กะัเทยที่แปลงเพศแล้วปฏิบัติธรรมได้หรือไม่
#1
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 01:23 PM
http://www.pantip.co...5/Y6672405.html
เคยเห็นที่วัดเราก็มีมาทำบุญกันบ่อยๆ ที่ได้ดูใน DMC มีอยู่คนนึงได้ขึ้นไปที่พนาวัฒน์ด้วย
ซึ่งคุณพ่อไม่ใหญ่ของเราท่านก็เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ด้วย รู้สึกดีคะที่พ่อเราใจกว้าง
เรื่องของพุทธเป็นเรื่องของจิตไม่ยึดติดกับเพศ แต่ที่เราเห็นได้ชัดเจนคือคนที่ยิ่งปฏิบัติ
กับยิ่งเกิดสิ่งยึดติดที่เป็นตัวกู ของกู ศาสนากู มากขึ้นกว่าเดิมซะอีก
อยากถามเพื่อนๆว่า ตอนไปพนาวัฒน์เค้าลงทะเบียนแล้วให้ไปอยู่อาศัยยังไงคะ
เผื่อมีเพื่อนๆเราที่เป็นแบบนี้สนใจเราจะได้พาเข้าวัดถูก
ส่วนใหญ่ที่พวกเค้าร้ายๆ กิริยาไม่น่ารักก็เพราะโดนแบบนี้จากคนมีศาสนานี่แหละ
ไปกีดกันเค้าบ้างละ ไปสาปแช่งต่อว่าเค้าบ้างละ พวกบาปหนา พวกผิดเพศ พวกนรกมาเกิดบ้างละ
ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเลย ซึ่งพลาดทานอันสูงสุด คือธรรมทาน ทานที่ให้ผลมากกว่าทานทั้งปวง
น่าสงสารเค้าจัง อุตส่าห์ขับรถจากกรุงเทพไปกาญจนบุรี
แถมเคยไปแล้วไม่มีปัญหาอะไรเค้าก็ติดใจอยากไปอีก
ก็น่าจะไม่ให้เค้าเข้าตั้งแต่แรก หรือไม่ก็ติดป้ายไว้เลยว่าไม่รับ น่าสงสารจริงๆ
#2
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 01:45 PM
แล้วคนข้างล่างผมมีความคิดอย่างไงบ้างครับผม
vvvvv
vvvvv
vvvvv
vvvvv
vvvvv
#3
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 01:48 PM
ไปปฏิบัติธรรมนะไม่น่ามีติดปัญหาอะไร มีเคสที่ปฏิบัติด้วยดีด้วยซ้ำ... แต่เรื่องที่พัก กรณีพักรวมอย่างสวนพนาวัฒน์ไม่รู้ว่าอย่างไร แต่ถ้าที่มีปฏิบัติธรรมแบบแยกที่พักก็น่าจะสะดวกกว่า เช่นภูเรือ หรืออีกหลายๆที่
และที่ห้ามแน่ๆคือเรื่องการบวชนะครับ แม้นเพียงจิตใจ ก็ต้องห้ามครับ
#4
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 01:53 PM
^
^
เค้าไปถึงขั้นผ่าตัดแปลงเพศแล้ว คงไม่คิดบวชอยู่แล้วมั้งคะ อิอิ
#5
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 03:06 PM
#6
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 03:09 PM
ลองสอบถามพี่ๆทีมงานโดยตรงเลยจะดีกว่าครับ แต่เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่จะจัดแบ่งที่พักตามเพศอยู่แล้วน่ะครับผู้ชายพักกับผู้ชาย ผู้หญิงพักกับผู้หญิง เพศที่3ก็พักกับเพศที่3น่ะครับ
เมื่อก่อนผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบเพศที่3พูดได้เต็มปากว่าเกลียดมากๆ เพราะเคยเจอแบบที่ว่าทำตัวน่าเกลียดจนรับไม่ได้ แต่ภายหลังรู้ว่าเขาก็เป็นคนมีกรรมหนักเลยรู้สึกเห็นใจ ยิ่งต่อมาได้พบเจอได้คบด้วยยิ่งทำให้ยอมรับได้ขึ้นเยอะ เท่าที่ผมเห็นสมัยนี้เพศที่3บางคนดูดีกว่าผู้หญิงวัยรุ่นสมัยนี้อีกครับ บางคนดูเป็นกุลสตรีมากกว่ามิสไทยแลนด์อีกอ่ะครับ
อ๊ะๆนั่นแน่ อ่ะ รู้นะคิดอะไรอยู่ อย่าเข้าใจผิดนะคร้าบพี่น้อง ผมชายแท้100%คร้าบ ^ ^"
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#7
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 03:22 PM
อันนี้น่าจะเป็นการตกลงกัน กับเจ้าหน้าที่นะคะ คงต้องดูความประพฤติเป็นหลัก
ต้องเป็นคนที่มีความเรียบร้อย ว่าง่าย ไม่กระดี๊ กระด๊า แบบกระเทยทั่วไปนะคะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#8
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 05:41 PM
#9
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 09:46 PM
อันนี้ตอบอีกมิติหนึ่งนะ
ได้.. แต่จิตจะซัดส่ายมากกว่าปกติ
ต้องใช้ความพยายามมากกว่าชาวบ้านมากๆๆๆ
แต่..
ก็จะไปได้ไม่เกิน.. สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา..
นี่คือสิ่งที่แย่ที่สุด
เพราะหากจุดมุ่งหมายของคุณมากกว่านั้น
เช่น ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สวรรค์ชั้นดุสิต หรือ มุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่กายแล้ว
ร่างกายจะครบไม่ครบ.. เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่คุณต้องทำใจให้หมดจากความพึงพอใจในการเป็นเพศ ภาวะนั้นๆให้จงได้
และให้หมดจากการรักสวยรักงาม การปรุงแต่งในสิ่งที่ไม่ใช่..
ไม่งั้น.. บุญทุกบุญจะช่วยคุณได้แค่.. จาตุ..
ถือศีล ๘ ตลอดชีวิตจะดีที่สุด..
แล้วพยายามนั่งสมาธิให้มากๆ..
บุญทั้งหลายจะกลั่นแก้ธาตุธรรมของคุณเอง
เป็นกำลังใจให้นะ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#10
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 10:18 PM
เป็นป่าหิมพานต์นะ.. มีพญาครุฑกระเทยบ้าง.. มีกินนรีทอมบ้าง.. มีวิทยาธรตุ๊ดบ้าง..
ลงบาดาลไปก็ไปเจอ.. นาคกระเทย.. นาคเลสเบี้ยนบ้าง..
แล้วคุณต้องเจอแบบนี้.. ต้องเป็นแบบนี้อีก.. ไม่ใช่แค่ 10-20-30-40-50 ปี..
แต่มันนานมากๆๆๆๆๆ.. เพราะเวลาที่นั่นต่างจากโลกมนุษย์มากมายนัก..
ถ้าชาตินี้แพ้.. ชาติต่อๆไปก็แพ้..
ไม่ว่าจะกระเทย.. เกย์.. ทอม.. ดี้.. เลสเบี้ยน.. หรือแม้กระทั่งหญิงแท้..
ที่มีรสนิยมแปลกๆ.. ที่ชอบปรุงแต่งอะไรที่ไม่ใช่.. อะไรที่เกินความจำเป็น..
ถ้าคุณไม่รีบแก้นิสัยที่ไม่ดีทั้งหลายในชาตินี้..
ก็เท่ากับสร้างผัง.. ย้ำผังแบบเดิมๆ.. ให้เกิดขึ้นอีกในชาติต่อๆไป..
แพ้ชาตินี้.. ชาติหน้าก็แพ้..
ชนะชาตินี้.. ชาติหน้าก็ชนะ..
อยากเป็นหญิงแท้ ก็ได้เป็น.. อยากเป็นชายแท้ ก็มีสิทธิ์..
ไม่งั้นก็ต้องเป็นแบบนี้อีก..
แบบที่คุณเจินเจิน บอกว่า..
ต้องสู้.. จึงจะชนะ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#11
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 11:37 PM
บอกแบบไม่อายเลยนะว่าเราเองก็ไม่ครบ..
ดังนั้น.. สิ่งที่ตอบ.. ไม่ได้เลื่อนลอย.. มันคือสิ่งที่เราเจอ แล้วเอามาเล่าให้ฟัง..
(เพียงแต่ตอนนี้ เราว่าวิบากกรรมของเรามันเบาบางลงเยอะแล้วล่ะ..)
เราก็ไปอยู่ธุดงค์ปีใหม่ที่วัดมานะ.. ไปแบบอุบาสิกานี่แหละ.. เพราะ..
1. มั่นใจว่าเราไม่รบกวนใคร เพราะเราไม่กระดี๊ กระด๊า.. แต่บุคคลิกเหมือน
ผู้หญิงปกติมากกว่า.. คนส่วนใหญ่ที่รู้จักเรา ก็บอกอย่างนี้ทั้งนั้น
(ถึงตอนนี้ พยายามจะบอกน้องสาวคนนึงว่าเราไม่ใช่ผู้หญิง.. เธอยังไม่เชื่อเลย.. 555)
2. เราบริสุทธิ์ใจ ไปเพื่อปฏิบัติธรรม ไม่ได้ไปทำอะไรชั่วร้ายกับเพื่อนๆอุบาสิกา
3. เราจำเป็นเพราะต้องดูแลคุณแม่ อายุ 73 ปี ซึ่งท่านต้องการได้บุญอยู่ธุดงค์นี้มากๆ
แต่ท่านตามองไม่ชัดเวลากลางคืน และมักปวดข้อขาข้อเข่า เรากลัวท่านจะหกล้ม
และยังชอบหลงๆลืมๆด้วย ดังนั้น หากความบริสุทธิ์ใจของเรา และความต้องการดูแลคุณแม่
จะต้องติดวิบากกรรมไปบ้าง.. เราก็ขอน้อมรับ..
4. เราเฝ้าย้ำถามตัวเอง.. รู้ตัวเองดี.. ว่าเราอยู่ในสังคมผู้ชายไม่ได้..
ขืนไปนอนกับพวกนั้น เราอยู่บ้านดีกว่า (แต่ก็ไม่ได้อีกอ่ะ เพราะต้องพาคุณแม่มาธุดงค์)
5. ถ้ามีให้เลือกแค่ หญิง หรือ ชาย คนแบบเราก็ต้องเลือก.. หญิง..
ถ้าไม่งั้นก็ไม่ต้องสร้างบารมีกันแล้ว ชาตินี้..
เพื่อนอุบาสิกาที่วัดเคยชวนไปพนาวัฒน์.. แต่เราไม่ไป.. เพราะ..
