อยากทราบต้นกำเนิดของเทพเจ้าจีน
#1
โพสต์เมื่อ 09 March 2006 - 12:26 PM
เป็นต้น เลยอยากทราบว่าสำหรับเทพเจ้าองค์อื่นๆ เช่น เจ้าแม่กวนอิม เง็กเซียนฮ่องเต้ เทพเจ้านาจา มีประวัติความเป็นมาอย่างไรครับ ในทัศนะของโรงเรียนอนุบาลเห็นว่าอย่างไรครับ มีจริงหรือไม่ครับ
#2
โพสต์เมื่อ 09 March 2006 - 01:34 PM
ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ
บางเรื่องก็ไร้สาระ
แต่เรื่องที่หลวงพ่อมาเล่าให้ฟังนั้น เพราะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 09 March 2006 - 03:21 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#4 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 09 March 2006 - 07:10 PM
อย่างเจ้าแม่กวนอิม มีหลายตำนานทีเดียว หากวิเคราะห์ในเชิงพุทธแล้วเจ้าแม่กวนอิมไม่ใช่พระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้เป็นแน่ อย่างไรก็ตามเวลาไปเสวนากับคนที่นับถือเขาก็มักจะข้างๆคูๆว่าเจ้าแม่เป็นผู้ชายมาก่อนบ้าง ผลที่ได้คือป่วยการ ตอนนี้รอทัศนะของ รร.อนุบาลฯดีกว่า
บางตำนานกล่าวไว้ในเชิงประวัติศาสตร์ว่าเจ้าแม่กวนอิม ถูกสมมุติขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของบางศาสนาเทวนิยมที่ยกย่อง พระแม่.... ชาวจีนที่ไม่อยากเปลี่ยนศาสนาก็เลยสมมุติเจ้าแม่กวนอิม เพื่อทัดทานว่าศาสนาเขาก็มีพระแม่เหมือนกัน
#5
โพสต์เมื่อ 09 March 2006 - 09:01 PM
ตำนานและความเชื่อต่างๆ บางเรื่องก็เป็นเรื่องแต่ง บางเรื่องก็อาจจะมีเค้าโครงที่เป็นเรื่องจริงอยู่บ้าง แต่ผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลา ก็ฟังเอาสนุกๆครับ เอาไว้ประดับความรู้ ให้รู้ถึงประวัติศาสตร์ ประเพณี และวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ แต่การคุยกันถึงเรื่องพวกนี้ บางทีต้องระมัดระวังนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อและความศรัทธาของคนอื่น ควรระวังในการใช้คำพูด อย่าให้ไปเป็นการดูถูกดูหมิ่นความเชื่อเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร เพื่อไปบอกความจริงให้เขารู้ แล้วให้เขาหันมายึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ยิ่งควรระวังอย่างมาก ไม่เช่นนั้นแทนที่จะสามารถปลูกสัมมาทิฐิให้เกิดขึ้นกับเขา จะกลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งและแตกแยกกันได้นะครับ ฝากไว้ครับ
Someday I'm gonna be free.
#6
โพสต์เมื่อ 10 March 2006 - 07:33 AM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#7
โพสต์เมื่อ 10 March 2006 - 01:57 PM
#8
โพสต์เมื่อ 10 March 2006 - 06:19 PM
he's not a god
he's the greatest teacher ever
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#9
โพสต์เมื่อ 12 March 2006 - 12:29 AM
The lord explains everything to the followers why we birth and where we should go. Our life in the world is not a safety place. The world is the junction between the heaven and hell. Although the next world we can go to the heaven, our life in the heaven will end in some day and be reborn to the next world. No guarantee will have the good life again in the next world life. Most people are living with a reckless, or no wisdom separates bad or goodness by seeing and knowing by own, eventually they are trapped in the law of karma as a cycle.
Why do we birth? How do we live only happiness? Nirvana is only answer. Nirvana is the objective of our life that it's the most safety place because our life will be free from the law of karma.
The most difficulty of those knowledge is a wisdom to Nirvana how we clarify the good or bad. For instance, “Does the Army have a right to kill their enemy except for a demerit? Yes, it’s right by the law of the world, but not by the law of karma.”
The lord has taught the law of karma, and represented himself as the role model how we escape this cycle. Birth, Aging, Illness, and Death is the four angelic messengers to everybody include the lord. The way to pursue perfection, and the way to Nirvana is the lord’s message and finally the lord has yet restated his total contents alike a few leaves on his palm, the rest contents as leaves of trees in a forest. The lord is not a god, but the greatest teacher of the world has been since 2549 years ago and forever.
Ps. Nice to see you at Wat Phra Dhammakaya, Tokyo...I will be there at first Sunday of month
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#10
โพสต์เมื่อ 12 March 2006 - 11:20 AM
ไปวัดหลวงพ่อโสธรมาเมื่อวานครับ เลยนำรูปในโรงเจวัดโสธร มาฝากครับ
#11
โพสต์เมื่อ 12 March 2006 - 04:09 PM
#12 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 12 March 2006 - 06:35 PM
เรานั่งสมาธิไม่ได้ จิตใจฟุ้งซ่าน เรานั่งแล้วเบื่อด้วย
เมื่อไหร่เราจะพบความสุขที่แท้จริง เรารอมานานแล้ว
ตอนนั่งสมาธิก็ไม่มีความสุข จะทำอย่างไรดีคะ
กลัวติดตามหมู่คณะไม่ทัน (กลัวโดนทิ้งด้วยอ่ะ) ฮือฮือ
#13 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 12 March 2006 - 07:31 PM
เพราะฉะนั้นไม่พูดอาจจะดีกว่านะเพราะอาจเกิดความแตกแยกให้กับหมู่คณะได้นะคะ
#14
โพสต์เมื่อ 12 March 2006 - 09:17 PM
เพราะฉะนั้นไม่พูดอาจจะดีกว่านะเพราะอาจเกิดความแตกแยกให้กับหมู่คณะได้นะคะ
ถูกต้องนะครับ เรื่องบางอย่าง "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสีย (ได้) ตำลึงทอง" ครับ
#15
โพสต์เมื่อ 13 March 2006 - 01:34 AM
เรานั่งสมาธิไม่ได้ จิตใจฟุ้งซ่าน เรานั่งแล้วเบื่อด้วย
เมื่อไหร่เราจะพบความสุขที่แท้จริง เรารอมานานแล้ว
ตอนนั่งสมาธิก็ไม่มีความสุข จะทำอย่างไรดีคะ
กลัวติดตามหมู่คณะไม่ทัน (กลัวโดนทิ้งด้วยอ่ะ) ฮือฮือ
อย่าไปคิดมากนะคะ หลายๆคนนั่งมาเป็นสิบปียังมืดตึ๊ดตื๋ออยู่เลยค่ะ ที่นั่งแล้วไม่มีความสุขเพราะลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง แล้วก็เค้นมากเกินไป เพราะอยากให้ได้เห็นเหมือนอย่างคนอื่น พอไม่ได้อย่างหวังก็เบื่อ พยายามทำใจให้อยู่ในบุญตลอดจะช่วยให้นั่งสมาธิแล้วสงบขึ้นนะคะ ทำใจให้อยู่ในบุญคือ คิด พูด ทำ แต่สิ่งดีๆเสมอๆ รักษาศีลเป็นปกติ ตรึกระลึกถึงความดีบ่อยๆ ให้มีธรรมะในใจยี่สิบสี่ชั่วโมง สวดมนต์เป็นประจำก่อนนั่งสมาธิ พอนั่งสมาธิก็ให้นั่งหลับตาเฉยๆ ไม่ต้องไปนึกถึงว่าต้องเห็นอะไร ให้นั่งเอาบุญเฉยๆค่ะ
นั่งนานๆ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ นะจ๊ะ
#16
โพสต์เมื่อ 13 March 2006 - 01:57 AM
กลัวติดตามหมู่คณะไม่ทัน (กลัวโดนทิ้งด้วยอ่ะ) ฮือฮือ
ใจคนเราเป็นธาตุสำเร็จนะครับ คิดให้สุข มันก็สุข คิดให้ทุกข์มันก็ทุกข์ แล้วแต่ใจของเราครับ ส่วนเรื่องที่ว่ากลัวจะตามหมู่คณะไม่ทันนั้น ไม่ต้องกลัวเลยครับ เพราะหากเราตั้งใจสร้างบารมีอย่างเต็มที่ และปฏิบัติธรรมอยู่อย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ สักวันหนึ่งเราต้องสมหวังอย่างแน่นอน เพราะเราต้องคิดในเชิงบวกไว้ก่อนว่า "ยิ่งมืด ยิ่งใกล้สว่าง ผู้ที่สว่างในวันนี้ คือ ผู้ที่เคยมืดมิดมาก่อน" อีกอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านยังบอกกับลูกๆ ของท่านอยู่เสมอว่า จะหอบหิ้วพวกเราไปสร้างบารมีร่วมกับท่านไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม แต่มีข้อแม้อยู่เหมือนกันว่า "ต้องตั้งใจสร้างบารมีแบบทุ่มเทจริงๆ และไม่ทอดทิ้งหมู่คณะ" นะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 09:47 PM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#18
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 01:07 PM
#19
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 02:09 PM