การกรวดน้ำเวลาเราอุทิศส่วนกุศลให้ใคร ทำไมต้องกรวดน้ำด้วยครับใครรู้ช่วยอธิบายให้หน่อยครับ พอดีมีเพื่อนถามมา
และอีกเรื่องนึงคือว่าเพื่อนเค้าอยู่ที่ฟินแลนค์เค้าอยากจะทำบุญสร้างหลังคามหาวิหารคตเค้าจะต้องทำยังไงและที่ฟินแลนค์มีสาขา
ของวัดธรรมกายบ้างมั้ยครับ
การกรวดน้ำ
เริ่มโดย usr17414, Nov 13 2007 07:37 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 13 November 2007 - 07:37 PM
#2
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 07:30 AM
ในครั้งหนึ่ง องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ เชตะวันมหาวิหาร พร้อมด้วย
ภิกษุสงฆ์ มีพราหมณ์ผู้หนึ่งอยู่ในเมืองสาวัตถีนั้น มีทรัพย์สมบัติอยู่ 80 โกฎิ พราหมณ์ผู้นั้นมีบุตรชาย
อยู่คนหนึ่ง เป็นที่รักมากเพราะมีบุตรคนเดียว พอบุตรชายมีอายุได้ประมาณ 17 ปี ก็เกิดโรคาพยาธิมา
เบียดเบียน ก็ถึงซึ่งความตายไป พราหมณ์ผู้เป็นพ่อและแม่ บังเกิดความทุกขเวทยาโทมนัสเศร้าโศก
เสียใจ เพราะอาลัยรักในบุตรที่ตายไปอย่างยิ่ง จึงให้สั่งคนใช้ที่เป็นบริวาร นำเอาศพไปเผาในป่าช้า
และสั่งให้ปลูกศาลาขึ้นหนึ่งหลัง มีเสื่อสาดอาสนะ แล้วจัดทาสคนหนึ่งไปคอยปฏิบัติรักษาอยู่ในป่าช้า
นั้น เพื่อจะได้ส่งข้าวน้ำอาหารเข้าและเย็นให้แก่ลูกชายของตนทุก ๆ วันมิได้ขาด ทำเหมือนกับบุตรชาย
ของตนมีชีวิตอยู่ ทาสผู้นั้นก็ทำตามคำสั่งอยู่เสมอมิได้ขาดเลยสักวันเดียว
อยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญฝนตกหนักมากน้ำก็ท่วมหนทางที่จะไปนั้นทาสผู้นั้นจะข้ามไปก็ไม่ได้จึงกลับมา
ในระหว่างทางพบพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาตก็เลยเอาอาหารนั้นใส่บาตรให้เป็นทานแก่พระภิกษุ
แล้วก็กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญนั้นส่งให้แก่ผู้ตาย ลูกชายที่ตายไปนั้นมานิมิตฝันให้พราหมณ์ผู้เป็นพ่อว่า
ข้าพเจ้าได้ตายไปนานแล้วไม่เคยได้กินข้าวเลยสักวันเดียว เพิ่งจะมาได้กินข้าวแต่วันนี้วันเดียวเท่านั้น
ครั้นพราหมณ์ผู้เป็นพ่อได้นิมิตฝันอย่างนี้ก็ใช้ให้คนไปตามทาสผู้ไปคอยเฝ้าปฏิบัติมาไถ่ถามดู
ทาสผู้นั้นก็ตอบว่าข้าพเจ้าไปส่งข้าวทุก ๆ วัน แต่วันนี้ข้าพเจ้าไปไม่ได้ฝนตกหนัก น้ำท่วม
ก็กลับมาพบพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาต
ข้าพเจ้าก็เลยเอาข้าวนั้นใส่บาตร แก่ภิกษุรูปนั้น แล้วอุทิศส่วนบุญนี้ไปให้บุตรของท่าน บุตรของท่านก็
คงจะได้กินข้าวแต่วันนี้วันเดียวดังนี้แล ครั้นพราหมณ์ได้ฟังดังนั้นแล้วก็คิดว่าเราจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
เสียก่อน จะทูลถามพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างไร พราหมณ์ก็ถือดอกไม้ธูปเทียนของหอมเข้าไปสู่สำนัก
พระพุทธเจ้าแล้วบูชาเครื่องสักการะนั้น แล้วนั่งที่สมควรแก่ตน ได้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า คนหญิงชายทั้งหลายในโลกนั้นครั้นเขาตายไปปรโลกแล้วผู้อยู่ภายหลัง
ได้แต่งข้าทาสชายหญิงให้ไปปฏิบัติแล้วปลูกศาลาไว้ให้ เอาเสื่อสาดอาสนะช้างม้าวัวควายไปในป่าชั้น
นั้น จะเป็นอานิสงส์แก่ผู้ภายไปนั้นหรือไม่ พระพุทธเจ้าข้า
องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสพระธรรมเทศนาว่า ดูกรพราหมณ์จะให้เป็นอานิสงส์แก่ผู้ตายนั้น
ควรถวายสังฆทานให้แก่พระภิกษุสงฆ์สามเณร ตรวจน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลที่ตนได้กระทำนั้นให้แก่ผู้ตาย
จึงจะเป็นผลอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาลผู้ที่ตายไปแล้วนั้นครั้นได้รับส่วนอุทิศอันให้แล้วก็จะพ้นทุกข์
ทั้งมวลนั้นได้อย่างแน่แท้
ครั้นพราหมณ์ได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้วก็ชื่นชมยินดีอย่างมาก แล้วทูลอาราธนาพระพุทธเจ้ากับทั้ง
พระภิกษุสงฆ์ไปสู่บ้านเรือนของตน เพื่อฉันภัตตาหารครั้นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้ากับพระภิกษุสงฆ์ ฉัน
ภัตตาหารเสร็จ ได้ถวายปัจจัย 4 มี จีวร เป็นต้น แล้วตรวดน้ำอุทิศส่วนบุญไปให้แก่ลูกชายของตน องค์
สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาว่า ดูกรพราหมณ์ตั้งแต่นี้ต่อไปอย่าได้ไปปฏิบัติ อยู่ในป่าช้านั้นอีกเลย
ท่านจงรักษาศีลภาวนาอย่าได้ขาด บุตรของท่านก็จะได้พ้นทุกข์ ขึ้นไปเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้น
ดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาจบลงแล้ว บุตรชายของพราหมณ์ผู้ตายไปแล้วนั้นก็พ้นจากเปรตวิสัย
ได้ไปอุบัติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีวิมานทองสูง 12 โยชน์ มีนางฟ้าเทพอัปสรพันหนึ่งเป็นบริวาร
พราหมณ์ผู้เป็นบิดาก็ตั้งอยู่ในศีล 5 ศีล 8 ตราบเท่าสิ้นชีวิตแล้วได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มี
ปราสาททองและเทพกัญญาหนึ่งหมื่นเป็นบริวาร ดังนี้เป็นต้น
ภิกษุสงฆ์ มีพราหมณ์ผู้หนึ่งอยู่ในเมืองสาวัตถีนั้น มีทรัพย์สมบัติอยู่ 80 โกฎิ พราหมณ์ผู้นั้นมีบุตรชาย
อยู่คนหนึ่ง เป็นที่รักมากเพราะมีบุตรคนเดียว พอบุตรชายมีอายุได้ประมาณ 17 ปี ก็เกิดโรคาพยาธิมา
เบียดเบียน ก็ถึงซึ่งความตายไป พราหมณ์ผู้เป็นพ่อและแม่ บังเกิดความทุกขเวทยาโทมนัสเศร้าโศก
เสียใจ เพราะอาลัยรักในบุตรที่ตายไปอย่างยิ่ง จึงให้สั่งคนใช้ที่เป็นบริวาร นำเอาศพไปเผาในป่าช้า
และสั่งให้ปลูกศาลาขึ้นหนึ่งหลัง มีเสื่อสาดอาสนะ แล้วจัดทาสคนหนึ่งไปคอยปฏิบัติรักษาอยู่ในป่าช้า
นั้น เพื่อจะได้ส่งข้าวน้ำอาหารเข้าและเย็นให้แก่ลูกชายของตนทุก ๆ วันมิได้ขาด ทำเหมือนกับบุตรชาย
ของตนมีชีวิตอยู่ ทาสผู้นั้นก็ทำตามคำสั่งอยู่เสมอมิได้ขาดเลยสักวันเดียว
อยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญฝนตกหนักมากน้ำก็ท่วมหนทางที่จะไปนั้นทาสผู้นั้นจะข้ามไปก็ไม่ได้จึงกลับมา
ในระหว่างทางพบพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาตก็เลยเอาอาหารนั้นใส่บาตรให้เป็นทานแก่พระภิกษุ
แล้วก็กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญนั้นส่งให้แก่ผู้ตาย ลูกชายที่ตายไปนั้นมานิมิตฝันให้พราหมณ์ผู้เป็นพ่อว่า
ข้าพเจ้าได้ตายไปนานแล้วไม่เคยได้กินข้าวเลยสักวันเดียว เพิ่งจะมาได้กินข้าวแต่วันนี้วันเดียวเท่านั้น
ครั้นพราหมณ์ผู้เป็นพ่อได้นิมิตฝันอย่างนี้ก็ใช้ให้คนไปตามทาสผู้ไปคอยเฝ้าปฏิบัติมาไถ่ถามดู
ทาสผู้นั้นก็ตอบว่าข้าพเจ้าไปส่งข้าวทุก ๆ วัน แต่วันนี้ข้าพเจ้าไปไม่ได้ฝนตกหนัก น้ำท่วม
ก็กลับมาพบพระภิกษุรูปหนึ่งมาบิณฑบาต
ข้าพเจ้าก็เลยเอาข้าวนั้นใส่บาตร แก่ภิกษุรูปนั้น แล้วอุทิศส่วนบุญนี้ไปให้บุตรของท่าน บุตรของท่านก็
คงจะได้กินข้าวแต่วันนี้วันเดียวดังนี้แล ครั้นพราหมณ์ได้ฟังดังนั้นแล้วก็คิดว่าเราจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
เสียก่อน จะทูลถามพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างไร พราหมณ์ก็ถือดอกไม้ธูปเทียนของหอมเข้าไปสู่สำนัก
พระพุทธเจ้าแล้วบูชาเครื่องสักการะนั้น แล้วนั่งที่สมควรแก่ตน ได้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า คนหญิงชายทั้งหลายในโลกนั้นครั้นเขาตายไปปรโลกแล้วผู้อยู่ภายหลัง
ได้แต่งข้าทาสชายหญิงให้ไปปฏิบัติแล้วปลูกศาลาไว้ให้ เอาเสื่อสาดอาสนะช้างม้าวัวควายไปในป่าชั้น
นั้น จะเป็นอานิสงส์แก่ผู้ภายไปนั้นหรือไม่ พระพุทธเจ้าข้า
องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสพระธรรมเทศนาว่า ดูกรพราหมณ์จะให้เป็นอานิสงส์แก่ผู้ตายนั้น
ควรถวายสังฆทานให้แก่พระภิกษุสงฆ์สามเณร ตรวจน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลที่ตนได้กระทำนั้นให้แก่ผู้ตาย
จึงจะเป็นผลอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาลผู้ที่ตายไปแล้วนั้นครั้นได้รับส่วนอุทิศอันให้แล้วก็จะพ้นทุกข์
ทั้งมวลนั้นได้อย่างแน่แท้
ครั้นพราหมณ์ได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้วก็ชื่นชมยินดีอย่างมาก แล้วทูลอาราธนาพระพุทธเจ้ากับทั้ง
พระภิกษุสงฆ์ไปสู่บ้านเรือนของตน เพื่อฉันภัตตาหารครั้นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้ากับพระภิกษุสงฆ์ ฉัน
ภัตตาหารเสร็จ ได้ถวายปัจจัย 4 มี จีวร เป็นต้น แล้วตรวดน้ำอุทิศส่วนบุญไปให้แก่ลูกชายของตน องค์
สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาว่า ดูกรพราหมณ์ตั้งแต่นี้ต่อไปอย่าได้ไปปฏิบัติ อยู่ในป่าช้านั้นอีกเลย
ท่านจงรักษาศีลภาวนาอย่าได้ขาด บุตรของท่านก็จะได้พ้นทุกข์ ขึ้นไปเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้น
ดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาจบลงแล้ว บุตรชายของพราหมณ์ผู้ตายไปแล้วนั้นก็พ้นจากเปรตวิสัย
ได้ไปอุบัติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีวิมานทองสูง 12 โยชน์ มีนางฟ้าเทพอัปสรพันหนึ่งเป็นบริวาร
พราหมณ์ผู้เป็นบิดาก็ตั้งอยู่ในศีล 5 ศีล 8 ตราบเท่าสิ้นชีวิตแล้วได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มี
ปราสาททองและเทพกัญญาหนึ่งหมื่นเป็นบริวาร ดังนี้เป็นต้น
พลังลูกพระธัมฯ
#3
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 10:10 AM
สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 10:27 AM
เยี่ยมยอดมากครับ ถ้าได้ใส่เอกสารอ้างอิงอีกสักนิดว่า มาจากพระไตรปิฎก ฉบับไหน หน้าเท่าไหร่ จะยิ่งสมบูรณ์แบบสุดๆ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#5
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 12:52 PM
Sa Thu Krub
#6
โพสต์เมื่อ 14 November 2007 - 01:21 PM
Sa Dhu Krub
#7
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 07:06 AM
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ
#8
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 12:13 PM
ที่จริงพระเดชพระคุณหลวงพ่อทตฺตชีโว ก็เคยตอบคำถามนี้แล้ว ผมยังค้นหาไม่เจอ
จึงนำข้อมูลอื่นมาให้ศึกษากันครับ
เชิญแวะไปที่กระทู้
การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลต่างกับการไม่กรวดน้ำแต่อธิฐานอุทิศส่วนกุศลอย่างไรบ้างครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1203
บทบาทของน้ำ ในพระพุทธศาสนา
พระมหา ภาสกรณ์ ปิโยภาโส
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2526
จึงนำข้อมูลอื่นมาให้ศึกษากันครับ
QUOTE
การกรวดน้ำมีวัตถุประสงค์หลัก ๓ ประการ
๑. เพื่อแสดงอาการให้
( dd2683 : โดยเฉพาะวัตถุ สิ่งของที่มีขนาดใหญ่ ไม่สามารถยกประเคน / ถวาย ได้ เช่น ศาสนสถาน ฯล )
๒. เพื่อตั้งความปรารถนา ขอให้ผลบุญกุศลที่ได้ทำไปแล้ว
เป็นปัจจัยให้ประสบความสำเร็จตามที่ตนปรารถนา
๓. เพื่ออุทิศ แบ่งปัน และให้ส่วนบุญแก่เพื่อนหรือญาติที่จากไป
และแก่บรรดาสัตว์อื่น ๆ โดยไม่เลือกหน้า เป็นวิธีการแสดงความใจกว้างในบุญ เพราะนี่ก็เป็นหนึ่งในบรรดาบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ
ที่เรียกว่า ปัตติทานมัย บุญสำเร็จได้ด้วยการแผ่แบ่งปันส่วนบุญ
จากกระทู้ บทบาทของน้ำ ในพระพุทธศาสนา
พระมหา ภาสกรณ์ ปิโยภาโส
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2526
๑. เพื่อแสดงอาการให้
( dd2683 : โดยเฉพาะวัตถุ สิ่งของที่มีขนาดใหญ่ ไม่สามารถยกประเคน / ถวาย ได้ เช่น ศาสนสถาน ฯล )
๒. เพื่อตั้งความปรารถนา ขอให้ผลบุญกุศลที่ได้ทำไปแล้ว
เป็นปัจจัยให้ประสบความสำเร็จตามที่ตนปรารถนา
๓. เพื่ออุทิศ แบ่งปัน และให้ส่วนบุญแก่เพื่อนหรือญาติที่จากไป
และแก่บรรดาสัตว์อื่น ๆ โดยไม่เลือกหน้า เป็นวิธีการแสดงความใจกว้างในบุญ เพราะนี่ก็เป็นหนึ่งในบรรดาบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ
ที่เรียกว่า ปัตติทานมัย บุญสำเร็จได้ด้วยการแผ่แบ่งปันส่วนบุญ
จากกระทู้ บทบาทของน้ำ ในพระพุทธศาสนา
พระมหา ภาสกรณ์ ปิโยภาโส
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2526
QUOTE
บุญเป็นสิ่งที่สำผัสกันไม่ได้ด้วยมือจึงส่งกัน รับมอบกันไม่ได้ด้วยมือ
คนโบราณจึงใช้น้ำเป็นตัวแทน ของตัวบุญ
จึงกลายเป็นประเพณีการกรวดน้ำ หรือตรวจน้ำขึ้นมา
เพื่อความสะบายใจควรตรวจน้ำหลังจากที่จิตมีกุศล คือหลังจากสวดมนต์ หลังจากทำบุญตักบาตร
ถ้าตรวจน้ำที่บ้านเป็นการส่วนตัวก็ทำตามที่คุณดังตฤณแนะนำมาเถอะครับ
แต่ถ้าจะตรวจน้ำ ตามศาสนาพิธี หรือ ราชพิธี เมื่อพระอนุโมทนา คือตอนที่ท่านตั้งยะถา(สวดองค์เดียว) เราก็เริ่มตรวจน้ำตั้งใจอุทิศส่วนกุศลด้วยภาษาไทยดีที่สุดครับ
แต่บางคนยังนิยมภาษาบาลีอยู่ ถ้าสวดบทยาวๆได้ก็ตามถนัดครับ
แต่ถ้าสวดบทยาวๆไม่ได้ก็สวดบทที่สั้นๆ อย่าง
อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตโย
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า
ขอให้ญาติทั้งหลายจงมีความสุขกายสุขใจเถิด
เมื่อเพราะท่านรับสัพพีตีโย (พระส่วนพร้อมกันหมด) ก็หยุดตรวจน้ำโดยเทให้หมดเลย แล้วนั่งพนมมือรับพรจนพระท่านอนุโมทนาเสร็จ
เชื่อกันว่าประเพณีการตรวจน้ำนี้ เรานำเอามาจากตอนที่พระเจ้าพิมพิสาร ถวายวัดเวฬุวันแด่พระพุทธเจ้า เพราะวัดเป็นที่ดินใหญญ่เกินที่จะหยิบยกถวายได้
พระเจ้าพิมพิสารจึงเอาน้ำเทรดที่พระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า
เป็นการถวายยกวัดให้โดยใช้น้ำเป็นตัวแทนวัดเวฬุวัน
แล้วพระเจ้าพิมพิสารก็กล่าวคาถาที่ผมเขียนเอาไว้ข้างบนนี้แล้วครับ
มีความรู้ให้คุณตรวจน้ำได้เท่านี้แหละครับ สมาชิกท่านอื่นคงมีมากกว่านี้
จากคุณ : BlueJeans [ 4 ก.ค. 2543 / 23:10:33 น. ]
http://larndham.net/...o.pl/001316.htm
คนโบราณจึงใช้น้ำเป็นตัวแทน ของตัวบุญ
จึงกลายเป็นประเพณีการกรวดน้ำ หรือตรวจน้ำขึ้นมา
เพื่อความสะบายใจควรตรวจน้ำหลังจากที่จิตมีกุศล คือหลังจากสวดมนต์ หลังจากทำบุญตักบาตร
ถ้าตรวจน้ำที่บ้านเป็นการส่วนตัวก็ทำตามที่คุณดังตฤณแนะนำมาเถอะครับ
แต่ถ้าจะตรวจน้ำ ตามศาสนาพิธี หรือ ราชพิธี เมื่อพระอนุโมทนา คือตอนที่ท่านตั้งยะถา(สวดองค์เดียว) เราก็เริ่มตรวจน้ำตั้งใจอุทิศส่วนกุศลด้วยภาษาไทยดีที่สุดครับ
แต่บางคนยังนิยมภาษาบาลีอยู่ ถ้าสวดบทยาวๆได้ก็ตามถนัดครับ
แต่ถ้าสวดบทยาวๆไม่ได้ก็สวดบทที่สั้นๆ อย่าง
อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตโย
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า
ขอให้ญาติทั้งหลายจงมีความสุขกายสุขใจเถิด
เมื่อเพราะท่านรับสัพพีตีโย (พระส่วนพร้อมกันหมด) ก็หยุดตรวจน้ำโดยเทให้หมดเลย แล้วนั่งพนมมือรับพรจนพระท่านอนุโมทนาเสร็จ
เชื่อกันว่าประเพณีการตรวจน้ำนี้ เรานำเอามาจากตอนที่พระเจ้าพิมพิสาร ถวายวัดเวฬุวันแด่พระพุทธเจ้า เพราะวัดเป็นที่ดินใหญญ่เกินที่จะหยิบยกถวายได้
พระเจ้าพิมพิสารจึงเอาน้ำเทรดที่พระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า
เป็นการถวายยกวัดให้โดยใช้น้ำเป็นตัวแทนวัดเวฬุวัน
แล้วพระเจ้าพิมพิสารก็กล่าวคาถาที่ผมเขียนเอาไว้ข้างบนนี้แล้วครับ
มีความรู้ให้คุณตรวจน้ำได้เท่านี้แหละครับ สมาชิกท่านอื่นคงมีมากกว่านี้
จากคุณ : BlueJeans [ 4 ก.ค. 2543 / 23:10:33 น. ]
http://larndham.net/...o.pl/001316.htm
เชิญแวะไปที่กระทู้
การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลต่างกับการไม่กรวดน้ำแต่อธิฐานอุทิศส่วนกุศลอย่างไรบ้างครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1203
บทบาทของน้ำ ในพระพุทธศาสนา
พระมหา ภาสกรณ์ ปิโยภาโส
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2526
#9
โพสต์เมื่อ 15 November 2007 - 01:42 PM
หาคำตอบเกี่ยวกับการกรวดน้ำ อุทิศกุศล ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทตฺตชีโว ได้แล้วครับ
เชิญศึกษา พิจารณา ครับ
เชิญศึกษา พิจารณา ครับ
_________________________1_____________________Page_12.jpg 75.66K
242 ดาวน์โหลด
01
_________________________1_____________________Page_13.jpg 99.78K 193 ดาวน์โหลด
02
_________________________1_____________________Page_24.jpg 114.34K 201 ดาวน์โหลด
03
_________________________1_____________________Page_25.jpg 86.18K 144 ดาวน์โหลด
04
_________________________1_____________________Page_60.jpg 111.15K 180 ดาวน์โหลด
05
_________________________1_____________________Page_61.jpg 55.41K 171 ดาวน์โหลด
06
01
_________________________1_____________________Page_13.jpg 99.78K 193 ดาวน์โหลด
02
_________________________1_____________________Page_24.jpg 114.34K 201 ดาวน์โหลด
03
_________________________1_____________________Page_25.jpg 86.18K 144 ดาวน์โหลด
04
_________________________1_____________________Page_60.jpg 111.15K 180 ดาวน์โหลด
05
_________________________1_____________________Page_61.jpg 55.41K 171 ดาวน์โหลด
06
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม