คือผมมาวัดช้านะครับ มาตอนยุค DMC นี่แหละ มัวแต่นอกลู่นอกทาง ขอถามเรื่องเก่า ๆ หน่อยนะ อยากรู้ครับ
1. พระคะแนนคืออะไรครับ (เคยมีตัวเล็ก ๆ ก็ช่วยได้เขียนมา แต่คุณครูไม่ใหญ่ไม่ได้อธิบายรายละเอียด)
2. สมัยที่คุณยายอาจารย์ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้มานำนั่งสมาธิหรือบรรยายธรรมด้วยหรือเปล่าครับ ใช้สถานที่ตรงไหน เป็นตอนบ่ายทุก ๆ วันอาทิตย์หรือเปล่า
3. สภาธรรมกายสากลหลังปัจจุบันนี้เปิดใช้งานครั้งแรก (หมายถึงปฏิบัติธรรมวันอาทิตย์) วัน เดือน ปี อะไร มีบันทึกไว้หรือเปล่า น่าจะมีการบันทึกย่อ ๆ ติดไว้นะครับ คนมาวัดใหม่จะได้ทราบข้อมูล (เหมือนอย่างสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น วัด อนุสาวรีย์ สะพาน ฯลฯ)
4. ข้อนี้ต้องถามคนที่มาวัดก่อนยุค DMC ครับว่า เรื่อง พญานาค ยักษ์ นรก สวรรค์ เปรต วิทยาธร ฯลฯ เมื่อก่อนนี้หลวงพ่อหรือพระอาจารย์ได้บรรยายเป็นธรรมทานให้แก่สาธุชนมาก่อนหรือเปล่าครับ หรือว่ามาเรียนรู้พร้อมกันตอนมีสื่อ DMC นี้
จริง ๆ อยากรู้อีกแยะ แต่ขอถามแค่นี้ก่อนครับเดี๋ยวเพื่อน ๆ จะเบื่อสะก่อน อนุโมทนาบุญด้วยครับ
มาวัดช้าครับ เลยถามเรื่องเก่า ๆ
เริ่มโดย cpj, Jul 08 2008 07:03 PM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 08 July 2008 - 07:03 PM
#2
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 06:44 AM
เห็นกระทู้นี่แล้วนึกถึงสมัยหลังคาจากนะครับ ...... คิดถึงวัดจัง ..... กลับเมืองไทยเมื่อใหร่จะต้องไปดูที่เคยบวช ให้ได้
#3
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 10:16 AM
1. พระคะแนนคือพระของขวัญที่มอบให้เป็นกำลังใจแก่ผู้ทำหน้าที่บอกบุญครับ ซึ่งจะมีหลายแบบครับ
2. ผมก็มาทันคุณยายแค่ 1 ปี ซึ่งคุณยายก็ชรามากแล้ว เท่าที่อ่านและฟังมาคือสมัยก่อนคุณยายจะรับแขกช่วงบ่ายที่ห้องครัวเดิม หรือไม่ก็อาคารจาตุมหาราชิกาครับ
3. สภาธรรมกายสากลหลังปัจจุบัน น่าจะมีจดบันทึกแต่ผมไม่รู้ ผมรู้ว่าประมาณปี 2540 เริ่มสร้างและเริ่มใช้งานวันทอดกฐินนี้แหละครับ ตอนนั้นยังมีแต่เสาเลยครับปิดหลังคาด้วยสาแลนเขียวเลยครับ นั่งกับพื้นดิน ปลื้มมากเลยครับ
4. สมัยก่อนที่ไม่มี DMC เรื่องอย่างนี้ไม่ค่อยมีการเล่ากันหลอกครับ ยากมากที่จะรู้เรื่องพวกนี้ คนสมัยนี้มีบุญมากที่ได้ยินเรื่องพวกนี้
2. ผมก็มาทันคุณยายแค่ 1 ปี ซึ่งคุณยายก็ชรามากแล้ว เท่าที่อ่านและฟังมาคือสมัยก่อนคุณยายจะรับแขกช่วงบ่ายที่ห้องครัวเดิม หรือไม่ก็อาคารจาตุมหาราชิกาครับ
3. สภาธรรมกายสากลหลังปัจจุบัน น่าจะมีจดบันทึกแต่ผมไม่รู้ ผมรู้ว่าประมาณปี 2540 เริ่มสร้างและเริ่มใช้งานวันทอดกฐินนี้แหละครับ ตอนนั้นยังมีแต่เสาเลยครับปิดหลังคาด้วยสาแลนเขียวเลยครับ นั่งกับพื้นดิน ปลื้มมากเลยครับ
4. สมัยก่อนที่ไม่มี DMC เรื่องอย่างนี้ไม่ค่อยมีการเล่ากันหลอกครับ ยากมากที่จะรู้เรื่องพวกนี้ คนสมัยนี้มีบุญมากที่ได้ยินเรื่องพวกนี้
