พระสมณโคดมมีความปราถนาดำรงพระชนม์ชีพอยู่1กัป
#1
โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 03:44 PM
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าสมณโคดมมีความประสงค์จะดำรงพระชนชีพอยู่ถึง1กัป โดยบอกเป็นนัยแก่พระอานนท์พุทธอุปฐาก ว่า หากคัยเจริญอิทธิบาทสี่ประสงค์ให้มีชีวิตอยู่เป็นกัปก้ทำได้ แต่ขณะนั้นพระอานนท์ถูกมารดลจัยไม่ให้คิดอาราธนาพระสมณโคดมให้มีพระชนม์ชีพอยู่ต่อ พระพุทธองค์จึงต้องโดนพระยามารอาราธนาให้ปรินิพพาน โดยมีพระชนม์ชียเพียง 80 ปี
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมเกิดความคิดอย่างนึงว่า
หากเราจะเอาอทาหรณ์ บทเรียนครั้งนี้ไปใช้กับพระศรีอาริยเมตตรัยได้มั๊ย โดยที่เราจะไปอาราธนาพระศรีอารย์ให้มีพระชนม์ชีพอยู่โปรดสัตว์ต่อ อย่างเพิ่งด่วนปรินิพพาน จะมีความเป็นไปได้มั๊ย ถ้าเราทำบญทุกบุญแล้วอฐิษฐานทุกครั้งว่า ด้วยบุญนี้ขอให้ได้ไปอาราธนาพระศรีอารย์ให้มีพระชนม์ชีพอยู๋โปรดสัตว์จนกว่าโลกใบนี้จะไปแตกสลายจะเป็นไปได้มั๊ยครับ :o
ขอความกรุนาแสดงความคิดเห็นด้วยครับท่านผู้รู้
#2
โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 03:58 PM
- คนที่มาดลใจจะต้องมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากมายเหลือเกิน จึงดลใจพระโสดาบันได้
- ดังนั้นการที่จะไม่ถูกดลใจได้ ก็จะต้องฝึกตนในระดับที่เค้าดลใจไม่ได้
คำถามก็คือ ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงได้ให้นัยกับพระโสดาบัน ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้ว่า พระโสดาบัน ยังไม่หมดกิเลส พญามารยังสามารถบังคับบัญชาได้ ผมคิดว่า ข้อตกลงก็คือ ท่านให้นัยกับพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะถือว่าคนที่อาราธนา จะต้องเป็นผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ยังต้องการให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดอยู่ ไม่ใช่พระอรหันต์ที่บรรลุแล้ว ไม่ต้องการให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรด อีกต่อไป
สำหรับตัวผมคิดว่า ในสมัยพระศรีอาริยเมตรไตรย ก็น่าที่จะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันครับ หากท่านให้นัยกับปุถุชน พระโสดาบัน พระสกิทาคามี และพระอนาคามี
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#3
โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 03:58 PM
ตัวเองก็อยากเป็นไปได้เช่นนั้นค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 04:23 PM
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#5
โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 04:25 PM
แล้วทำไมเราไม่อธิษฐานให้ตัวเราเป็นหมอเอง หรือ ไปร่วมมือ กับคนที่เขาอยากเป็นหมอ เพื่อไปรักษาคนไข้ล่ะครับ
เช่นเดียวกัน การอธิษฐานให้ท่านเช่นนั้น ทำไมเราไม่อธิษฐานให้ตัวเราเอง ไปที่สุดแห่งธรรม (ช่วยสรรพสัตว์ได้หมด) หรือ ไปร่วมมือกับหมู่คณะที่เขาหวังจะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมอยู่แล้วล่ะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 04:46 PM
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#7 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 07:27 PM
#8 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 08 January 2006 - 01:08 PM
#9 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 08 January 2006 - 04:05 PM
ในครั้งพระครั้งพรอริยเมไตยนี้แหละ
จะรบกันแน่นอนเพราะท่านไม่ใช่พันธ์โปรด--ท่านพันธ์ปราบ
หลวงพ่อวัดปากน้ำเองท่านก็ใหช้ช่วงเวลาอีกใน200ปีวางแผนทำวิชชารบไม่ใช้หรือครับ
คงไม่ต้องให้เลยไปพุทธันดรไหนๆหรอกๆครับ
เขาจะล่อกันในศาสนาพระโคดมนี้แหละ
#10
โพสต์เมื่อ 08 January 2006 - 08:16 PM
ดังเพลงอาสาสมัครที่ว่า "ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา โลกไม่เคยมีเวลาว่างเว้นสงคราม พระกับมารปราบปรามกันอยู่ เรา(ไม่ใช่เขาที่ไหน แต่เราทุกคน) จึงต้องสู้ ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ... "
#11
โพสต์เมื่อ 08 January 2006 - 09:02 PM
1) พระปัญญาธิกะ ใช้เวลาสร้างบารมี 20 อสงไขยแสนมหากัป เช่น พระสมณโคดม
2) พระศรัทธาธิกะ ใช้เวลาสร้างบารมี 40 อสงไขยแสนมหากัป
3) พระวิริยาธิกะ ใช้เวลาสร้างบารมี 80 อสงไขยแสนมหากัป เช่น พระศรีอาริยเมตไตรย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 3 ประเภทนี้เมื่อบังเกิดขึ้นทีหนึ่งก็จะพาหมู่สัตว์ข้ามวัฏฏะสงสารไปได้จำนวนหนึ่งมากน้อยแตกต่างกันไป โดยทั้ง 3 ประเภทก็เป็นแบบปราบทั้งนั้นแหละครับ แต่แค่ปราบกิเลสในตัว ยังไม่ถึงต้นแหล่งของที่มาของกิเลส แล้วก็โปรดด้วย คือ สั่งสอนให้สัตว์โลกรู้จักวิธีปราบกิเลสในตัว
ส่วนปราบในความหมายของวงบุญพิเศษนี้ ก็เป็นปราบอีกแบบที่ไม่ใช่ปราบแบบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 3 ประเภทครับ ศึกษาได้จากหลักฐานเรื่องคำเทศน์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำครับ คือ "....ตลอดทั้ง 3 ภพ ทั่วแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ไม่มีใครรู้เรื่องปราบมารเลย"
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#12
โพสต์เมื่อ 09 January 2006 - 02:30 PM
#13
โพสต์เมื่อ 09 January 2006 - 05:04 PM
#14
โพสต์เมื่อ 09 January 2006 - 06:14 PM
คุนหัดฝันนิ จิงๆเรย
อยากคุยด้วยจัง
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#15
โพสต์เมื่อ 09 January 2006 - 10:56 PM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#16
โพสต์เมื่อ 10 January 2006 - 04:50 AM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#17
โพสต์เมื่อ 10 January 2006 - 10:30 AM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#18
โพสต์เมื่อ 10 January 2006 - 12:46 PM
#19
โพสต์เมื่อ 17 March 2007 - 01:40 PM