ความประมาทของผู้นั่งสมาธิ 11 ประการ
หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ตลอด 45 พรรษาแล้ว ทรงเปล่งปัจฉิมวาจาก่อนดับขันธปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา ว่า
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยงมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประ
มาทให้ถึงพร้อมเถิด"
(มหาปรินิพพานสูตร ฑี.ม. 10/143/180)
ความหมาย "ความไม่ประมาท"คือ การที่สติกำกับตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะคิด พูด ทำสิ่งใดๆ
จะไม่ยอมถลำสู่ทางเสื่อม และ ไม่ยอมพลาดโอกาสในการสร้างความดี
การเจริญภาวนา เป็นเหตุให้เกิดการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า หากไม่ประกอบเหตุคือการเจริญภาวนา ผลคือการตรัสรู้ธรรม ย่อมไม่มี
ดังนั้นการเจริญภาวนา หรือพูดสั้นๆว่าการนั่งสมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หวังความสุขความหลุดพ้นเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ไม่นั่งสมาธิ ได้ชื่อว่าประมาทที่สุด เพราะหากไม่เข้าถึงกายธรรมอรหันต์ เป็นพระอรหันต์ ก็ตกเป็นบ่าวเป็นทาสกิเลสตลอดไป ผู้ไม่นั่งสมาธิได้ชื่อ
ว่าประมาทขอยกไว้
แม้ผู้นั่งสมาธิแล้วก็ยังได้ชื่อว่าประมาทอยู่หากมีลักษณะ 11ประการ ดังนี้
1. ไม่ทำกิจโดยเคารพ คือนั่งสมาธิไปอย่างนั้นๆ ไม่ศึกษาว่าทำถูกต้อง ถูกวิธีหรือไม่ทำผิดก็คิดว่าทำถูก ทำน้อยก็คิดว่าทำมาก จึงได้รับผลไม่เต็ม
ที่เท่าที่ควร
2. ไม่ทำติดต่อกัน คือนั่งสมาธิแบบเดี๋ยวจริงเดี๋ยวหย่อน เหมือนธารน้ำที่ไม่เชื่อมต่อกันก็กลายเป็นร่องน้ำเป็นหย่อมๆ ไป
3. ทำๆ หยุดๆ คือนั่งสมาธิไปช่วง เลิกนั่งไปอีกช่วงเหมือนกระแตที่วิ่งๆ หยุดๆ แม้ช่วงที่ได้นั่งสมาธิจะได้ผลอย่างดี แต่หากทำๆ หยุดๆ แล้วก็
ยากที่จะเอาดีได้ เหมือนนักกีฬาที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง หากซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้าง ก็ยากที่จะก้าวไปสู่ความเป็นเลิศได้
4. ทำอย่างท้อถอย คือนั่งสมาธิเหมือนคนซังกะตาย เหมือนลูกจ้างที่ทำงานไม่เต็มแรง
5. ทอดฉันทะ คือทำแบบเลื่อนลอย ทำแบบหมดรัก "ความรัก" จะก่อให้เกิดพลังอย่างน่าอัศจรรย์
6. ทอดธุระ อาการหนักกว่า ทอดฉันทะอีก คือไม่สนใจทำแล้ว
7. ไม่ติด คือทอดธุระแล้วก็ชะล่าใจ ชักนั่งสมาธิไม่ติดแล้ว ผุดลุกผุดนั่ง
8. ไม่คุ้น คือพอทิ้งไปมากเข้าบ่อยเข้า ครั้นมานั่งสมาธิอีก ก็เหมือนมาเริ่มต้นใหม่เหมือนไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน
รู้สึกอึดอัดขัดข้องไปหมดก็ต้อง อดทน...อดทน... แล้วก็ อดทน ก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ เอง ไม่ควรท้อถอย หรือหมดกำลังใจ
9. ไม่ทำจริงๆ จังๆ คือทำแบบเช้าชาม เย็นชาม ทำพอได้ชื่อว่าทำ
10. ไม่ตั้งใจทำ คือทำแบบถูกบังคับให้นั่ง ทำแบบให้คิดจะเอาดี
อันที่จริง จะตั้งใจนั่งสมาธิกับไม่ตั้งใจช่วงเวลานั้นก็ใช้เวลาเท่ากัน ไหนๆ จะต้องเสียเวลาแล้วก็น่าจะทำให้ดีที่สุด
11. ไม่หมั่นประกอบ คือนานๆ ทำที ทำที่ก็ทำแต่น้อย เช่นนั่งสมาธิปีละ3 ครั้งครั้งละ 10 นาทีเป็นต้น
พระพุทธองค์ท่านทรงสอนให้เราสันโดษในปัจจัย 4 แต่ไม่ใช่สันโดษในการสร้างความดี ความดีเป็นสิ่งที่ต้องสร้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือน
ทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ บัณฑิตไม่อิ่มด้วยความดี โดยเฉพาะความดีที่เกิดจาก การนั่งสมาธิเจริญภาวนา
ความประมาททั้ง 11 ประการนี้ จะค่อยๆ บั่นทอนความดี จากการนั่งสมาธิไปเรื่อยๆจนเราหมดกำลังใจที่จะทำต่อไป
ดังนั้นจึงควรเร่งตรวจสอบตนเองและหมั่นฝึกใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายเรื่อยไป จนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน
ความไม่ประมาทแบบย่อ ความไม่ประมาทคำเดียว แต่ได้ย่อพระไตรปิฏกทั้งหมดลงคำๆ นี้ อุปมาเหมือนรอยเท้าสัตว์ทุกรอย สามารถบรรจุในรอย
เท้าช้างได้
พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี
ได้สรุปเรื่องความไม่ประมาทอย่างง่ายๆ ว่า
"ท่านทั้งหลายจงรีบฝึกฝนอบรมตน ให้เข้าถึงธรรมกายให้ได้ อย่าประมาทในชีวิต "ประมาท" หมายถึง เอาใจออกห่างศูนย์กลางกาย ใจออก
จากศูนย์กลางกายได้ชื่อว่าประมาทแล้ว การเข้าถึงธรรมกายก็จะยืดออกไป ทำให้สิ่งที่เราจะเรียนรู้อะไรต่างๆอีกมากมายหมดสิ้นไป...
ให้ตรึกระลึกถึงศูนย์กลางกายตั้งแต่ตื่นจนกระทั้งหลับ วางใจให้ถูกส่วนให้ละเอียดอ่อน ให้จริงจังจริงใจ และสม่ำเสมอทุกวัน
ความสม่ำเสมอเป็นหัวใจแห่งการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม เจ็บไข้ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เราปิดตาจรดศูนย์กลางกาย ก็
เป็นการกำชัยชนะล้านเปอร์เซนต์แล้ว"
ชีวิตปลา รักน้ำ ขวนขวายที่จะอยู่กับน้ำ และขาดน้ำไม่ได้ฉันใด ชีวิตเราก็ต้องรักศูนย์กลางกาย ขวนขวายที่จะอยู่กับศูนย์กลางกาย และขาด
ศูนย์กลางกายไม่ได้ฉันนั้น
Ref: วารสารกัลฯ ฉบับที่ 144 ธันวาคม 2540
จากยอดดอย โดยทันต์จิตต์
Credit: พระอาจารย์ ณรงค์ ทฺนตจิตโต
แล้วอย่าลืมบันทึกผลการปฏิบัติธรรมกันด้วยนะครับ