หากไม่จำเป็น เราไม่อยากสร้างวิบากกรรมต่อ
คือ ไม่อยากเป็นตัวปัญหา เป็น Case พิเศษทำให้คนอื่นอึดอัดใจ
ตลอดเวลา.. เราพยายามสุดฤทธิ์ เพื่อต่อสู้กับวิบากกรรม..
เพราะจุดหมายของเราคือที่สุดแห่งธรรม..
ไม่ใช่จาตุ..
เราเองก็ไม่รู้ว่า หากใจสู้.. แต่ร่างกายไม่พร้อม..
เราจะสู้ได้ถึงเมื่อไร.. จะสู้ได้แค่ไหน..
ตอนนี้เราถือศีล ๘ ตลอดชีวิตได้แล้ว (ทำมา ๗ เดือนแล้ว)
และพยายามนั่งสมาธิให้มากๆ นั่งทุกวัน..
เรารู้สึกได้เลยนะ.. ว่าบุญทุกบุญ ช่วยกลั่นแก้ธาตุธรรมให้ดีขึ้น..
แม้จะเพียงเล็กน้อย.. แม้จะช้ากว่าคนอื่น.. ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยในชาตินี้..
จะให้ทำไงได้.. เรื่องพวกนี้มันเป็นสิ่งที่เราต้องแข่งกับตัวเอง.. ไม่ได้แข่งกับใคร..
แต่ร่างกายที่ไม่ครบแบบนี้ เมื่อต้องอดมื้อเย็น มันจะอ่อนแอมากกว่าคนปกติ
และยิ่งเมื่อไรที่หยุดฮอร์โมน.. ร่างกายจะทวีความอ่อนแอขึ้นอีกมากๆ
หนาวในกระดูก.. หนาวมาจากกระดูกเลยล่ะ.. ปวดหลัง.. ปวดคอ.. เพลียง่าย.. ฯลฯ
ก่อนนั้น.. เพื่อนอุบาสิกาที่ดีที่สุด รักที่สุด ก็ไม่เข้าใจที่เราเป็นแบบนี้..
เขาอยากให้เราสู้กับวิบากกรรม.. แต่เขาไม่รู้ว่าเราต่อสู้กับใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา..
เพียงแต่ตอนนั้นมันยังไม่ถึงเวลา.. น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ..
ตอนนี้.. เราไม่เหลือใครให้กำลังใจเลยนอกจากคุณแม่..
แต่ดูเหมือน ทาน ศีล ภาวนา ที่ทำอย่างยิ่งยวด.. กำลังส่งผลแล้ว..
เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้า เราอาจจะแพ้อีกก็ได้..
ดังนั้น.. เรายังอยากได้กำลังใจจากเพื่อนคนนี้ คนนั้น คนนู้น.. T_T
(อันนี้ อันนั้น อันนู้น มันเป็น Password อ่ะจ๊ะ)
วันนี้.. เรายังสู้..
เพราะเราบอกแล้วว่า.. เราไม่ไปจาตุ.. แต่เราจะไปที่สุดแห่งธรรม..
ทุกคนไม่ต้องรอเรา.. แต่เราจะตามไปให้ทันเอง..
เราเองก็อยากให้คุณเอาชนะตัวเอง รื้อผังให้ได้นะ..
เราบอกความจริงเรื่องของเราออกไป.. ไม่รู้มีใครกินช็อคโกแลตบ้าง.. (ช็อคอ่ะ.. 555)
ต่อไปหากเราตั้งกระทู้-ตอบกระทู้.. อาจจะไม่มีใครคุยกับเราเลยก็ได้..
แต่ถึงรู้อย่างนั้น.. เราก็อยากเล่าให้ฟัง.. เพราะอยากให้คุณเอาชนะตัวเองให้ได้..
รวมทั้งคนอื่นๆที่เป็นคล้ายๆกันด้วย.. เอาชนะตัวเองให้ได้นะ..
เราเป็นกำลังใจให้นะ..
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=16291
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#12
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 12:27 AM
ขอให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายนะครับ อธิษฐานกำกับให้ดี อย่าไปพลาดศีลข้อสามอีกนะครับ
สู้ๆครับ
ปล. ก่อนหน้านี้ เป็นคนเกลียดพวกเพศที่สามมาก แต่พอมาฟังจากจากคุณครูไม่ใหญ่แล้ว รุ้สึกสงสารแทนแล้วล่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 12:45 AM
ช้าหรือเร็ว ก็อยู่ที่การขยัน หมั่นบำเพ็ญกุศลกรรมของตัวเอง + กัลยาณมิตร คือ คนรอบตัว หมู่คณะ
คุณก้าวเดิน ด้วยการบำเพ็ญกุศลกรรมบท , ละชั่ว ทำดี กลั่นใจ ทาน ศีล ภาวนา กตัญญููฯลฯ
ในทางธรรมอันประเสริฐแล้ว จงก้าวเดินต่อไปเถิดครับ
ชีวิตใหม่ในเส้นทางธรรม ทัศนะคติและสัมมาทิฐิ ของคุณในปัจจุบันของคุณในวันนี้
ยังประเสริฐ ควรอนุโมทนา
ยิ่งกว่า บุรุษแท้ ที่ยังเวียนวน ในอกุศลกรรมบท มากมายนักครับ
ป.ล. ลืมๆ เรื่องสังคมในจาตุฯ ไปก่อนเถิดครับ
ทำปัจจุบัน (สั่งสมกุศลกรรมบท)ให้ดีที่สุด + อธิษฐานบารมี
เดี๋ยวบุญ จัดสรรให้สมเหตุและสมความตั้งใจ เองครับ
#14
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 09:29 AM
ผมว่านี่คงเป็นชาติสุดท้ายแล้วที่ผลแห่งกรรมจะส่งผลได้
สิ่งที่คุณทำมีความมุ่งมั่น ถูกหลักวิชชา รักษาความดีเช่นนี้ตลอดไป
ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
คนแกร่ง หัวใจกล้า
ปล.ชื่นชมความตั้งใจดี สุดยอด
#15
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 10:13 AM
ขอเป็นกำลังใจให้คุณเด็กอนุบากหน้าใสใจดีค่ะ ต้องสู้และต้องสู้นะคะ
ขอให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายค่ะ
สู้ สู้
#16
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 10:52 AM
สู้น่ะ ๆ คะ
#17
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 11:21 AM
#18
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 05:24 PM
แค่อ่านความคิดเห็นของคุณ ก็รู้แล้วว่าคุณน่ารักขนาดไหน
สิ่งหนึ่งที่เราไม่เข้าใจเรื่อง การยึดติดแล้วต้องอยู่สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาคะ
มาพิจารณาดู สาวประเภทสองต่างจากเกย์ มากมาย คนที่เป็นสาวประเภทสองเค้าไม่ยึดติดในเพศกะเทยอยู่แล้ว
ถึงได้คิดที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนธรรมดา เปลี่ยนให้เป็นผู้หญิงปกติคนหนึ่ง ตัวเค้าเองก็รังเกียจการเป็นกะเทย
การไปเกิดบนสวรรค์นั้น จิตเราอยากเป็นอะไรก็จะเป็นอันนั้น ยกเว้นถ้าจิตยังยึดติดการเป็นกะเทยจะไปได้แค่จตุมหาราชิกา
เพราะสวรรค์ชั้นอื่นมีแค่เทวดาเพศหญิง กับเพศชาย
สาวประเภทสองจิตใจเค้ายึดติดกับการเป็นผู้หญิงอยู่แล้วนี่คะ จิตที่แท้เค้าเป็นผู้หญิงปกติคนนึงนี่แหละ แต่พิการอวัยวะ
กลุ่มคนประเภทนี้องค์กรอนามัยโลกประกาศว่า เป็นโรคที่เรียกว่า transgenderism และประกาศให้การผ่าตัดแปลงเพศ
เป็นการรักษาโรคนี้ เผื่อให้เค้ากลับมาเป็นผู้หญิงปกติคนนึง
ต่างกับเกย์ที่จิตที่แท้เค้าเป็นผู้ชาย แต่หลงไหลยึดติดกับผู้ชายเหมือนกัน
เราว่ากรณีนี่ต่างหากที่น่าจะไปจตุมหาราชิกา
สมมตินะคะ ถ้าทั้งสาวประเภทสอง และ เกย์ ไปอยู่จตุมหาราชิกาเหมือนกันหมด
ต้องรู้อีกว่า เทวดาฆ่าตัวตายได้มั้ย เพราะสาวประเภทสองถ้าไม่สามารถจะเป็นชาย หญิงปกติ เค้าก็อยู่ไม่ได้
การที่องค์กรอนามันโรคประกาศให้การแปลงเพศเป็นการรักษาโรค เพราะคนกลุ่มนี้มีชีวิตแบบเกย์ไม่ได้
และมีจำนวนมากแล้วที่พากันฆ่าตัวตายหนีปัญหาไป
เราวิเคราะห์ว่าสาวประเภทสองนั้น เค้าไม่ได้ยึดติดกับการเป็นกะเทยอยู่แล้ว
ถึงได้ดิ้นรน ไปผ่าตัด เจ็บปวดทรมาน และต้องทรมานจากภาวะการขาดฮอร์โมนไปตลอดชีวิต
เรียกว่า ถ้าไม่ได้เป็นผู้หญิงขอตายดีกว่า
ส่วนตัวเราถ้าไปเกิดเป็นหญิงสาวสาวยที่มีอวัยวะเพศชายที่จตุมหาราชิกา ขอตายดีกว่าคะ
แล้วคุณละ ถ้าตื่นเช้ามา คุณผู้ชายเกิดมีหน้าอก และอวัยวะเพศชายขาดหายไป คุณจะพยายามรักษาตัวเอง
ให้กลับมาเป็นผู้ชายปกติมั้ย ส่วนคุณผู้หญิง ถ้าตื่นเช้ามาแล้วปรากฎว่า ผิวหยาบกร้านมีกล้ามทั้งตัว
แล้วปราำกฎอวัยวะเพศชายมาแทน คุณจะทำยังไงกับชีวิตต่อไป
ถ้าคุณยอมรับปรากฏการณ์นี้ได้ ผู้ชายยังชอบผู้หญิงเหมอืนเดิม นั่นแหละ เกย์
แต่คุณยอมรับไม่ได้ พยายามทุกวิถีทางที่จะแก้ไขมัน เป็นคนผู้ชายธรรมดาปกติคนนึง ที่แหละ ความคิดของสาวประเภทสอง
#19
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 05:25 PM
ขอแสดงความนับถือจากใจใสๆ บริสุทธิ
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
ต้องสู้จึงจะชนะ
#20
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 05:28 PM
กรณีนี้ด้านบนเราเรียกเค้าว่า TS
ส่วนกลุ่มคนที่ชอบแต่งกายเป็นหญิง และไม่คิดอยากแปลงเพศ ยอมรับกับตัวเอง เราเรียกว่า TG
#21
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 08:06 PM
(ปล. สิ่งที่ตอบนี้ สรุปมาจากภูมิรู้ภูมิธรรมอันน้อยนิดของเรา หากมีส่วนใดผิดพลาด
ต้องกราบขออภัยและขออโหสิกรรม และขอให้ท่านผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยเถิด.. สาธุ.. )
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
เป็นแหล่งชุมนุมของคนที่ทำบุญปนบาป เช่น
1. คนที่ทำบุญแบบมิจฉาทิฎฐิ (โมหะ หลงงมงายในสิ่งที่ไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง)
ได้แก่ คนที่หลงใหลในศาสนาประเภทเทวนิยม, ทรงเจ้า, เข้าผี, ฯลฯ
พวกนี้ก็ไปเป็นวิทยาธร, ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ กินนร กินนรี ฯลฯ แล้วแต่รายละเอียดวิบากกรรม
2. คนที่ทำบุญ แต่เต็มไปด้วยโทสะจริต เมื่อตายแล้วก็ไปเป็นยักษ์ตระกูลต่างๆ
ตามรายละเอียดปลีกย่อยของกรรม
3. คนที่ทำบุญ แต่เต็มไปด้วยราคะจริต ส่วนใหญ่ก็คือคนที่ติดวิบากกรรมกาเมฯมาข้ามชาติ
แล้วยังแก้ไขไม่ได้ แต่ประพฤติตนเป็นไปตามกระแสกรรมกาเมฯ ก็เป็นได้ทุกอย่างทั้ง
ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ กินนร กินนรี วิทยาธร ฯลฯ แล้วแต่รายละเอียดวิบากกรรม
โดยราคะจริต ตามที่เราเข้าใจ หมายรวมถึงทุกอย่างตั้งแต่การปรุงแต่งร่างกายในสิ่งที่ไม่ใช่ เกินความจำเป็น
กระทั่งวิถีทางในการได้มาซึ่งการได้เสพสมเรื่องกามราคะ และวิธีการเสพสมกามราคะ
นั่นคือเหตุผลที่ ทำไม สาวประเภทสองจึงต้องไปจาตุฯ
ทุกวันนี้เอง ที่เราสารภาพว่าเรายังไม่ชนะอย่างแท้จริง.. อาจกลับมาแพ้ได้ทุกเมื่อ..
เพราะเราเองก็ยังทุรนทุราย ยังรักที่จะเป็นหญิงอยู่..
เพียงแต่เราพยายามลด ละ เลิก เพื่อผลที่ดีที่ยั่งยืนกว่า
และเราเอง.. รักและเข้าใจคนประเภทเดียวกัน.. หวังดีอยากให้คุณพบเจอผลที่ดียั่งยืนกว่าในชาติหน้า
หากถามว่า.. ถ้าเราทำสำเร็จ.. แล้วเลือกได้ว่าจะเกิดเป็นอะไร..
บอกตรงๆว่าส่วนนึง.. เรายังเหมือนเดิมคือ.. อยากเป็นอย่างนางวิสาขา..
แต่บางสิ่งบางอย่าง ที่เราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร.. มันปลุกเร้าให้เราพยายามสู้.. เพื่อให้ได้บวช..
เพื่อที่สุดแห่งธรรม..
ทั้งๆที่เราไม่ต้องการเป็นชายเลยแม้แต่นิดเดียว.. แต่เราเข้าใจกลไกตรงนี้ว่าเพราะอะไร..
มันมีเพียงจุดเดียวคือ.. "ความพึงพอใจในเพศภาวะของตนเอง"
ดังนั้น.. หากจะแก้กลไกตรงนี้.. สำหรับเรา เราใช้วิธีการอธิษฐาน..
(เวลาเราอธิษฐานแบบเต็มๆนะ.. จะประมาณนี้..)
เมื่อข้าพเจ้าเกิดภพชาติใดก็ตาม.. หากเกิดเป็นมนุษย์ ขอให้ได้เพศบริสุทธิ์
(คือหากเป็นชาย ก็ขอให้พึงพอใจในความเป็นชาย หากเป็นหญิง ก็ขอให้พึงพอใจในความเป็นหญิง)
และหากเกิดเป็นชาย ขอให้ได้กายมหาบุรุษ ดุจเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หากเกิดเป็นหญิง ขอให้ได้ที่เบญจกัลญาณี ดุจเดียวกับนางวิสาขาทุกประการ
และไม่ว่าจะเกิดเป็นชายหรือหญิง ขอให้ข้าพเจ้าได้ประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่เล็กแต่น้อยไปตลอดชีวิต
ได้พบเจอครูอาจารย์ที่ดีและได้นั่งสมาธิภาวนาตามแนววิชชาธรรมกายตั้งแต่เล็กแต่น้อย
และสำเร็จวิชชาธรรมกายตั้งแต่เล็กแต่น้อย และสามารถรักษาไว้ได้ตลอดชีวิต และสามารถรักษาไว้ได้ข้ามภพข้ามชาติ
(ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ไหม ในการอธิษฐานว่าขอให้รักษาไว้ได้ข้ามภพข้ามชาติน่ะ)
และหากเป็นชาย ขอให้ได้บวชในพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ไปตลอดชีวิต
ข้าพเจ้าจักขอตามติด ติดตาม หลวงปู่สด จันทสโร คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
และหลวงพ่อธัมมชโย ไปทุกภพทุกชาติ เพื่อร่วมกันทำวิชชาธรรมกาย และเข้าสู่ที่สุดแห่งธรรม
(แล้วต่อจากนั้นก็อธิษฐานในรายละเดียดของการเกิด เช่น ปฏิรูปเทศ.. ครอบครัว.. ตระกูล.. ฐานะ..
การคบบัณฑิต ไม่คบคนพาล.. ฯลฯ)
ยังไงเราก็เข้าใจคุณ และคนประเภทเดียวกันนะ
เราเอาใจช่วยให้คุณพบเจอสิ่งดีดีทั้งโลกนี้และโลกหน้านะจ๊ะ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#22
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 08:48 PM
ขอบพระคุณ พระอาจารย์ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านที่ให้กำลังใจนะคะ..
สาธุ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#23
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 08:25 AM
เข้ามาเป็นกำลังใจให้นักเรียนอนุบาล เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี ครับ
#24
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 11:03 AM
เมื่อข้าพเจ้าเกิดภพชาติใดก็ตาม.. หากเกิดเป็นมนุษย์ ขอให้ได้เพศบริสุทธิ์
(คือหากเป็นชาย ก็ขอให้พึงพอใจในความเป็นชาย หากเป็นหญิง ก็ขอให้พึงพอใจในความเป็นหญิง)
-------------------
คำว่าเพศบริสุทธิ์ น่าจะหมายถึง สมณะเพศ มากกว่าเพศหญิงหรือเพศชายปกติอะคะ
มองไปรอบๆสิ ไม่ว่าชาย ไม่ว่าหญิง ล้วนเป็นไปตามกรรมของตน ไม่มีใครบริสุทธิ์ ไม่มีใครดีกว่าใครคะ
ซึ่งถ้า พิจารณาความหมายตามนี้ ก็จะถูกต้องตามพระไตรปิกฎด้วย
------------------
กรรมกะเทยตามแบบที่หลวงพ่อสอนคือ
ผู้ชาย > ผู้หญิง > หญิงโสเภณี > กะเทย
จะเห็นได้ว่า ภาวะของกะเทย ถึงแม้จะร่างกายเป็นชาย แต่สั่งสมความรู้สึกนึกคิดแบบผู้หญิงมานานหลายชาติ
ผู้ชายหลายคน พยายามเอาความคิดตัวเองไปแทนกะเทย ซึ่งคิดให้ตายก็ไม่เข้าใจ
ตราบใดที่ผู้ชายยังไม่เข้าใจผู้หญิง
การจะให้กะเทยเลิกปรุงแต่งนั้นยากน่าดูเชียวคะ เพราะกายที่เป็นชายนั้นไม่ใช่กายแท้ๆ เป็นแค่กายแห่งวิบากกรรม
มีมาเพื่อบังตาคนอื่นให้เห็นเป็นอีกเพศนึงแค่นั้นเอง
ในเมื่อการเดินทางของการเวียนว่ายตายเกิดเป็นผู้หญิง -> หญิงโสเภณี -> กะเทย มันก็สั่งสมความรู้สึกผู้หญิง
มาแต่ไหนแต่ไร แล้วจะให้เลิกพึงใจ เรามองว่าผิดลักษณะ
ถ้าการทำงานของกฏแห่งกรรมเป็นอย่างที่คุณอนุบาลหน้าใสคิดจริงนะคะ
มันจะต้องเป็น
ผู้ชาย > กะเทย > ผู้หญิง > หญิงโสเภณี (ซึ่งไม่ตรงกับที่หลวงพ่อสอน แต่สำนึกอื่นเป็นตามนี้)
ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า กะเทยกำลังจะกลับเป็นชายแล้ว แต่อดีตเคยเจ้าชู้มามาก
เลยยังเหลือเศษกรรมมาเบียดให้ความรู้สึกนึกคิดยังเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงต้อง รักษาศีล 8
ละเลิกความพึงพอใจในการรักสวยรักงาม เพื่อจะได้หลุดจากเศษกรรมนั้นและได้เป็นชายเพื่อบวชต่อไป
โจทย์กะเทยนี้เป็นโจทย์ปราบเซียน ใครของแท้ของจริง วัดที่โจทย์นี้แหละคะ
เมตตาบารมีขนาดไหน อภัยทานมีมั้ย ธรรมทานละ พร้อมจะให้เค้าหรือเปล่า ???
เหมือนกับในลิ้งค์ ที่เอามาให้ในตอนแรก มันบอกอะไรได้มากทีเดียวคะ
#25
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 12:57 PM
เพื่อที่สุดแห่งธรรม..
ก็ "บุญ" และ "เขาคนนั้น" ในตัว กำลังคอยเตือนคุณอยู่ไง (คนเนี้ยะ สำคัญที่สุดเลยล่ะ)
ความเพียรในการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายเท่านั้นที่จะช่วยได้
สู้ สู้ นะคะ ชนะแล้วบางส่วน อีกนิดเดียวก็จะชนะขาดลอย
#26
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 01:06 PM
Loop จริงๆแบบละเอียดเลยนะ จะประมาณนี้..
ชายเจ้าชู้ => มหานรกขุม 3 / ยมโลกขุม 3 => เปรต / อสุรกาย => หนอนในส้วม =>
สัตว์เดรัจฉานที่มี 2 เพศในตัวเดียวที่มีขนาดเล็ก => สัตว์เดรัจฉานที่มี 2 เพศในตัวเดียวที่มีขนาด
ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ => สุนัข/แมว(ถูกตอน ถูกทำหมัน) => ลิง(ถูกจ่าฝูงกัดอัณฑะขาด) =>
วัว/ควาย(ถูกเจ้าของสับ,เฉาะ,ตอน) => โสเภณี => กระเทย/เกย์/ทอม/ดี้/เลสเบี้ยน (แล้วแต่) =>
หญิงแท้ที่มีปัญหาครอบครัวร้าวฉาน => หญิงแท้ทีมีครอบครัวดี =>
หญิงแท้ที่ไม่ปรารถนาการมีครอบครัว ถือศีล ๘ บริสุทธิ์ และต้องการเป็นชายเพื่อได้บวช => ชายแท้ =>
ชายแท้บวชเป็นพระเพื่อมุ่งสู่นิพพาน หรือที่สุดแห่งธรรม => บารมีเต็มเปี่ยมสามารถถึงจุดหมาย
และหยุดการเวียนว่ายตายเกิด
Step ดังกล่าว.. บางคนอาจข้ามบาง Step ไปได้..
บางคน.. อาจถอยหลังกลับบาง Step ได้.. ไร้รูปแบบตัว..
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ บุญ และ บาป ที่ทำระหว่างภพชาตินั้นๆ
หากระหว่าง Step ต่างๆ เกิดพลาดไปผิดศีลข้อ ๓ อีก.. ก็ต้องเวียนไปมหานรกขุม ๓ / ยมโลกขุม ๓ อีก
แล้วก็วนกลับมาอีก..
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า.. การเกิดเป็นแต่ละอย่างที่กล่าวมานั้น.. ไม่ได้เป็นแค่ชาติ 2 ชาติ..
แต่เป็นแต่ละอย่างนั้น เป็น 100 หรือ 500 ชาติ หรือมากกว่านั้น.. แล้วแต่ความแรงของวิบากกรรม..
สิ่งที่เรากำลังพยายาม.. และพยายามจะบอกให้คนอื่นพยายาม..
คือความพยายามที่จะย่นย่อจำนวนชาติของการเกิดเป็นกระเทย.. ให้น้อยลง..
เพราะชาติที่เรา หรือคุณ หรือใครๆรับวิบากกรรมคล้ายๆกันอยู่นี้ อาจเป็นชาติแรกที่เพิ่งเป็น,
ชาติกลางๆที่เป็น, หรือชาติสุดท้ายแล้ว.. ไม่มีใครรู้ได้..
เพียงแต่หากพยายามหลุดจากสภาพแบบนี้.. ย่นย่อจำนวนภพชาติที่จะต้องเกิดมาเป็นแบบนี้..
ต้องถือศีล ๘ จึงจะช่วยได้เร็วที่สุด..
หากบุญจากการถือศีล ๘ แรงพอ(ซึ่งแรงกว่าศีล ๕ อยู่ ๑๐๐ เท่า) ก็จะข้าม Step ที่เขียนด้านบน คือ
กระเทย/เกย์/ทอม/ดี้/เลสเบี้ยน (แล้วแต่) => หญิงแท้ที่มีปัญหาครอบครัวร้าวฉาน => หญิงแท้ทีมีครอบครัวดี =>
หญิงแท้ที่ไม่ปรารถนาการมีครอบครัว ถือศีล ๘ บริสุทธิ์ และต้องการเป็นชายเพื่อได้บวช => ชายแท้
เป็น..
กระเทย/เกย์/ทอม/ดี้/เลสเบี้ยน (แล้วแต่) => ชายแท้
หากบุญไม่แรงพอ หรือหากบุญแรงพอ แต่ได้มีการอธิษฐานเพื่อเป็นหญิงแท้ที่มีครอบครัวดี ก็จะเป็นตามนี้..
กระเทย/เกย์/ทอม/ดี้/เลสเบี้ยน (แล้วแต่) => หญิงแท้ทีมีครอบครัวดี
จนกว่าจิตจะเบื่อหน่ายจากความเป็นหญิง และอธิษฐานเป็นชาย เมื่อสั่งสมบุญมากพอ ก็จะเป็นตาม Step ต่อไป
แต่หากปรารถนาเช่นนี้ตลอดไป แบบนางวิสาขา กระทั่งเข้าถึงพระนิพพาน ก็ย่อมได้..
เราเข้าใจนะ..
สิ่งที่พูดมาทั้งหมด.. ก็ไม่ต่างจากการพยายามบอกให้คนติดบุหรี่เลิกสูบบุหรี่ บอกให้คนติดเหล้าเลิกดื่มเหล้า..
เขาเหล่านั้นก็จะให้เหตุผลว่าไม่ได้ ไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่ใช่.. ฯลฯ
ต่อเมื่อมีกลไกบางอย่างมากระตุ้นเตือน.. และถูกกับจริตของคนๆนั้น.. เขาถึงจะมีแรงฮึดที่จะทำ.. ที่จะต่อสู้กับจิตใจ..
เราเองกว่าจะเลิกปรุงแต่งได้.. ก็ใช้เวลาอยู่นาน..
เครื่องสำอางค์ คริสเตียน ดิออร์ ที่ใช้ทั้งชุดๆละหมื่นกว่าๆ.. กว่าจะตัดใจเลิกแต่งหน้าได้.. นานมาก..
ทุกวันนี้เครื่องสำอางค์ชุดนั้นก็ยังไม่ได้ให้ใครไป.. อยู่ในตู้เย็น.. แต่ความรู้สึกอยากแต่งนั้นมันหมดไปแล้ว..
ถูกแทนที่ด้วยจุดหมายปลายทาง ในการที่จะย่นย่อภพชาติแห่งความไม่สมหวังในเพศภาวะ
และการตามติดหมู่คณะเพื่อสั่งสมบารมี..
อย่าถามถึงเมตตา, อภัยทาน, ธรรมทาน
เพราะหากปราศจากสิ่งเหล่านี้แล้ว.. คงไม่มีใครเสียเวลาพยายามอธิบาย
ความเป็นไปที่แท้จริง(อย่างแท้จริง)ของชีวิตให้คุณฟัง.. จริงๆนะ..
เชื่อเถอะ.. ทุกคนเขามีเมตตา, อภัยทาน, ธรรมทาน ให้อย่างแท้จริง..
จริงๆนะจ๊ะ..
ของแท้คืออะไร.. ถ้าใครสักคนกำลังจะเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์
มาจัดประเภทคนเป็น TS, TG อะไรนั่น..
แล้วพยายามจะบอกว่ามาตรฐานที่ใช้กล่าวถึงนั้นใช่..
และบอกว่าคนนี้เป็นนั่น คนนั้นเป็นนี่..
เราเอง.. เคยทำแบบนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว..
แน่นอน.. เราไม่ได้กำลังบอกว่าเราเก่งนะ..
เราจะบอกว่า.. วิทยาศาสตร์มันคือ Sub Set ของพุทธศาสนา..
ไอสไตน์และนักวิทยาศาสตร์หลายคนยอมรับเช่นนั้น..
คุณหมอ, วิศวกร, บาทหลวงต่างศาสนา, และผู้คนที่ทรงภูมิปัญญาทางโลกทั้งหลาย.. ,
คนที่มีอาชีพที่น่าเชื่อถือทั้งหลาย..
ต่างยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า.. สิ่งที่เขารู้มา.. เป็นเพียงธุลีในอากาศเท่านั้น
เมื่อเทียบกับพระพุทธศาสนา..
จะรู้ได้.. เมื่อพยายามหยุดใจให้เข้าถึงความสงบภายใน..
เราไม่ได้หมายความว่ากระเทยในโลกต้องฝืนใจรักษาศีล ๘ ทุกคน => แต่ใครทำได้ก็ทำ
และในการทำ.. คือ การหยุดเรื่องกามราคะสนิท.. หยุดการปรุงแต่งร่างกายอันจะเป็นเหตุยั่วยุกามราคะคนอื่น..
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำตัวเป็นผู้ชายซะเมื่อไร
เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น.. มีหน้าอก ก็ต้องใส่เสื้อใน.. ไม่ได้ให้ไปตัดหน้าอกทิ้งซะเมื่อไร..
เคยนั่งฉี่ในห้องน้ำหญิง.. ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจเข้าห้องน้ำชาย..
เคยมีจิ๊ ก็ไม่จำเป็นต้องไปให้หมอทำแบบของผู้ชายซะหน่อย..
อยากไปปฏิบัติธรรมที่ไหนก็สามารถทำได้ตามสบาย.. เป็นอุบาสิกาก็เป็นไป..
เราเองถ้าเราอยากไปที่ไหนเราก็ไป.. และแน่นอน.. เราก็คงไม่ไปนอนรวมกับอุบาสก..
และเราก็ไม่ได้แนะนำให้กระเทยคนไหนไปนอนรวมกับอุบาสก.. เข้าใจไหม..
ทุกอย่าง.. สำคัญที่ใจ..
เหตุเกิดที่ใจ.. ต้องดับที่ใจ..
จุดสำคัญที่พยายามจะบอกในกระทู้นี้คือ..
ที่ผ่านมาเป็นไง ช่างมัน.. แต่พยายามหยุดการปรุงแต่งแต่เพียงเท่านี้
ไม่งั้นชาติต่อไปก็จะซ้ำรอยเดิม..
แต่ถ้ารู้สึกว่ามันฝืนตัวเองเกินไป.. จะถือเพียงศีล ๕ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้.. ตามสะดวกเถิดจ๊ะ..
(ส่วนคุณจะไปปฏิบัติธรรมที่ไหนอย่างไร.. ก็สุดแล้วแต่ความสะดวกและความสบายใจจ้า
ที่วัดก็ไม่ได้ปิดกั้นนะ)
เรามาเพื่อแนะนำด้วยความหวังดี
แต่หากมองว่าคุณไม่ต้องการสิ่งนี้ หรือมองว่าสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์อะไร
หรือมองวัตถุประสงค์เราคลาดเคลื่อนไป.. เราก็ขอยุติแต่เพียงเท่านี้ก็แล้วกันจ๊ะ..
ไปปฏิบัติธรรมกันดีกว่าจ๊ะ.. สาธุ.. สาธุ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#27
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 01:15 PM
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#28
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 03:52 PM
พูดได้เป็นฉากๆเลย เยี่ยมมากครับ
น่าจะเคยเป็นพระมาก่อนในอดีต แต่คงจะพลาดท่าไปหน่อย ชาตินี้เลยเป็นแบบนี้
#29
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 08:17 PM
#30
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 11:13 PM
เข้าใจลึกซึ้งเลย อย่างนี้นี่เอง
ขออนุโมทนาบุญครับ