#4
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 11:12 AM
2. ครั้งคุณยายอาจารย์ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านจะลงอบรมอุบาสกอุบาสิกาและเจ้าหน้าที่ในวัดที่ศาลาจาตุมหาราชิกา ข้างโบสถ์วัดพระธรรมกายอยู่เสมอครับ ส่วนใหญ่ท่านจะลงวันธรรมดาเท่านั้น ส่วนวันอาทิตย์ท่านจะลงร่วมบุญกับสาธุชนที่สภาธรรมกายสากลครับ
3. ตอนนี้มีเก็บบันทึกประวัติไว้ที่สำนักงานใหญ่ครับ
4. มีครับ เพียงแต่ไม่เจาะลึกเหมือนอย่างในปัจจุบัน คุณครูไม่ใหญ่จะนำมากล่าวแค่ตอนช่วงนำนั่งสมาธิเท่านั้น ทีนี้มันมีเหตุต่อมาในภายหลัง คือ มีปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคขึ้น จึงทำให้ผู้คนสนใจและวิจารณ์กันไปต่างๆนานา คุณครูไม่ใหญ่จึงต้องนำมาฝันในฝันให้พวกเรานักเรียนอนุบาลฟัง ซึ่งตอนนั้นโรงเรียนอนุบาลเริ่มถือกำเนิดแล้ว เพียงแต่ยังเป็นกลุ่มเล็กๆคล้ายชมรมเท่านั้นครับ ถ้าจำไม่ผิดจะยังเป็นช่วงMPL (My Papa Love) แล้วจึงมาเจาะลึกแล้วพัฒนาเป็นDMCจนถึงปัจจุบัน
3. ตอนนี้มีเก็บบันทึกประวัติไว้ที่สำนักงานใหญ่ครับ
4. มีครับ เพียงแต่ไม่เจาะลึกเหมือนอย่างในปัจจุบัน คุณครูไม่ใหญ่จะนำมากล่าวแค่ตอนช่วงนำนั่งสมาธิเท่านั้น ทีนี้มันมีเหตุต่อมาในภายหลัง คือ มีปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคขึ้น จึงทำให้ผู้คนสนใจและวิจารณ์กันไปต่างๆนานา คุณครูไม่ใหญ่จึงต้องนำมาฝันในฝันให้พวกเรานักเรียนอนุบาลฟัง ซึ่งตอนนั้นโรงเรียนอนุบาลเริ่มถือกำเนิดแล้ว เพียงแต่ยังเป็นกลุ่มเล็กๆคล้ายชมรมเท่านั้นครับ ถ้าจำไม่ผิดจะยังเป็นช่วงMPL (My Papa Love) แล้วจึงมาเจาะลึกแล้วพัฒนาเป็นDMCจนถึงปัจจุบัน
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 11:50 AM
QUOTE
มาวัดช้าครับ
- ดีกว่าไม่มา...555
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#6
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 12:04 PM
555 ความรู้ใหม่ และก็ทบทวนไปในตัว
ขอบคุณพี่ๆทุกๆคนค่า
ขอบคุณพี่ๆทุกๆคนค่า
หยุดนั่นแหละเป็นตัวสมถะ
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
#7
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 04:29 PM
มาวัดช้า แต่สิ่งที่ถามบอกให้รู้ว่า จะเป็นคนวัดตัวจริงในอนาคตค่ะ
สาธู๊ค่ะ
สาธู๊ค่ะ
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#8
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 05:49 PM
ขอบคุณในทุกคำตอบครับ จริง ๆ แล้วยุคสมัยสภาหลังคาจากผมก็เคยมานะ (แต่น้อยครั้ง) ตอนนั้นยังไม่ค่อยศรัทธาและยังไม่ค่อยเข้าใจการสร้างบารมีของหมู่คณะเท่าไหร่ ปัจจุบันนี้มาตลอดทุกอาทิตย์แล้วครับ ถ้าจะประเมินแบบฝันในฝันให้ตัวเองที่มาสร้างบารมีช้าน่าจะมาจาก
