สรุปกรณีศึกษากฎแห่งกรรม
วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549
วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549
พ่อและแม่ของเจ้าของเคสมีลูกด้วยกันสองคน แต่ลูกคนที่สองเสียชีวิตตั้งแต่อายุได้ 7 วัน จึงเหลือเจ้าของเคสเป็นลูกเพียงคนเดียว พ่อของเจ้าของเคสเป็นชาวนา มีอุปนิสัยขยันขันแข็ง ใจบุญ แต่พ่อของเจ้าของเคสก็มีชีวิตที่แตกต่างจากพี่น้องคนอื่นคือพ่อของเจ้าของเคสไม่ได้รับการแบ่งมรดกเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ
พ่อของเจ้าของเคสป่วยและเสียชีวิตตอนเจ้าของเคสอายุยังน้อย โดยในวันที่พ่อเสียชีวิต เจ้าของเคสและแม่ก็ถูกไล่ออกจากบ้านโดยไม่ใยดี เพราะญาติฝ่ายพ่อกลัวว่าเจ้าของเคสและแม่จะมีส่วนในสมบัติของตระกูลฝ่ายพ่อ ทำให้เจ้าของเคสและแม่ต้องออกจากบ้านมาโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ใด แต่เจ้าของเคสและแม่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากพระภิกษุเจ้าอาวาสรูปหนึ่งได้อนุญาตให้แม่ของเจ้าของเคสไปตัดเอาไม่ไผ่ที่ใช้ล้อมรั้ววัดมาทำเป็นเพิงเพื่อพักอาศัยชั่วคราวก่อน ในขณะเดียวกันแม่ก็ได้ไปหาน้องเขยเพื่อขอเช่าที่นา โดยตั้งใจว่าจะทำนาปลูกข้าวเพื่อเลี้ยงครอบครัว และนับตั้งแต่นั้นมาเจ้าของเคสก็ต้องตกระกำลำบาก ต้องช่วยทำแม่ทำนามาตลอด โดยในช่วงแรกแม่ของเจ้าของเคสยังต้องไปกู้เงินเพื่อเอาใช้เป็นทุน จากนั้นเมื่อเก็บเกี่ยวและขายข้าวได้จึงเอาเงินไปใช้คืนจนหมด
เจ้าของเคสต้องทำงานหนักตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาว ครั้งหนึ่งเจ้าของเคสเคยมีความคิดว่าจะแต่งงาน เพื่อจะได้มีคนมาช่วยทำมาหากิน จนวันหนึ่งได้พบผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติตามแบบที่เจ้าของเคสมองหา และเมื่อตกลงว่าจะแต่งงานกัน แม่ของสามีกลับไม่ยอม เพราะเห็นว่าเจ้าของเคสมีฐานะยากจน แต่สามีของเจ้าของเคสไม่ยอม และยืนยันกับแม่ของตนเองว่าต้องการแต่งงานกับเจ้าของเคสเพราะรักเจ้าของเคสจริงๆ จนในที่สุดแม่ของสามีของเจ้าของเคสก็ยอมให้แต่งงานกัน โดยเมื่อแต่งงานกันแล้วแม่ของสามีก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ให้ความรักกับเจ้าของเคสเสมือนหนึ่งเป็นลูกของตนเอง ให้ความช่วยเหลือเจ้าของเคสและสามีมาโดยตลอด ซึ่งก็ทำให้เจ้าของเคสรู้สึกรักและเคารพแม่ของสามีเป็นอย่างมาก
ชีวิตหลังแต่งงานของเจ้าของเคสกลับมีสภาพไม่ต่างจากเดิมเพราะมีปัญหาต่างๆ มากมาย ต้องทำงานมากขึ้นเพราะต้องเลี้ยงลูกที่เกิดมาอีกหลายคน ซ้ำสามีของเจ้าของเคสก็มาล้มป่วย มีอาการทางประสาทอย่างรุนแรง โดยจะอาละวาด เอ็ดตะโรและโวยวาย ด่าทออย่างหยาบคาย เหมือนคนไม่มีสติ ซ้ำร้ายบางทียังใช้หอกวิ่งไล่ทำร้ายเจ้าของเคส ซึ่งเจ้าของเคสก็ไม่ถือสาเพราะเข้าใจว่าเป้นเพราะอาการโรคประสาท เจ้ของเคสพาสามีไปหาหมอ โดยหมอก้ได้จ่ายยาให้ซึ่งก็ช่วยระงับอาการได้ชั่วคราว พอหมดฤทธิ์ยาก็เป็นอีก แต่บางทีก็เป็นปกติเหมือนคนธรรมดาและชอบถามเจ้าของเคสเสมอว่าเหนื่อไหมจ๊ะคนดี
ในช่วงเวลานั้นเจ้าของเคสต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูสามีและลูกๆ และด้วยสภาพสถานะการเงินของครอบครัวที่ย่ำแย่ลง รวมถึงเกิดการทะเลาะกันเองภายในหมู่ญาติ จนเจ้าของเคสโดนไล่ออกจากที่ทำกิน ซึ่งก็ทำให้เจ้าของเคสรู้สึกทุกข์อย่างมาก แต่เจ้าของเคสก็ยังคิดได้ว่าที่ต้องลำบากเช่นนี้เพราะทำบุญมาน้อย จึงเกิดความต้องการอยากสร้างบุญบารมีเพิ่มเติม โดยคิดไปว่าน่าจะมีวัดและพระดีๆ เพื่อให้ตนเองและครอบครัวได้ทำบุญ ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นเจ้าของเคสก็ได้ข่าวการสร้างศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม เจ้าของเคสได้มีโอกาสมาร่วมบุญตั้งแต่วันขุดดินก้อนแรก ได้มาพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ซึ่งเจ้าของเคสก็เกิดความรูสึกว่าวัดนี้คือที่ที่ตนเองต้องการ และตั้งใจจะสร้างบุญสร้างบารมีกับวัดนี้ เจ้าของเคสจึงได้หาเช่าที่นาใกล้ๆ วัด จากนั้นเจ้าของเคสก็ย้ายครอบครัวมายังบริเวณ อ.คลองสามใกล้วัด ซึ่งก็เป็นโอกาสให้เจ้าของเคสได้ร่วมบุญกับทางวัดทุกบุญไม่เคยขาดเลยตั้งแต่สร้างโบสถ์ คัดหิน จัดดอกไม้ ช่วยงานครัว จัดเตรียมภัตตาหาร ทำความสะอาด ซักล้าง ถอนหญ้า และเกือบทุกอย่างในวัด
เจ้าของเคสได้มีโอกาสฟังเทศน์ของหลวงพ่อ ซึ่งบอกให้เจ้าของเคสรับศีล 5 ซึ่งเข้าของเคสก็เรียนถามหลวงพ่อทันทีว่าคนจนเช่นตนเอง จะสามารถรับศีล 5 ได้หรือ โดยหลวงพ่อก็เมตตาให้คำตอบว่าได้ เพราะศีลเป็นทางมาของโภคทรัพย์สมบัติ แล้วจึงให้ศีลแก่เจ้าของเคส นับตั้งแต่นั้นมาเจ้าของเคสก็ได้รักษาศีลอยู่เป็นประจำอย่างเคร่งครัด ทั้งยังได้ชักชวนลูกๆ ทุกคนให้เข้าวัดทำบุญตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันนี้ และนับจากวันที่เจ้าของเคสเข้าวัดทำบุญ สภาพการทำมาหากินก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่มีความลำบากยากแค้น ก็จะมีคนยื่นมือมาช่วยเหลือเสมอ เช่นเจ้าของที่นามี่เจ้าของเคสเช่าอยู่ก็ยังยกบ้านสองชั้นของตนเองที่อยู่บนที่นาที่เจ้าของเคสเช่าให้เจ้าของเคสอยู่ฟรีๆ ทั้งหลัง
ต่อมาสามีของเจ้าของเคสเกิดล้มป่วยเป็นอัมพาต สุขภาพอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหลับและเสียชีวิตไปในที่สุด เจ้าของเคสได้จัดงานพิธ๊ที่บ้านเป็นรนะยะเวลา 7 วัน ซึ่งในช่วง 7 วันนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่ในวันที่ 8 หลังจากเก็บกระดูกกลับมาบ้าน ลูกสาวของเจ้าของเคสก็พูดขึ้นมาว่า 'ป๋ากลับมาบ้านของเรานะ' และประมาณหกโมงเย็นวันเดียวกันขณะที่เจ้าของเคสกำลังดำนาอยู่นั้น ก็เกิดอาการใจสั่น และสักครู่เจ้าของเคสก็ได้กลิ่นฉุนเหมือนกลิ่นดอกซ่อนกลิ่น ซึ่งก็ทำให้เจ้าของเคสคิดไปว่าสามีคงอยู่บริเวณนั้น เจ้าของเคสจึงพูดออกมาในทำนองว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว ให้สามีไปบูชาเจดีย์ที่วัด ไปดูองค์พระที่เจดีย์ที่สร้างไว้ และให้ไปหาหลวงพ่อ
หัวค่ำวันนั้นบริเวณใกล้เคียงบ้านของเจ้าของเคสก็เกิดเสียงหมาหอนดังไปทั่วอย่างผิดปกติ แต่หมาที่บ้านเจ้าของเคสกลับไม่หอน แต่กลับกระดิกหางแสดงอาการดีใจเหมือนมีใครมาเล่นด้วยอยู่ในบ้าน ซึ่งเจ้าของเคสมองไปก็ไม่พบใคร จนลูกๆ ร้องถามว่าทำไมครบ 7 วันแล้วพ่อของตนเองไม่ไป ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ สร้างความหวดกลัวให้กับทุกคนในบ้าน คืนนั้นทุกคนในบ้านจึงมานอนเรียงกัน ทันใดนั้นเองลูกสาวของเจ้าของเคสก็ดิ้นเหมือนมีใครมาทับ จนต้องลุกขึ้น สักครู่ลูกสาวก็หาย แต่อาการเดียวกันก็เกิดกลับน้องชายของสามีแทน ซึ่งมีอาการตาขวาง เสียงเปลี่ยนไป จากนั้นน้องชายของสามีก็พูดตะโกนด่าขึ้น ซึ่งทำให้ทุกคนในครอบครัวเชื่อว่าเป็นสามีของเจ้าของเคสมาเข้าสิงร่างน้องชายสามี จากนั้นน้องชายสามีก็ด่าและว่ากล่าวทุกคนเหมือนอย่างที่สามีของเจ้าของเคสเคยทำ ซึ่งเจ้าของเคสเองก็ได้แต่บอกว่าตายแล้วก็ให้ไปหาหลวงพ่อ และพยายามทำให้น้องชายสามีได้สติ ทุกคนหวาดกลัวจนไม่ได้หลับนอนกันเลย รุ่งเช้าเจ้าของเคสจึงมาบุญอุทิศส่วนกุศลที่วัด และได้กราบเรียนเรื่องดังกล่าวให้หลวงพ่อทราบ ซึ่งคืนต่อมาเหตุการณ์ก็กลับเป็นปกติ
แม่ของเจ้าของเคสเป็นคนใจเย็น ชอบกินหมาก เสียชีวิตด้วยโรคดีซ่าน แม่สามีเป็นคนชอบทำบุญมาก ทุกครั้งจะทำบุญด้วยของดีๆ และจะทำทีละเยอะๆ เสียชีวิตด้วยอาการสงบ
QUOTE
หลับตา ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาวหนึ่งที แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
Q: เพราะกรรมใดทำให้พ่อของเจ้าของเคสไม่ได้รับมรดก ทั้งๆ ที่พี่น้องพ่อคนอื่นได้รับมรดกมากมาย พ่อตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือเปล่า
[attachmentid=2599]
A: กรรมในอดีตทำทานมาน้อย และในชาตินั้นเป็นพี่ชายคนโต เมื่อพ่อตายก็แบ่งมรดก้กับพี่น้อง แต่มีน้องคนหนึ่งที่ชอบขัดใจตนเองจึงไม่แบ่งมรดกให้ วิบากกรรมดังกล่าวมาส่งผลให้พ่อของเจ้าของเคสไม่ได้รับมรดก ทั้งๆ ที่พี่น้องพ่อคนอื่นได้รับมรดกมากมาย
[attachmentid=2600]
พ่อของเจ้าจองเคสตายแล้วไปเกิดเป็นภุมมะเทวาระดับทั่วไป อดอยากเพราะไม่ค่อยได้ทำบุญเมื่อยังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้รับบุญที่อุทิศไปให้ก็มีสภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม
Q: เพราะเหตุใดเจ้าของเคสจึงเกิดเป็นชาวนา ต้องลำบากตั้งแต่เล็ก และโดนไล่ออกจากบ้านพร้อมแม่ตั้งแต่เล็ก บุญใดที่ช่วยให้เจ้าของนาที่เจ้าของเคสเช่าอยู่ยกบ้านให้เฉยๆ และเพราะเหตุใดเจ้าของเคสถึงมีที่ทำกิน แต่ก็เป็นที่ที่ต้องเช่าคนอื่น ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
[attachmentid=2601]
A: เจ้าของเคสจึงเกิดเป็นชาวนา ต้องลำบากตั้งแต่เล็ก โดนไล่ออกจากบ้านพร้อมแม่ และโดนไล่ที่ทำกินเพราะในอดีตชาติเจ้าของเคสเป็นเศรษฐีมีที่ดินมาก ได้เคยลูกนาออกไปจากที่ของตนเพราะไม่จ่าสยค่าเช่า อีกทั้งมีความประมาทในชีวิต เป็นคนตระหนี่และไม่ค่อยได้ทำทาน
[attachmentid=2602]
เจ้าของนายกที่ให้เฉยๆ เพราะในอดีตเจ้าของเคสในชาติที่เป็นเศรษฐีได้ให้ความช่วยเหลือญาติที่ยากจน โดยให้มาอาศัยในที่ดินของตนเอง แต่ไม่เคยทำบุญด้วยที่ดิน อีกทั่งยังให้ญาติคนดังกล่าวอาศัยทำกินเพียงชั่วคราวจึงทำให้ในชาตินี้แม้มีที่ทำกิน ก็จะเป็นที่ดินที่ต้องเช่าคนอื่น ไม่ใช่ของตนเอง
Q: กรรมใดที่ทำให้เจ้าของเคสต้องมาเลี้ยงดูสามีที่เป็นโรคประสาท และขัดขวางการเข้าวัดทำบุญของตนเอง
[attachmentid=2603][attachmentid=2605]
A: ในอดีตก่อนมี่เจ้าของเคสจะมาพบหมู่คณะเคยมีสามีเป็นคนขี้เหล้า ชาตินั้นเจ้าของเคสชอบซื้อเหล้าและทำกับแกล้มให้สามีมากินเหล้ากับเพื่อนที่บ้าน เพราะไม่ต้องการให้สามีออกไปที่อื่น จึงมิวิบากกรรมให้ต้องมาเลี้ยงดูสามีที่อาการประสาท รวมทั้งในชาตินั้นเจ้าของเคสยังไม่มีความเข้าใจเรื่องการสร้างบุญบารมี จึงมักห้ามคนรู้จักไม่ให้มาทำบุญกับหมู่คณะ เพราะเสียดายสมบัติแทนคนอื่นด้วยความตระหนี่
Q: เพราะกรรมใดที่ทำให้สามีของเจ้าของเคสป่วยเป็นโรคประสาทและอัมพาต
[attachmentid=2606]
A: กรรมในอดีตที่ชอบดื่มสุรา พอเมาแล้วก็จะอาละวาด และมัดขาสัตว์เพื่อส่งขาย หรือฆ่าเองบ้างเป็นครั้งคราว วิบากกรรมดังกล่าวมารวมส่งผลทำให้สามีของเจ้าของเคสป่วยเป็นโรคประสาทและอัมพาต
Q: หลังจากเก็บกระดูก ที่ลูกสาวของเจ้าของเคสพูดชวนสามีให้กลับบ้านนั้น สามีของเจ้าของเคสรับรู้หรือไม่ และสามีของเจ้าของเคสทำอย่างไร ได้มาหาเจ้าของเคสและลูกๆ ที่บ้าน รวมถึงที่บ้านเพื่อนๆ สามีจริงหรือไม่
[attachmentid=2607]
A: สามีของเจ้าของเคสรับรู้ที่ลูกสาวพูด เมื่อตายแล้วยังเดินตามลูกๆ และครอบครัวไปมาเพราะยังงงอยู่ในช่วงแรก โดยได้ไปหาเจ้าของเคสและเพื่อนๆ จริง โดยพยายามจะสื่อสารกับทุกคน แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจ
Q: ทำไมสามีของเจ้าของเคสถึงพยายามเข้าสิงลูกสาว แต่กลับเข้าสิงไม่ได้ แต่ไปเข้าสิงน้องชายสามีได้ เมื่อเข้าสิงน้องชายสามีได้แล้ว ก็เกิดอาละวาดขึ้นเพราะอะไร ทำไมเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดในวันที่ 8 สามีของเจ้าของเคสไปทำอะไรบ้างในช่วง 7 วันก่อนหน้านั้น
[attachmentid=2608][attachmentid=2609]
A: เข้าสิงลูกสาวไม่ได้เพราะลูกสาวมีบุญมากกว่า แต่น้องชายสามีมีบุญกรรมใกล้เคียงกันจึงสามารถเข้าสิงได้ ส่วนที่เข้าสิงแล้วอาละวาดก็เพราะยังคงมีอาการประสาทอยู่ จากวิบากกรรมสุราที่ยังมากอยู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 เพราะเจ็ดวันแรกสามีของเจ้าของเคสยังงงๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรด้วยอาการประสาท แต่ก็รับรู้ได้บางเรื่องเช่นตอนที่ลูกสาวชวนกลับบ้าน
Q: ขณะนี้สามีของเจ้าของเคสอยู่ที่ไหน รู้สึกตัวว่าตายแล้วหรือไม่ ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือเปล่า มีอะไรฝากบอกเจ้าของเคสและลูกๆ หรือไม่
[attachmentid=2610][attachmentid=2611]
A: เมื่อครบ 7 วันกายละเอียดก็เปลี่ยนสภาพจากกายสัมพเวสีเป็นกายภุมมะเทวาระดับล่างที่ยังมีกรรมสุราอยู่ ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าได้เสียชีวิตแล้ว ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ทำให้อาการทางประสาทหายไป และทำให้ไปเป็นภุมมะเทวาระดับที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยไปเป็นบริวารของเจ้าหน้าที่เขตแถวบ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน ยังคงมาเยี่ยมเจ้าของเคสและลูกๆ อยู่เป็นระยะๆ โดยฝากบอกมาว่าให้ทำบุญอุทิศไปให้บ่อยๆ เพราะตอนนี้สามีเข้าใจเรื่องบุญดีขึ้นแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่เขตที่เป็นสัมมาทิฐิได้อบรมสั่งสอน จนกลายเป็นคนเรียบร้อยผิดกับสมัยที่เป็นมนุษย์มาก
Q: แม่ของเจ้าของเคสตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือเปล่า การที่แม่ของเจ้าของเคสกินหมากเป็นประจำจะบาปหรือไม่ มีผลเหมือนการสูบบุหรี่หรือไม่
[attachmentid=2612][attachmentid=2613]
A: แม่ของเจ้าของเคสตายแล้วไปเกิดเป็นเทพธิดา มีวิมานขนาดกลางในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เฟสสามด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้วยิ่งทำให้มีทิพยสมบัติมากขึ้น การกินหมากไม่ได้มีวิบากกรรมใด เพียงแต่ทำให้สกปรก และเกิดภาระ ต่างจากการสูบบุหรี่ที่เป็นการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น จึงเกิดวิบากกรรมกับผู้สูบ
Q: เพราะเหตุใดก่อนแต่งงานแม่สามีถึงไม่ชอบเจ้าของเคส แต่ก็เปลี่ยนไปภายหลังแต่งงาน แม่สามีตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือเปล่า
[attachmentid=2614][attachmentid=2615]
A: เพราะตอนแรกแม่สามีเห็นว่าเจ้าของเคสยากจนจึงรังเกียจ แต่เพราะความดีของเจ้าของเคสซึ่งท่านเห็นว่าหาได้ยากจากลูกสะใภ้คนอื่น จึงเปลี่ยนใจมารักเจ้าของเคสอย่างเต็มที่เหมือนลูกของตนเอง แม่สามีตายแล้วไปเกิดเป็นเทพธิดา มีวิมานขนาดกลางในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เฟสสามด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้วเกิดเป็นเทพธิดา มีวิมานทองใหญ่กว่าแม่ของเจ้าของเคสนิดหน่อยในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เฟสสามด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้วยิ่งทำให้มีทิพยสมบัติมากขึ้น
Q: เพราะบุญใดที่ทำให้เจ้าของเคสมีบ้านและที่นาอยู่ข้างวัด และได้มาพบหมู่คณะตั้งแต่เริ่มสร้างวัด เจ้าของเคสและลูกๆ เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร มีหน้าที่อะไรในหมู่คณะ มีผลการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร เคยเข้าถึงพระธรรมกายหรือไม่ และลูกๆ ของเจ้าของเคสมีบุญมากพอที่จะมีสมบัติมากกว่าเจ้าของเคสหรือไม่
[attachmentid=2616][attachmentid=2617]
A: เพราะพุทธันดรที่ผ่านมาเป็นธิดาเศรษฐี มีทรัพย์สมบัติมากมาย ได้รับการตามใจตั้งแต่เด็ก จึงทำให้มีนิสัยเย่อหยิ่ง ถือตัว ขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจตนเอง จนเมื่อบิดามารดาในชาตินั้นตาย ก็ใช้จ่ายมรดกอย่างฟุ่มเฟือยจนมีฐานะยากจน ต่อมาก็ได้พบกับพระภิกษุที่ถูกส่งไปเผยแพร่ในเมืองที่เจ้าของเคสอาศัยอยู่ ซึ่งพระภิกษุรูปนั้นก็ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับเจ้าของเคส โดยเจ้าของเคสก็ได้ทำบุญแบบตามมีตามเกิดเพราะในขณะนั้นไม่มีทรัพย์สมบัติแล้ว เมื่อทำบุญแล้วก็อฐิษฐานจิตว่าชาติถัดไปขอให้มาพบหมู่คณะเร็วๆ มาเกิดใกล้ๆ วัดอย่าอยู่ต่างแคว้นต่างเมือง เพื่อจะได้สร้างบุญอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง บุญดังกล่าวมาส่งผลทำให้มาพบหมู่คณะตั้งแต่สร้างวัด และได้มาอยู่ใกล้ๆ วัดในชาติปัจจุบัน
[attachmentid=2618]
เจ้าของเคสและลูกๆ ทุกคนสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียงมาหลายชาติ โดยในชาติที่เจ้าของเคสเป็นเศรษฐีแล้วยากจนลง ก็ได้ไปชักชวนหมู่ญาติมาทำบุญกับหมู่คณะ โดยหมู่ญาติในชาตินั้นก็คือลูกๆ ของเจ้าของเคสในชาติปัจจุบัน ซึ่งลูกๆ ของเจ้าของเคสได้ทำทานมามากกว่าเจ้าของเคส จึงมีโอกาสมีทรัพย์สมบัติมากกว่าเจ้าของเคส
[attachmentid=2619]
เจ้าของเคสมีผลการปฏิบัติธรรมดี พอเห็นองค์พระแบบกุศลนิมิตร พอเอาตัวรอดประคับคองตนกลับดุสิตบุรีวงบุญพิเศษได้
[attachmentid=2620]
เหนื่อยไหมจ๊ะคนดี
ชาตินี้เมื่อมาเจอกันแล้วก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีในทุกๆ บุญอย่างเต็มที่
และอฐิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรี อย่าได้พลัดกันอีกเลย
และอฐิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรี อย่าได้พลัดกันอีกเลย