ช่วยแนะนำด้วยค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 08:11 PM
มันเป็นเพราะกรรมอะไรของหนูหรือค่ะ ที่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ตลอดเลย หนูรู้สึกเหนื่อยใจ และเศร้ามากเลยค่ะ
หนูมองตัวเองเสมอว่าเราไปทำอะไรเขาหรือเปล่า ก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิด คือหนูพูดจาดีด้วยตลอด มีอะไรช่วยตลอด มีอะไรดีๆจะคอยบอกตลอด ให้ยืมเงินทั้งๆที่ไม่เคยได้คืนก็ตาม ไม่รู้ว่าความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กัน ที่เคยสนุกสนานกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง ทำไมความรู้สึกนั้นมันเริ่มลดลงเรื่อยๆในใจของพวกเขา ทั้งๆที่เราเจอกันทุกวัน แต่เหมือนมีอะไรมากั้นก็ไม่รู้ มันรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ตัวตน และเจ็บปวด เวลาที่เขาคุยกันสนุกสนานทำเหมือนไม่มีหนูอยู่ในนั้นด้วย และถ้าเป้นอย่างนี้ไปนานๆ หนูกลัวว่าจะเกิดความห่างเหินกันค่ะ
ตอนนี้หนูก็เลยตั้งใจสวดมนต์ นั่งสมาธิ ให้จิตใจสงบ และอุทิศส่วนกุสลให้กับเจ้ากรรมนายเวร และอุทิศให้กับเพื่อนๆเหล่านั้น
จะเป็นการช่วยให้ความรู้สึกดีๆมันกลับคืนมาได้บ้างไหมค่ะ เพราะยังต้องการเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาอยู่เสมอ
#2
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 09:02 PM
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เจอเพื่อนมากมายหลายร้อยคนเลยครับ และพี่ก็มักจะมีนิสัยแบบน้องด้วยครับ เหมือนกันเด๊ะเลย ความรักเพื่อน ห่วงเพื่อน มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พี่เพิ่งมารู้ตอนหลังจากเข้าวัดว่า นิสัยแบบนั้นเป็นอุปนิสัยของพระโพธิสัตว์เลยครับ เป็นความรู้สึกที่มีต่อมนุษย์เพื่อนร่วมโลกทุกคน ไม่ใช่แค่กลุ่มเพื่อนเท่านั้น
วันเวลาผ่านไปเพื่อนแต่ละกลุ่มละแก๊งก็เปลี่ยนแปลงไป ทุกวันนี้เพื่อนสมัยเรียนของพี่ไม่เหลือเลยสักคน ทุกวันนี้อยู่คนเดียวครับ อยู่แบบคนไม่มีเพื่อน แต่พี่ไม่เหงาเลยครับ เพราะพี่มีญาติๆที่บ้านและญาติๆที่วัด รวมทั้งเพื่อนกัลญาณมิตรที่ทำให้พี่มีความสุขอบอุ่นที่สุด อบอุ่นกว่าครอบครัวไหนๆที่ได้เคยเจอมา โดยเฉพาะที่อบอุ่นและมีความสุขที่สุดก็คือ การได้เข้ามาอยู่ในอ้อมอกพ่อของเรา ซึ่งเป็นอ้อมอกที่ท่านให้ความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดกับลูกๆทุกคนตลอดมา
จากวันนั้นจนวันนี้พี่ลืมเพื่อนๆสมัยก่อนๆไปหมดแล้ว ไม่เหลือเลยสักคน จะมีติดต่อคุยกันบ้างก็ไม่กี่คนจะชวมมาวัดก็มาเป็นบางคน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอครับ หากน้องยังต้องการเป็นเพื่อนกับเขา เราต้องเป็นกัลญาณมิตรต่อเขา ชวนเขามาสร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะบ่อยๆ ต่อไปจะได้ไม่พรากจากกันอีก ถ้าชวนแล้วมาก็โชคดีของเขา ถ้าชวนแล้วชวนอีกก็ยังไม่มา ก็ไม่ต้องไปซีเรียสกังวลเพราะทุกอย่างในโลกเป้นอนิจจังไม่เที่ยงแท้ อย่าไปอาลัยอาวรน์ครับ
#3
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 09:07 PM
#4
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 03:43 AM
พี่เองโชคดี็มีเพื่อนที่ดีคล้ายๆกับน้องหลายคน แต่คนที่ทำให้พี่ได้คิดก็ตอนที่พี่เรียนมหาลัย เวลาที่พี่หงุดหงิดใจก็จะไปบ่นกะเธอ ซึ่งก็ทำให้ดีขึ้นนะ ครั้งหนึ่งพี่เคยถามว่าทำไมเธอถึงใจเย็นและก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนกะพฤติกรรมของเพื่อนคนอื่นเท่าไร คำตอบของเพื่อนในวันนั้นพี่เก็บมาใช้จนวันนี้และก็ได้ผลดีมากๆ เมื่อเรากำลังรู้สึกแย่กับคนอื่น นั่นก็คือ "ให้เราลดความสำคัญของตัวเองต่อคนอื่นลง แล้วเราจะรู้สึกดีขึ้นจ้า" ให้คิดว่าตัวเรานั้นไม่ได้สำคัญที่สุดเพื่อนคนนั้น การที่เขาไม่ได้แคร์เราที่สุดนั้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว พี่่ไม่ได้หมายถึงว่าให้คิดน้อยใจในชะตาชีวิตนะจ๊ะ พี่หมายถึงว่า คนเราน่ะยิ่งเราเรียกหาความสำคัญของตัว เราจะรู้สึกว่าค่าของเราน่ะมันน้อยลง หากเราไม่ให้เรียกร้องให้คนอื่นมาเห็นค่าของเรา เราจะรู้สึกมีค่ามากขึ้น
คนเราน่ะมีค่า มีค่าที่สุดสำหรับตัวเอง เราต้องรักตัวเองและอยู่ได้ด้วยตัวเอง อย่าไปให้ความสำคัญกับคนอื่นจนลืมนึกึงตัวเองด้วย
เรื่องเพื่อนสมัยเรียนตอนนี้ เดี๋ยวเราเรียนสูงขึ้นไปมันก็จะเป็นอดีตที่บางทีเราก็จะลืมมันไป (เหมือนพี่นี่ล่ะ) อย่าไปจิตตกกับมันเลย เราเป็นคนดีนั้นน่าภูมิใจที่สุดแล้ว ตั้งใจเรียน ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อย่าไปเครียดกับเรื่องอื่นจนทำให้หน้าที่ของเราต้องเสียไป เป็นกำลังใจให้นะ
#5
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 08:59 AM
#6
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 09:58 AM
#7
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 10:16 AM
ทางสายกลาง ปล่อยให้เป็นไปสบายๆ ไม่ต้องแคร์กันมากเกินไป แต่ก็สนใจกันบ้าง รับรู้ว่าแต่ละคนนิสัยเป็นกันอย่างนั้นเอง เราก็จะสบายใจ...
ถ้าอยากให้มีเพื่อนมากๆมาสนใจ ต้องทำบุญอย่างไรนะ... ชวนคนทำความดีกับหมู่คณะ จะได้มีกัลญาณมิตรติดตัวไปข้าวภพข้ามชาติ
#8
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 02:50 PM
#9
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 03:58 PM
#10
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 05:53 PM
สิ่งสำคัญคือ ดี มีประโยชน์ มีสาระ ถูกต้องเหมาะสม อย่างอื่นก็ไม่ต้องกลัว (กลัวคนนั้นคนนี้จะว่า อย่างโน้นอย่างนี้) ครับ ดีซะอย่างจะกลัวอะไร จะแคร์อะไรกับคำพูดคนพาลลลลลลลล แต่จะหาเรื่อง
อีกอย่างเธอคิดมากไปเองรึเปล่า สังเกตคนอื่นเขาคิดมากไหม เธอคงจะคิดเอง เออเองมากไปนะครับ
ปรับปรุงจิตใจ ให้ดีนะครับ ออกกำลังใจสม่ำเสมอ สู้ ๆ
โอจ๊ะ
#11
โพสต์เมื่อ 03 May 2008 - 12:49 PM
"ผ่านวันนี้ไปเรื่องราวที่ไม่ดี พรุ่งนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดา"
วันนี้เราอาจคิดว่า การต้องห่างเหินจากเพื่อนเป็นเรื่องร้ายแรง คอขาดบาดใจ แต่พอถึงพรุ่งนี้ เรื่องที่ว่า นั้นก็จะเป็นเพียงเรื่องธรรมดา ที่เคยเข้ามาอยู่ในใจเรา เท่านั้นเอง
#12
โพสต์เมื่อ 03 May 2008 - 09:24 PM
ขยันนั่งสมาธิบ่อยๆ ทำทาน รักษาศีลบ้าง(เพราะจะทำให้นั่งสมาธิได้ดขึ้น) แล้วก็ไปออกกำลังกายด้วย การได้อากาศบริสุทธิ์ จะทำให้จิตใจแจ่มใส ร่างกายแข็งแรง
พอนั่งสมาธิบ่อยๆ น้องจะเลิกน้อยใจเพื่อน น้องจะไม่รู้สึกว่าเพื่อนไม่สนใจ น้องจะไม่เหงาเมื่อต้องอยู่คนเดียว น้องจะเป็นคนทีี่่มีจิตใจเข้มแข็ง และเป็นคนที่อยากแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้เพื่อนมากกว่าเก่าอีก น้องจะรู้ว่าน้องกำลังทำอะไรอยู่ และไม่กลัวที่จะทำสิ่งนั้นต่อไป
สมัยเรียนพี่ก็เคยเป็นแบบน้องนี่แหละ จะทำอะไรก็มักจะคิดมากแคร์ความรู้สึกเพื่อนๆ บางทีเพื่อนชวนไปไหน เราไม่อยากไป หรือเราติดธุระ บ่อยๆ เข้า เพื่อนเค้าก็ไม่ชวน ก็น้อยใจนะ กลัวการเดินคนเดียว กลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่มีใครคบ เวลาเดินไปซื้อข้าวที่โรงอาหารก็ซื้อกลับมาทานที่หอ เพราะไม่อยากนั่งคนเดียว เพราะกลัวสายตาคนอื่นที่มอง
สมัยพี่เพิ่งจบป.ตรีใหม่ๆ่ พี่มีเพื่อนสนิทคือความเหงา เค้ามักจะมาหาพี่เสมอ เวลาที่พี่อยู่คนเดียว แล้วก็จะโทรศัพท์ไปหาคนโน้น คนนี้ เพื่อคุยแก้เหงา
แม้จะเป็นแบบนั้น แต่พี่ก็โชคดีที่ไม่มีเพื่อนที่มีนิสัยเห็นแก่ตัว คือคนไหนเห็นแก่ตัวพี่ก็ไม่คบซะ ต้องเลือกคบเพื่อนที่ดีนะ มีอีกอย่างนึกนะ ถ้าเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ เพื่อนๆ ก็เป็นคนดี น้องต้องคุยกะเพื่อน ต้องเปิดใจคุยกันนะ ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนๆ ไม่พอใจอะไรน้องหรือเปล่า?
ตอนนี้พี่อยู่คนเดียว มากกว่าเก่าซะอีก แต่กลับไม่เหงาซักนิด พี่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่มีอยู่รอบๆ ตัว ความรักของพ่อกะแม่ ที่ยังห่วงเราเสมอ ไม่ว่าเราจะโตแล้วขนาดอายุเลข3 ถามหาแล้ว พ่อกะแม่ก็ยังไม่เลิกห่วง ขนาดโทรศัพท์ไปบอกว่าสบายดีนะ กำลังทำโน่น ทำนี่ เค้าก็ยังห่วงอีกอยู่ดี
อ้อ..น้องต้องลองไปฟังเรื่องของคุณยายนะ สมัยที่ท่านไปบวชเป็นแม่ชีใหม่ๆ ที่วัดปากน้ำ เพื่อนๆ แม่ชีที่บวชอยู่ก่อนไม่ยอมให้ท่านร่วมวงทานข้าว พอท่านลงนั่งร่วมวงด้วย ทุกคนก็ลุกหนีไปที่อื่น ท่านคิดอย่างไรรู้ไม๊จ๊ะ ท่่านคิดว่า "อืม..ทานคนเดียวก็ดี สบายใจดี จะเลิกทานตอนไหนก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องลำบากใจ คอยดูคนอื่น" ท่านคิดประมาณล่ะจ๊ะ น้องต้องเอาอย่างท่านนะ
เวลาที่เพื่อนเค้าไปไหน ไม่ชวนน้อง น้องก็ต้องลองคิดใหม่นะ อืมม..ไม่ชวนก็ดี เราจะได้ไปทำธุระของเรา เช่น ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย เข้าห้องสมุด นั่งสมาธิ กลับไปช่วยพ่อกะแม่ที่บ้าน
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป