เมื่อไรกายและใจรวมกันเป็นหนึ่ง
คือ ใจไม่ซัดส่ายไปที่อื่น
ไม่ฟุ้งซ่าน
มาหยุดนิ่งอยู่ภายในกลางกาย
เมื่อนั้น
ใจจะมีพลัง มีอานุภาพ
ที่จะเข้าถึงความสุขภายใน
ความบริสุทธิ์ และความรู้แจ้งเห็นแจ้งความจริง ของชีวิตได้
คือ ใจไม่ซัดส่ายไปที่อื่น
ไม่ฟุ้งซ่าน
มาหยุดนิ่งอยู่ภายในกลางกาย
เมื่อนั้น
ใจจะมีพลัง มีอานุภาพ
ที่จะเข้าถึงความสุขภายใน
ความบริสุทธิ์ และความรู้แจ้งเห็นแจ้งความจริง ของชีวิตได้
ขอน้อมนำคำสอน ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณครูไม่ใหญ่ของพวกเรา นำมาฝากเพื่อนๆ พี่น้องๆ ทุกท่าน
โดยเฉพาะท่าน ที่กำลังฝ่าฟันสารพันปัญหา ในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้
ลองนึกดูว่าถ้าใจเรา ยังซัดส่าย หมองเศร้า
ใจเราก็เปรียบ เหมือนกระจกที่มีฝุ่นจับหนา จะมองผ่านไปเห็นภาพที่แท้จริงยังไม่ได้เลย
นับประสาอะไร ที่จะหาทางไปแก้ปัญหาที่เกิด
รังแต่จะทำให้ยุ่งขึ้น หนักขึ้นล่ะไม่ว่า
การนั่งสมาธิ นอกจากจะได้ฝึกใจ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับความบริสุทธิ์ภายในแล้ว
ใจของเรา ยังได้ถูกชำระล้าง คราบเขม่าที่มาเกาะในแต่ละวัน ให้ใสสะอาดขึ้น
..และพอสะอาดแล้ว ยังเติมพลังและกำลังให้อีก..
ทำให้เรามีความ ได้เปรียบ ในการดำเนินชีวิตในทุกๆเริ่มต้นวัน เมื่อต้องลงไปในสนามธุรกิจการงาน..ใดๆ
...
เข้าพรรษานี้ หมั่นขยันนั่งสมาธิให้ก้าวหน้า(ซะที)
ทำการบ้าน ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทุกวันให้ครบ
พอทำได้สม่ำเสมอ จะปลื้มกับผลที่ขยัน..
...
สำหรับท่านที่ตั้งสัจจะ ทำความเพียรในช่วงพรรษา
สมาธิก้าวหน้า ผ่องใสกันไปได้เท่าไรกันแล้ว
มาอัพเดทให้ปลื้มกันได้บ้างไหม