1. คิดช้า ทำช้า คิดแล้วคิดอีกกว่าจะทำบุญได้
2. ขัดขวางคนอื่นไม่ให้มาสร้างบารมี
4. กระทบกระทั่งกับหมู่คณะจนหลุดไป แต่กลับใจได้ทีหลัง
3. อดีตที่ผ่านมา ผลัดกับหมู่คณะ อาจอยู่ในเมืองอื่น แคว้นอื่น หรือภพภูมิอื่นเลยก็ได้ เลยไม่ได้สร้างบารมีร่วมกัน
สำหรับผมข้อแรกมีเปอร์เซนต์สูงสุด เพราะปัจจุบันเชื้อนี้ยังหลงเหลืออยู่เลย ถ้าใครมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมอย่างไรช่วยแนะนำด้วยครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ
1. คิดช้า ทำช้า คิดแล้วคิดอีกกว่าจะทำบุญได้
2. ขัดขวางคนอื่นไม่ให้มาสร้างบารมี
4. กระทบกระทั่งกับหมู่คณะจนหลุดไป แต่กลับใจได้ทีหลัง
3. อดีตที่ผ่านมา ผลัดกับหมู่คณะ อาจอยู่ในเมืองอื่น แคว้นอื่น หรือภพภูมิอื่นเลยก็ได้ เลยไม่ได้สร้างบารมีร่วมกัน
สำหรับผมข้อแรกมีเปอร์เซนต์สูงสุด เพราะปัจจุบันเชื้อนี้ยังหลงเหลืออยู่เลย ถ้าใครมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมอย่างไรช่วยแนะนำด้วยครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ
#9
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 08:41 PM
ข้อ 1 มันนานจนแทบจะลืมกติกาการได้พระคะแนนไปแล้ว แต่เป็นช่วงปิดองค์พระแกนกลาง แต่พระอาจารย์บางท่านก็บอกว่า มีแนวความคิดมาจากการสร้างพระของขวัญวัดปากน้ำ พอครบจำนวนเท่านั้นๆ ก็จะมีพระคะแนนที่มีลักษณะที่แตกต่างไปจากพระในรุ่นเดียวกันเล็กน้อย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นอักษร ภ นะครับ
ข้อ 2. ก็ตามที่มีคนตอบไว้แล้วครับ
ข้อ 3. ก็จำไม่ได้อีกนั่นแหละ แต่ว่าก่อนวันงานกฐินยังต้องไปช่วยกันรับบุญวิดน้ำออกจากสภาครับ ตอนนั้นมีแค่ชั้นเดียว
ข้อ 4. พระเดชพระคุณหลวงพ่อเล่าไว้เป็นปกิณณกะธรรมไว้ตามไซด์ปฏิบัติธรรมยุคประมาณ 10 กว่าปีมั้งครับ เพื่อให้เกิดความร่าเริงบันเทิงธรรมก่อนปฏิบัติธรรม แต่ไม่ได้เล่าแบบเป็นทางการในที่แสดงธรรมครับ
ข้อ 2. ก็ตามที่มีคนตอบไว้แล้วครับ
ข้อ 3. ก็จำไม่ได้อีกนั่นแหละ แต่ว่าก่อนวันงานกฐินยังต้องไปช่วยกันรับบุญวิดน้ำออกจากสภาครับ ตอนนั้นมีแค่ชั้นเดียว
ข้อ 4. พระเดชพระคุณหลวงพ่อเล่าไว้เป็นปกิณณกะธรรมไว้ตามไซด์ปฏิบัติธรรมยุคประมาณ 10 กว่าปีมั้งครับ เพื่อให้เกิดความร่าเริงบันเทิงธรรมก่อนปฏิบัติธรรม แต่ไม่ได้เล่าแบบเป็นทางการในที่แสดงธรรมครับ
#10
โพสต์เมื่อ 09 July 2008 - 10:20 PM
มาช้าไม่เป็นไร แต่ขอให้มาสม่ำเสมอก็แล้วกัน แล้วทำตามที่ครูไม่ใหญ่บอก เท่านี้ก็โอแล้ว ผมโชคดี มาตั้งแต่ปี๒๔ เห็นความรุ่งเรืองของพระศาสนา ด้วยมือน้อยๆของเหล่ากัลยาณมิตร โดยมีหลวงพ่อทั้ง ๒ท่านเป็นผู้นำ-หลวงพ่อธัมมะและหลวงพ่อทัตตะ/ ปลื้มครับ นึกถึงที่ไรน้ำตาแห่งความปิติเกิดขึ้นตลอด ชีวิตมีแต่ความสุขตั้งแต่มาสร้างบารมีกับหมู่คณะ
#11
โพสต์เมื่อ 10 July 2008 - 08:58 PM
มาช้า..ยังดีกว่า ไม่มา..อ๊ะ..
ไม่มา..ยังดีกว่า ไม่ศรัทธา
ไม่ศรัทธา ยังดีกว่า ไม่เป็นสัมมาฯ (ทิฐฐิ)
ไม่เป็นสัมมาฯ (ทิฐฐิ) ยังจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกหนอ?
ลองคิดดู..
ไม่มา..ยังดีกว่า ไม่ศรัทธา
ไม่ศรัทธา ยังดีกว่า ไม่เป็นสัมมาฯ (ทิฐฐิ)
ไม่เป็นสัมมาฯ (ทิฐฐิ) ยังจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกหนอ?
ลองคิดดู..
#12
โพสต์เมื่อ 11 July 2008 - 12:57 AM
ไม่เป็นสัมมาฯ (ทิฐฐิ)นี้ หนูก็ว่าแย่แล้วอ่ะค่ะ
ว่าแต่...ถ้าเราเจอคนที่ไม่เป็นสัมมาทิฐฐิ(มากๆ)
เราจะช่วยยังงัยให้เค้าคลายออกจากมิจฉาทิฐฐิได้คะ
หรือต้องขึ้นอยู่กับตัวเค้าเอง
แบบว่าถ้าเจอคนหัวรั้น.... มีความคิดเป็นของตัวเอง เชื่อมั่นตัวเอง
แต่ความเชื่อนั้น ยังเชื่อในทางที่ผิดอยู่
ที่สำคัญไม่รู้ตัวด้วยว่าตัวเองยังเข้าใจผิดอยู่
กรณีนี้ จะช่วยเค้ายังงัยดีค่ะ
หรือว่าขึ้นอยู่กับตัวของเค้าเอง (แล้วแต่เวรแต่กรรมเค้า)
ช่วยแนะนำวิธีที่ดีๆให้หนูหน่อยนะคะ
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ^/\^
ว่าแต่...ถ้าเราเจอคนที่ไม่เป็นสัมมาทิฐฐิ(มากๆ)
เราจะช่วยยังงัยให้เค้าคลายออกจากมิจฉาทิฐฐิได้คะ
หรือต้องขึ้นอยู่กับตัวเค้าเอง
แบบว่าถ้าเจอคนหัวรั้น.... มีความคิดเป็นของตัวเอง เชื่อมั่นตัวเอง
แต่ความเชื่อนั้น ยังเชื่อในทางที่ผิดอยู่
ที่สำคัญไม่รู้ตัวด้วยว่าตัวเองยังเข้าใจผิดอยู่
กรณีนี้ จะช่วยเค้ายังงัยดีค่ะ
หรือว่าขึ้นอยู่กับตัวของเค้าเอง (แล้วแต่เวรแต่กรรมเค้า)
ช่วยแนะนำวิธีที่ดีๆให้หนูหน่อยนะคะ
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ^/\^
"จะขอเป็นทหารหาญ"
ตามติดไปถึงสุด...สุดแห่งธรรม