมาจากใจได้ แล้ว มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ กัลยาณมิตร ช่วยนำทางหนู เรื่องนี้หนูเก็บไว้คนเดียว มา นานแล้ว หนูไม่กล้าบอกใคร หนูอาย ที่บ้านหนู ไม่รู้ว่า เค้าเป็นแบบนี้ ที่บ้านเค้าก็ไม่รู้ว่าลูกชายเป็นแบบนี้ มีหนูคนเดียวที่รู้เรื่องนี้
ที่บ้านหนู จะมองเค้าว่า เป็นผู้ชายที่แสนดี มีอนาคต มีฐานะ
ที่บ้านเค้า ก็สร้างภาพ เหมือน คนรวยเลย เวลาไม่มีเงิน ก็มาขอลูกชาย ลูกชาย เป็นพนักงานในบริษัท เงินเดือน 7,500 บาท แม่เค้าเห็นว่าลูกซื้อคอนโด ก็คิดว่า ลูกทำงานจนรวย ( เค้าผ่อน คอนโด 30 ปี ผ่อนไปได้ แค่ 3 ปีเอง ) โดยที่ว่าไม่รู้ว่า ลูกชาย ทำแบบนี้ และมีหนี้สินมากขนาดนี้
#5
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 04:08 PM
มองสักนิด ชีวิตนี้เป็นไฉน
คลายผูกพัน ความขุ่นข้องหม่นหมองใจ
ใจใสๆ สิ่งเลวร้าย ขอให้ลืม''
ถ้าไม่ใช่คู่บุญคู่บารมี ศีลทิฐิไม่เสมอกัน อย่ามีดีกว่าครับ เพราะจะเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ทับทวี เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ผมว่าอย่าเปิดโอกาสให้วิบากกรรมได้ช่องเลย เพราะสิ่งที่เจ้าของกระทู้เจออยู่นี้เกิดจากวิบากกรรม เพราะถ้าเราเปิดช่องหรือไปยุ่งเกี่ยว
กระแสของบาปอกุศลในอดีตของตนที่เคยทำมา รวมกับกรรมของฝ่ายพ่อแม่ของแฟนที่เคยเปิดสถานบริการ
และมาขายยาเสพติดและตัวแฟนเอง ก็จะดึงให้เราไปอยู่ในวงจรนี้ได้ หรือถ้าไม่ดึงดูดให้เราเป็นคนไม่ดี
ก็ทำให้ทุกข์ใจในเรื่องราวต่างๆซึ่งจะทำให้เกิดทุกข์นานัปการ
1.) ไม่ผิดครับ เป็นสิ่งที่ควรทำเลย และต้องหนักแน่น มั่นคง อย่าได้ใจอ่อนเด็ดขาด เพราะถ้าใจอ่อนเมื่อไหร่ คุณก็จะเผชิญกับความทุกข์ใจแบบนี้ซ้ำๆ
2.) คำตอบสุดท้ายคือหักดิบ..หรือถ้าคุณยังเลิกไม่ได้ ก็ให้ปฎิญาณกับตนเองว่า ถ้าเราคบกับเค้ามีเรื่องทุกข์เดือดร้อนใจอีกครั้ง ก็จะเลิกยุ่งเกี่ยวอย่างเด็ดขาด หรือให้ลองนับครั้งดูว่าคุณเสียใจกับเขามาแล้วกี่ครั้ง หรือว่านับครั้งไม่ถ้วน มีเปอร์เซ็นความทุกข์นำพาซึ่งความเดือดร้อนใจมากกว่าความสุขที่ได้รับหรือไม่ เพียงใด?
3.)ที่สำคัญคือให้เรารักษาใจเราให้ใสๆเสมอ
เรื่องที่เขาเป็นคนไม่ดีนั้นก็เป็นกรรมของเขาเองที่เคยคบคนพาลมาในอดีตและทำผิดศีลจึงทำให้เขามาเกิดกับครอบครัวที่มีอบายมุข อายตนะฝ่ายบาปอกุศลจึงดึงดูดเขาให้มีความประพฤติดังกล่าวประกอบกับสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่ปลูกฝังมา
เมื่อเราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี ก็ต้องสร้างบารมี
ถ้าสิ่งใดเป็นสิ่งที่บั่นทอนหรือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างบารมีแล้ว ขอให้ห่างไกลจากสิ่งเหล่านั้น
มุ่งหน้าสร้างบุญสร้างบารมี ตั้งผังสำเร็จในชีวิตประกอบด้วยมงคลชีวิตทั้ง38ประการอันมีการไม่คบคนพาล เป็นต้น แล้วเราก็จะมีความสุขในชีวิตทั้งปัจจุบันและในอนาคตครับ
#6
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 04:15 PM
1. ถ้ายังคบกันหรือตัดสินใจฝากชีวิตกับคนแบบนี้ คุณต้องเป็นคนเข้มแข็งมาก ๆ เพราะคุณไม่สามารถจะเปลี่ยนเค้าได้หรอก
2. ทั้งสองท่านลองอ่านหนังสือวิบากกรรมวิบากกามของทางวัดดู แล้วตรวจสอบทั้งตัวเราเองและเค้าว่ากลัวกรรมเหล่านั้นไหม ถ้าเค้าไม่กลัวแต่เรากลัว ก็ควรตัดไฟแต่ต้นลม(หรือไฟจะลามไปแล้วก็ไม่รู้)
3. จากข้อที่ 1 ในทางวิทยาศาสตร์เขาพิสูจน์แล้วว่าลักษณะบางอย่างมันฝังมาในยีนส์หรือทางพันธุกรรมมันจะแสดงออกมาเมื่อมันมีโอกาส ในทางศาสนาคนเปลียนได้ถ้าเขาบรรลุธรรม
4. คุณจะเลือกทางไหนก็ต้องหาทางพูดกับเค้าให้ดี ๆ นะครับ
ขอให้โชคดี
#7
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 04:27 PM
#8
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 08:09 PM
ไม่งั้นเมตตาจะพาตกเหวได้ค่ะ
ความจริงคุณยายอาจารย์ฯ สอนยาวกว่านี้ แต่จำได้แค่นี้คะ
#9
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 08:20 PM
สอนแล้ว ไม่สอนอีกนะ ...
#10
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 08:31 PM
#11
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 08:39 PM
ตอนนี้ก็คิดว่า พอล่ะ จะหักดิบ แบบที่พี่ สุภาพบุรุษ072 แนะนำ เค้าจะมาง้อยังไง ก็ช่างเถอะ ...........แต่ว่า.......... พี่ ๆ เพื่อน ๆ กัลยาณมิตร อย่าปล่อยมือหนูน่ะ หนูกำลังเดินตาม หลังพี่อยู่ สัญญา ว่าจะหนักแน่น
#12
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 08:59 PM
#13
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 09:54 PM
จริง ๆ แล้วคบกับเค้าแล้วเรามีความสุขจริงหรือ ทุกข์ใจหรือสุขใจมากกว่า
เราสามารถเปลี่ยนแปลงเค้าได้หรือเปล่า และการที่เราจะสงสารเค้าก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องแต่งงานกัน
ชีวิตคู่มีอะรที่มากกว่านี้ พี่มีครอบครัวแล้วค่ะ
ด้วยความจริงใจอยากให้ออกมาดีกว่า เราต้องรักตัวเองให้มาก ๆ นะคะ และที่สำคัญเราสงสารเค้าแต่เราก็ต้องปกป้องตัวเองค่ะ
แล้วหันมาปฎิบัติธรรม ใจจะได้มีคุณภาพและดึงดูดแต่สิ่งดีดีเข้ามาในชีวิตเรา
#14
โพสต์เมื่อ 04 August 2009 - 11:48 PM
- ถ้ายังเลือกเส้นทางสีชมพู พิจารณาคุณสมบัติดู...ปัญญา ศรัทธา ศีล จาคะ...ถ้าไม่เข้ากัน ไม่เข้าใจกัน ไม่ปรับเข้าหากัน แถมทิฐิไม่เสมอกัน คงจะอยู่ร่วมกันได้ยาก...ยิ่งทางมาของทรัพย์วิบัติแล้ว ไม่ใช่บุคคลที่เราจะไว้วางใจหรือฝากชีวิตและความมั่นคงไว้เลย
- ถ้าจะเลือกเส้นทางสีขาว ก็เด็ดให้ขาด อย่าให้เหลือเยื่อใย อย่าลังเล อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด มุ่งสั่งสมบุญบารมี หมั่นรักษาอุโบสถศีล เจริญภาวนาเพียรในอธิจิต ปรับธาตุธรรมให้สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป จึงไม่ต้องกังวลว่าเมื่อพบเขาในอนาคตแล้วเป็นผลของกรรม เพราะหากได้ฝึกอบรมกลั่นจิตให้บริสุทธิ์แล้ว ศิริย่อมไม่ไปกับกาลกิณี
ทางออก...ทางเลือกนั้นมี...หากแต่อยู่ที่การตัดสินใจอันชาญฉลาด...สัญญาแล้วน้าว่าจะหนักแน่น
#15
โพสต์เมื่อ 05 August 2009 - 12:20 AM
....
.."รู้หมด..แต่อดไม่ได้.." ต้องตัดใจขาดกันไปเลยครับ
....
จะเอาแมลงปีกแข็งมาแบกไปตลอดชีวิตให้ทุกข์ไปทำไมครับ..
ผู้ชายมีหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวนะครับ ..
...
ตัดใจ ตัดขาด ตัดสัมพันธ์
นั่งสมาธิเยอะๆ ไม่รับโทรศัพท์เค้า
มาวัดวันอาทิตย์ต้นเดือนหรือทุกอาทิตย์เลยครับ
..
สู้ สู้ นะ
ไฟล์แนบ
#16
โพสต์เมื่อ 05 August 2009 - 08:27 AM
แล้วจะรับเลี้ยงเขาไปตลอดชีวิตหรือ
#17
โพสต์เมื่อ 05 August 2009 - 09:07 AM
ครั้งก่อนน้องเคยให้สติพี่ ที่เราเจอเรื่องคล้ายๆ กัน
ตอนนี้ก็เลยอยากมาให้กำลังใจน้องมั่ง
ก่อนจะตัดสินใจอะไรอยากให้นั่งสมาธิเยอะๆ
ตอนนี้พี่ก็ใช้เวลาว่างที่มีอยู่นั่งสมาธิตลอด
เป็นเรื่องที่แปลกเหมือนกัน
จากครั้งก่อนใจที่เคยรุ่มร้อน
ตอนนี้รู้สึกเฉยๆ กับเรื่องเหล่านี้แล้ว
ไม่รู้สึกว่าสุข หรือทุกข์เลย
รู้สึกเฉยๆ จริงๆ
ที่สำคัญมันทำให้ใจพี่ตั้งมั่นกับการสร้างบารมีติดตามหลวงพ่อมากขึ้น
รู้สึกรัก เคารพ บูชา หลวงพ่อมากขึ้น
และรู้สึกว่าเราโชคดีมากๆๆ ที่มาเจอหลวงพ่อและหมู่คณะ
ขอให้น้องเข้มแข็งไว้นะคะ
นั่งสมาธิเยอะๆ
แล้วปัญญาจะเกิด
#18
โพสต์เมื่อ 05 August 2009 - 03:55 PM
สงสารเขา แต่ก็ต้องสงสารตัวเองให้มากกว่านะ
การที่จะช่วยเขา ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะต้องแต่งงานกับเขานี่จ๊ะ
เป็นกำลังใจให้นะ
ตัดใจซะ
สู้ สู้....
#19
โพสต์เมื่อ 05 August 2009 - 05:32 PM
วันนี้หนูหักดิบ เป็นวันแรก หนูตื่น ตี 3 ครึ่ง ทำกับข้าว ตักบาตร ด้วยตัวของหนูเอง แล้วก็มา ทำวัตร เช้า ที่ dmc นั่งสมาธิ ตามเสียงหลวงพ่อ ประมาณ 20 นาที แล้วก็ออกไป ใส่บาตร หนูขออนุโมทนาบุญ ให้กับพี่ ๆ เพื่อน ๆ กัลยาณมิตร ทุกคนด้วยน่ะค่ะ จากนั้น หนูก็ นั่งดู dmc ไปเรื่อย ๆ แล้ว เค้า คนนั้น ที่เคยรู้จัก ก็โทรมา ไม่รู้เหมือนกันว่า โทรมาทำไม แต่หนู ไม่ได้รับ เพราะ สัญญากับ พี่ ๆ แล้ว ว่า จะหนักแน่น ก็เลยปิดเครื่องไป เพราะคิดว่า ถ้าไม่รับ เค้าคงเอาเบอร์แปลก ๆ โทรมา แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ โทรมาในช่วงที่ปิดเครื่อง เห็น ข้อความทิ้งไว้ ตอนนี้ก็คิดว่า จะ ไป ทำวัตรเย็น แล้ว พรุ่งนี้ก็จะทำแบบนี้อีก วันนี้ตอนที่นั่งสมาธิ ตามเสียงหลวงพ่อ รู้สึกว่า หลวงพ่อจะบอกว่า ลองเปลี่ยนการดำเนินชีวิต ให้ถูกต้อง แล้ว ชีวิตจะได้ดีขึ้น พอดีเลย หนูได้นำมาใช้ พอดี
รัก พี่ ๆ เพื่อน ๆ กัลยาณมิตรมาก น่ะ รัก จริง ๆ น่ะ
#20
โพสต์เมื่อ 05 August 2009 - 09:06 PM
http://www.tawandham...velylove_th.exe
แต่งงานแล้วต้องทำให้ชีวิตดีขึ้นเท่านั้นนะ ถ้าแต่งแล้วแย่ลง...จะแต่งไปทำไมจริงไหม?
เรื่องของเรื่องก็อยู่ที่ใจของน้องนั่นแหละ ว่าหนักแน่นแค่ไหน
ความจริงถ้าเบิกตาให้กว้างๆ ก็จะได้คำตอบค่ะ ว่าควรห่างไกลจากบุคคลเหล่านี้
แนะำนำอึกครั้งว่าควร เอาตัวออกจากเรื่องหมองๆ ด้วยการปฏิบัติธรรม 7 วัน จากใจหมองๆ จะได้กลายเป็นใจใสๆ
จากที่ตามืดๆ มัวๆ เห็นอะไรไม่ค่อยชัด จะได้ตาใส เห็นความจริงของชีวิต
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#21
โพสต์เมื่อ 06 August 2009 - 09:17 AM
#22
โพสต์เมื่อ 07 August 2009 - 12:03 AM
เมื่อต้องการคำแนะนำก็จะให้คำแนะนำ
เมื่อต้องการธรรมะ ก็จะให้ธรรมะ
เมื่อต้องการกำลังใจ ก็จะให้กำลัง
แต่เราเอง ก็ต้องรู้จักพึ่งตนเองให้ได้ด้วยนะ คนอื่นเขาทำได้แต่แนะนำเท่านั้น เราต้องเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ ที่สามารถยืนหยัดต้านลมต้านฝนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เป็นดั่งเถาวัลย์ ที่พอต้นที่เกาะตายมันก็ตายไปด้วย พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ กัลยาณมิตรคือทั้งหมดของพรหมจรรย์ แต่ก็ต้อง อัตตาหิ อัตโนนาโถ คือ ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
ดีใจที่น้องสามารถลองหักดิบ แต่ได้ไม่ได้ ช่วยมารายงานผล เมื่อผ่านไปซัก 1 เดือนนะครับ เชื่อว่าถ้าผ่านไป 1 เดือนแล้ว เยื่อใยมันจะค่อยๆแห้งลงๆ เหมือนกิ่งไม้ เมื่อทิ้งให้แห้งไปนานๆ ก็ไม่สามารถเอาไปปักปลูกได้อีก ถึงวันที่น้องตัดเยื่อใยได้ เมื่อมองย้อนกลับมา ณ วันนั้น จะอยากแขกตัวตัวเอง แล้ว พูดว่า "ทำไมตอนนั้นตุโง่จังวะ"
#23
โพสต์เมื่อ 07 August 2009 - 12:44 AM
คือถ้าเราได้คำตอบไปครั้งหนึ่งแล้ว เราต้องหนักแน่นและมั่นคงกับคำตอบนั้น ถ้าความประพฤติของคนๆ นั้นยังไม่เปลี่ยนแปลงเป็นคนดีขึ้น ถ้ายังเป็นเหตุการณ์เดิมๆ คนเดิมๆ การกระทำเดิมๆ คำตอบที่ได้ก็ย่อมจะเหมือนเดิมเสมอค่ะ
พระอาจารย์ท่านนึง บอกว่า เราไม่ควรลดเป้าหมายค่ะ
เช่นมีเป้าหมายว่าจะสร้างบ้านใหญ่ๆ ซักหลัง ผ่านไปสิบเปลี่ยนเป้าหมายขอบ้านเล็กๆ ซักหลังก็ได้ ผ่านไปอีกสิบปีขอบ้านเช่าก็ได้เพราะไม่มีเงิน ลูกก็ยังเล็ก ผ่านไปอีกห้าปีห้องถูกๆ ก็ได้ ผ่านไปอีกห้าปีไม่ต้องมีบ้านก็ได้ อย่างนี้ไม่น่าจะถูกนะคะ สุดท้ายเป้าหมายนั้นก็จะลดลงเรื่อยๆ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป