แก่นแท้ของที่สุดแห่งธรรมคืออะไรครับ และเราควรมุ่งไปสู่พุทธภูมิหรือสาวกภูมิครับ และอธิษฐานไม่ไปสะสมบุญที่ดุสิตบุรีได้ไหมครับ ให้นิพพานเป็นที่สุด
#1
โพสต์เมื่อ 17 October 2006 - 11:43 PM
เวลาผมไปถามใครเรื่องผลการฝึก ส่วนใหญ่จะต้องตอบว่า
"นั่งธรรมะเยอะก่อนแล้วกัน และค่อยคุยหรือค่อยตอบ"
ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ไม่ตอบๆ ไปเลย ในเมื่อเวลาออกข้อสอบ ก็ต้องมีเฉลยคำตอบไว้อยู่แล้ว ก็เฉลยๆ มาน่าจะเหมาะกว่านะครับ งั้นผมฝึกไป ถ้าผมไม่รู้เป้าหมายและคำตอบ ถ้าฝึกผิดวิชชาไปจะทำอย่างไรละครับ
#2
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 12:12 AM
http://www.dmc.tv/fo...amp;#entry56872
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#3
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 12:46 AM
รายละเอียดลึกๆ ผมไม่ทราบนะครับ แต่คิดว่าต้องดีแน่ๆ เพราะแปลตามตัวอักษร คือ มันถึงที่สุดแล้ว ไม่มียิ่งไปกว่านี้ แตสำหรับรายละเอียด คงต้องค่อยๆ ศึกษาจากโรงเรียนอนุบาลนะครับ
อันนี้ก็ตามอัธยาศัยนะครับ ถ้ากำลังใจกล้าแข็งและมีมหากรุณาก็ไปพุทธภูมิ หรือ ตามไปที่สุดแห่งธรรม แต่ถ้าอยากหลุดพ้นโดยเร็ว จะเป็นสาวกภูมิก็ไม่ว่ากันครับ
ก็ได้ครับ เพียงแต่ว่า ถ้าเราอธิษฐานให้ไปพระนิพพานเฉยๆ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ภพชาตินี้จะเป็นภพสุดท้าย ถ้ายังต้องเดินทางอีกหลายชาติ เราหาที่พักกลางทางที่เป็นถิ่นอันเลิศ อย่างชั้นดุสิตซึ่งเป็นแหล่งรวมของบรมโพธิสัตว์ ผู้มุ่งแสวงหาทางหลุดพ้นน่าจะดีกว่า
การไปอยู่ตามภพภูมือื่นซึ่งเหล่าเทวดาผู้เป็นสหายอาจจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหลุดพ้น ยังติดอยู่ในบ่วงแห่งภพ แล้วเราไปคลุกคลีด้วยเนื่องจากการอยู่ใกล้ อาจจะทำให้เราเป๋ตามเทวดาเหล่านั้น ทำให้เส้นทางในวัฎสงสารเดินแบบไม่มีทิศทาง แต่ถ้าอยู่ใกล้กับเหล่าบัณฑิตอย่างเช่นบรมโพธิสัตว์ที่ไปชุมนุมกันที่ชั้นดุสิตแล้ว การดำเนินชีวิตก็จะไม่เป๋ง่าย มีเข็มทิศในการเดินทางในวัฎสงสารแล้ว จริงไหมครับ
อันนี้ผมเห็นใจนะครับ เพราะจริงๆ แล้วการตอบแบบนี้มันเหมือนเกาไม่ถูกที่คัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบคำถามด้วย ถ้าคำถามเป็นลักษณะเรื่องอจินไตย การนั่งไปเห็นเองย่อมดีที่สุด แต่บางเรื่องนั้น ถ้ามีบันทึกในพระไตรปิฏกเป็นหลักฐานอยู่แล้ว ก็น่าที่จะตอบโดยอิงพระไตรปิฎกได้เลย และผู้ถามก็จะรู้สึกดีมากกว่าการตอบว่า "นั่งธรรมะเยอะก่อนแล้วกัน และค่อยคุยหรือค่อยตอบ"
แต่สำหรับธรรมะภาคปฎิบัติแล้ว การนั่งไปรู้เห็นเองดีที่สุดครับ ผมบอกได้เลยว่า การรับฟังประสบการณ์การปฎิบัติธรรมมากเกิน จะทำให้สมาธิก้าวหน้าช้า เพราะ จะไปติดที่ความรู้จำ และไปเอ๊ะ ไปอ๊ะ เวลาเกิดประสบการณ์ภายใน ซึ่งก็คือ วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) ทำให้ใจไม่หยุดรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้นดีที่สุด คือ รู้ธรรมะภาคปฎิบัติพอเป็นไกด์ไลน์ เป็นแผนผังคร่าวๆ พอให้เราไม่หลงทาง แต่ไม่ต้องรู้ในรายละเอียดปลีกย่อย แบบรู้หมดทุกขั้นตอน จะเป็นการดีที่สุดครับ เพื่อประโยชน์ของนักปฎิบัติธรรมเองด้วย
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#4
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 01:04 AM
เราต้องนั่งให้ได้ให้เห็นให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับพระ
ธรรมกายภายในก่อน แล้วเข้าไปศึกษาวิชชาธรรมกาย
ภายใน ปราบมารประหารกิเลส เป็นชั้น ๆ ในอนันตจักรวาล
มีหลายจักรวาล และเราจะต้องไม่ปราบมารเฉพาะจักรวาล
ของเราแต่จะปราบไปทุกๆ จักรวาล เข้าใจว่ายังงี้นะ ถ้าใคร
มีข้อคิดเห็นที่แตกต่าง ช่วยแสดงความคิดเห็น ด่วน!!!
#5
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 01:10 AM
บอกตรงๆ ไม่ได้ตอบกวนอารมณ์นะครับ
ผมก็ไม่ทราบ เพราะยังไปไม่ถึง
ซึ่งความหมายและสภาพที่แท้จริง ของ ทึ่สุดแห่งธรรมนั้น
ผู้ที่รู้จริง มีน้อยมากๆ
การตอบโดยใช้ภาษาศาสตร์ มันไม่พอเพียงที่ทำให้เข้าใจหรอกครับ
เอาง่ายๆว่า
ใจหยุด ถูกส่วน เข้าถึงดวงปฐมมรรค ภายใน เป็นอย่างไร มีความสุขมากแค่ไหน
คนที่เข้ายังไม่ถึง ฟังคำอธิบายมากมาย ก็ไม่เข้าใจสภาพสภาวธรรมนั้นหรอกครับ
หรืออย่าง นิพพาน เป็นอย่างไร
คนไม่เข้าถึง มาอธิบาย มาถกเถียงกันพันปี ก็ฟุ้งซ่านเปล่าๆ
เพราะเป็นสภาวะ ที่แต่ละคนต้องเข้าถึงเอง
จึงเรียกกันว่า
ปัจจัต ตัง เวทิ ตัพโพ วิญญู หิ
ณ วันนี้ คำตอบสั้นๆ ที่พอบอกได้ ด้วยตรรกะที่พอเข้าใจได้บ้าง คือ
ที่สุดแห่งธรรม คือ นิพพานที่ยิ่งด้วยนิพพาน
ก็แล้วแต่คุณ สิครับ ว่า จะเลือกแบบไหน
แนะนำให้อ่านหนังสือ
- พระปฐมสมโพธิกถา หรือพุทธประวัติ ฉบับพระนิพนธ์ใน สมเด็จกรมวรญาณชิโนรส ( ขออภัยถ้าจำชื่อผิด )
- ศาสตร์ว่า ด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า ของ พระพรหมโมลี ( วิลาศ ป.ธ ๙ วัดยานนาวา )
- ความยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของพระภาวนาวิริยะคุณ ( หลวงพ่อ ทตฺตชีโว )
- พระสูตรเกี่ยวกับบุพพกรรมของ เอตัคทัคคะ พระอรหันตสาวก 80 รูปที่มีความพิเศษ
แล้วจะเห็นภาพรวม ความยาก ความง่าย ในเส้นทางการสร้างบารมี ที่ชัดเจนขึ้น
แล้วก็เลือกเอาเองเถิดครับ
คุณ คือ life designer ของคุณเองครับ
ได้สิครับ อยู่ที่คุณเอง ไม่มีใครบังคับคุณหรอกครับ
พูดตรงๆ นะครับว่า
ไม่ใช่ว่า อยากไป แล้วจะได้ไปนะครับ
ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
เช่น ถ้าคุณอยากซื้อ super car ราคา 20 ล้านบาท
แต่มีทรัพย์ 5 ล้านบาท
ก็คงได้รถอย่างอื่นแทน
ในทางกลับกัน คุณมี 200 ล้านบาท
คุณจะเลือกรถยนต์ราคา 20 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาทก็ได้
ที่ยกตัวเลข เพื่อให้เข้าใจง่ายนะครับ
ไม่ได้หมายความว่า สวรรค์แต่ละชั้น ซื้อหาด้วย ทรัพย์ของมนุษย์จำนวนเท่านั้นเท่านี้ นะครับ
ผมตอบคุณมาเยอะแล้ว ผมขอถามคุณบ้างว่า
ถามจริงๆเถอะ คุณ ปฏิบัติธรรม เป็นอย่างไรบ้าง
1 ) ใจหยุดเป็น หรือยัง ?
2 ) เข้าถึงปฐมฌาน เข้าถึงดวงปฐมมรรค หรือ ยัง ?
ถ้า 2 ข้อนี้ คุณยังไม่ผ่าน ก็ไปทำให้ได้ ให้เป็นก่อนเถิดครับ
ที่พูดนี้ ไม่ได้ประชดคุณ นะครับ
แต่เป็นความจริง ที่ต้องพูด
พระเดชพรคุณหลวงปู่ฯ เคยกล่าวไว้
หยุด ให้มันได้เสียก่อน
เรื่องอื่นอย่าเพิ่งไปพูดนัก ให้ใหญ่โต มโหฬาร
ผมไม่ทราบว่า คุณเข้าใจโอวาทนี้ไหม
คุณเข้าใจแค่ไหน ลองเล่าให้ฟังบ้างสิครับ
"นั่งธรรมะเยอะก่อนแล้วกัน และค่อยคุยหรือค่อยตอบ"
มันอยู่ที่คนตอบและตัวเราเองนะครับ
เช่น
- คนตอบ ก็ยังนั่งไม่เข้าถึงสภาวธรรม อันประณีตภายใน
ถ้าตอบ ก็เป็นความรู้จำ ไม่ใช้รู้จริง คุณอย่าถือสาเลยครับ
- หรือ คุณถามลึกเกินกว่าความรู้คนตอบ
- คนตอบหน่ะ รู้แจ้ง เห็นจริง แต่ไม่คุ้นเคยกับคุณ
เรื่องแบบนี้ ส่วนมาก มักเพียงแนะนำวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง เช่น
ปรับกายอย่างไร วางใจตรงไหน อย่างไร
ต้องดูแลสุขภาพอย่างไร รักษาใจทั้งวันอย่างไร
แบบนี้พอบอกได้ทั่วไปครับ
ถ้าคุณเองก็ยังมืดตื้อมืดมิด เหมือนเรียนอยู่เตรียมอนุบาล
แต่ตั้งคำถาม ในระดับปริญญา เรื่อง อะตอม เรื่อง คว้าก เรื่องทฤษฎียากๆ
แม้คนตอบจะเป็น professor ก็คงตอบอย่างที่คุณทราบนั่นแหละครับ
หรือ สมมุติว่า คุณถามผม ซึ่งผมรู้จริง
แต่เรารู้จักแค่บนกระดานสนทนา ไม่ได้รู้จักคุ้นเคย อะไรกันมาก
ผมก็ไม่ตอบเจาะรายละเอียดหรอกครับ
รวมถึงการถามเรื่องที่เป็นอจินไตย บนกระดานสนทนา
ไม่มีคนรู้จริงท่านใด ยอมตอบแบบละเอียด หรอกครับ
ส่วนผมยังไม่รู้จริง จึงตอบคุณมากหน่อย 555 ++
เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจคนตอบด้วย นะครับ
ยินดีที่ได้สนทนาธรรม ในกาลดึกๆแบบนี้นะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 01:20 AM
....
ปราบมารประหารกิเลส เป็นชั้น ๆ ในอนันตจักรวาล
มีหลายจักรวาล และเราจะต้องไม่ปราบมารเฉพาะจักรวาล
ของเราแต่จะปราบไปทุกๆ จักรวาล เข้าใจว่ายังงี้นะ ถ้าใคร
มีข้อคิดเห็นที่แตกต่าง ช่วยแสดงความคิดเห็น ด่วน
น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนะครับ
เพราะมาร ไม่ได้มีกายหยาบ อยู่ในจักรวาลต่างๆ เหมือน alien นะครับ
ขอข้ามเรื่อง มาร ไปก่อน เรื่องแบบนี้ไม่เหมาะกับผมที่จะนำมาพูดบนกระดานสนทนา
แต่คำว่า
คงหมายถึง
ความปรารถนาที่จะรื้อขนสรรสัตว์ ทุกๆจักรวาล มากกว่านะครับ
ไฟล์แนบ
#7
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 01:40 AM
ขออภัยคุณ ลีดเดอร์ด้วยครับ
ไม่ได้เจตนาตำหนิ ความเห็นของคุณนะครับ
เพราะความเห็นผมเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะถูก เพียงแค่ทัศนะเท่านั้น
ต้องรอท่านอื่นมาตอบแล้วครับ
ขออนุโมทนาบุญ ที่คุณลีดเดอร์สั่งสมไว้ดีแล้ว ครับ สาธุ
#8
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 02:17 AM
ครับท้ายสุดคือไปอายตนนิพพาน
ครับหากชาตินี้บารมีถึง เข้าถึง สำเร็จอรหันต์ ก็ไปได้ครับ
หากต้องเดินทางอีกหลายชาติ มีที่เดียวที่เมื่อต้องการลงมาสร้างบารมีได้ก่อนหมดบุญหรือบาปกรรม คือดุสิตบุรี
ส่วนที่อื่นทั้งนรกหรือสวรรค์ ต้องเสียเวลามาก หรืออาจหลงติดได้ง่าย
"นั่งธรรมะเยอะก่อนแล้วกัน และค่อยคุยหรือค่อยตอบ"
เหตุที่ไม่ตอบอาจเพราะหวังดีกับผู้ถามเองนะครับ
เพราะคำถามบางครั้งก็สามารถรู้ภูมิธรรมของผู้ถามได้
บางครั้งตอบทุกคำถามที่ผู้ที่มีภูมิธรรมไม่ถึงอาจทำลายผู้ถามเองครับ
แม้แต่พระสงฆ์เอง ยังต้องมีพระวิปัสสนาจารย์ค่อยชี้แนะอย่างใกล้ชิดครับ
ธรรมะนั้นไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยการถามหรือการอ่านอย่างเดียว
ต้องปฏิบัติอย่างถูกต้องถึงเข้าถึงได้และเป็นการรู้ได้เฉพาะตนเมื่อสำเร็จครับ
ขออนุญาติถาม จขกท. นิดนะครับ
สมถะ และวิปัสสนา ตามแนวทางหลวงพ่อวัดปากน้ำ ( สด จันทรสโร ) ท่านทำอย่างไร และเริ่มต้นทำกันเมื่อไหร่ครับ?
เอาอย่างนี้ไหมครับ มีผู้รู้อย่ท่านหนึ่งถ้าท่านทำตามไม่มีทางผิดแน่ 1000%
ชื่อของท่านคือ
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทรสโร)
หลวงพ่อวัดปากน้ำ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ท่านได้แสดงธรรมเทศนาไว้
ซึ่งได้เรียบเรียงโดย น.ส.ฉลวย สมบัติสุข
ดังตัวอย่างต่อไปนี้ เช่น
[color=#000099]# วิธีทำให้เห็นธรรมกาย
# วิธีเข้าถึงธรรมกาย
# วิธีเข้าฌามสมาบัติเบื้องต้น
# วิธีระลึกชาติ
# วิธีเข้านิพพานเป็น นิพพานตาย
เป็นต้น
พร้อมกับแนบตำราที่เรียบเรียงไว้แล้วนี้แนบมาให้อ่านดูครับ
เมื่อ่านแล้วเชื่อว่าคงมีคำถามตามมาอีกมากมายเป็นแน่ครับ
และคำถามเหล่านั้น บางครั้งเราทุกคนก็ต้องตอบเองครับ
เพราะคำตอบต้องเกิดได้แก่การไปเห็นเองนะครับ
วิธีปฏิบัติหลวงปู่ท่าน (สด จันทรสโร) ได้บอกไว้แล้วครับ
ไฟล์แนบ
#9
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 03:31 AM
ที่ถูกต้อง คือ "สด จนฺทสโร" นะครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#10
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 09:03 AM
เพราะว่า คำตอบนั้นไม่สามารถจะอ้างอิงจากพระไตรปิฏกได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของการปฏิบัติล้วน ๆ
ผู้ที่จะตอบได้ ต้องมีภูมิธรรมทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ ปฏิเวธ
หรือถ้าตอบไปแล้ว ท่านคิดว่าจะน่าเชื่อถือแค่ไหน ? เพราะผู้ที่มาตอบนั้นท่านไม่รุ้ว่าเป็นใคร
และคำตอบที่ได้ถูกต้องหรือไม่
#11
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 12:02 PM
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ อยากจะบอกว่า ถ้าเราแสวงหานะ คำตอบหาได้ไม่ยากเลย จากผู้รู้ เน้นว่าต้องจากผู้รู้จริงๆถึงจะประทับอยู่ในใจจริงๆ เพราะเรื่องระดับนี้ ใจของเราจะต้องละเอียดพอ คือใจจะต้องเปิดเพื่อรับฟังจริงๆ ถ้าใจของเรายังไม่เปิด เมื่อตอบไปแล้วใจก็จะเกิดอคติ และโต้แย้ง ซึ่งไม่ดีเป็นผลเสียอย่างมาก
#12
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 12:34 PM
คำตอบ ปรารถนาให้ทุกๆ ชีวิตพ้นทุกข์น่ะครับ คุณครูไม่ใหญ่เคยอุปมา เหมือนไปกำจัดแหล่งกำเนิดกระแสไฟฟ้า(ในที่นี้เปรียบกระแสไฟฟ้า เป็น กระแสกิเลส)
เราควรมุ่งไปสู่พุทธภูมิ หรือ สาวกภูมิ
คำตอบ ถ้าเราอยากจะพ้นทุกข์โดยเร็วพลัน เราก็ควรมุ่งสู่สาวกภูมิครับ
ถ้าเราอยากจะพ้นทุกข์ช้ามาหน่อย แต่มีความสามารถ ความเป็นเลิศด้านต่างๆ ด้วย เช่น มีฤทธิ์ มีปัญญา แสดงธรรมเก่ง เราก็ควรมุ่งสาวกภูมิ ที่เป็นเลิศด้านต่างๆ ด้วย เช่น พระสารีบุตรกับบริวาร ชาติในอดีตฟังธรรมจากพระกัสสัปปสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ปรากฏว่า บริวารของท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์หมดเลย (พ้นทุกข์โดยเร็ว) แต่พระสารีบุตรไม่บรรลุเพราะปรารถนาจะเป็นอัครสาวกเบื้องขวา ของพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า จึงสั่งสมบุญแล้วอธิษฐาน จนได้มาเป็นพระสารีบุตรในชาตินี้ (บรรลุช้ากว่า 1 พุทธันดร แต่เลิศด้านปัญญา)
ถ้าเราอยากจะพ้นทุกข์ช้ามาอีก แต่ขอพ้นด้วยตัวเอง รู้เอง เห็นเอง ไม่ต้องให้ใครสอน เราก็ควรมุ่งปัจเจกพุทธภูมิครับ คือ ขอเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า องค์หนึ่งในอนาคต
ถ้าเราอยากจะพ้นทุกข์ช้ากว่านั้นอีก แต่ต้องการชักชวนผู้คนให้พ้นทุกข์ไปด้วยกัน ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เราก็ต้องมุ่งเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รื้อขนคนไปนิพพาน หรือ ไปที่สุดแห่งธรรม(คือให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ทั้งหมด)
ทั้งหมดนี้ จะเลือกแบบไหน ก็แล้วแต่เราครับ แล้วแต่อัธยาศัยของเรา แต่มีข้อสังเกตนิดนึงว่า การเลือกอยากบรรลุโดยเร็วนั้น ไม่ได้หมายความว่า แค่อยากบรรลุเร็วแล้วจะบรรลุนะครับ มันต้องรู้วิธีการที่จะให้ได้บรรลุเร็วด้วย ถ้าไม่รู้วิธีการ หรือ รู้วิธีการที่ผิด แม้อยากบรรลุเร็ว แต่กลายเป็นบรรลุช้าไป ก็มีอยู่มากมายครับ
คำถามอื่นๆ ว่า อธิษฐานให้บรรลุเร็วได้ไหม ได้ครับ เคยมีเคสมาแล้ว คุณครูก็บอกว่า เจ้าของเคสก็ทำได้ ให้สั่งสมบุญ แล้วหมั่นอธิษฐาน เมื่อบารมีถึงขั้นก็จะสมปรารถนาครับ
เพราะในบุญนิธิสูตร (ขุมทรัพย์คือบุญ) กล่าวโดยสรุปว่า บุญคือ ขุมทรัพย์ที่จะบันดาลให้เราสมปรารถนาในทุกสิ่ง ทั้งมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติครับ
#13
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 07:57 PM
#14
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 08:14 PM
ถูกต้องครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#15
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 10:55 PM
ที่สุดแห่งธรรม เป็นปณิธาน
เมื่อครั้งพระบรมโพธิสัตว์ปรารถนาพุทธภูมิเป็นชาติแรก พระองค์ลอยคออยู่กลางทะเล ไม่มีใครมาบอกมาสอนว่าอะไรคือพุทธภูมิ อะไรคือสาวกภูมิ ไม่มีคำตอบอะไรที่แน่ชัดที่สามารถบอกได้ว่าพระองค์ควรทำอะไร แต่เพราะดวงปัญญาอันสว่างไสวของพระองค์จึงทำให้เห็นความทุกข์ของการเวียนว่ายตายเกิดและคิดจะพ้นออกไป ทั้งยังคิดจะนำผู้อื่นให้พ้นออกไปด้วย แม้ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง และมันจะเป็นจริงได้ไหม จะต้องใช้เวลานานเท่าไร แต่พระองค์ก็ไม่หวั่นไหวกับการตั้งปณิธานนั้น และมุ่งมั่นทำปณิธานนั้นให้สำเร็จ
และเพราะปณิธานนั้นเอง ที่ทำให้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หากไม่มีปณิธานในครั้งนั้นแล้ว ก็จะไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น การสร้างบารมีและกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์หาไม่ได้ในตำรา แต่ตำรานั้นเกิดจากผลสำเร็จของการสร้างบารมีอย่างยิ่งยวด ตำราเกิดจากพระองค์ ไม่ใช่พระองค์เกิดจากตำรา ฉะนั้น คำตอบของทุกคำถาม ไม่ใช่ว่าเราจะต้องรู้ก่อนเสมอไป อยู่ที่ว่าเราคิดจะทำอะไร และลงมือทำแล้วหรือยังต่างหาก คำตอบจึงจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในที่สุด ลำพังการศึกษาเรื่องราวของผู้อื่นไม่ทำให้เรารู้อะไรได้กระจ่างครับ ต้องลงมือทำให้ได้อย่างเขา จึงจะกระจ่าง ดังเช่น วิสัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สามารถรู้ได้อย่างถูกต้อง
#16
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 10:24 AM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#17
โพสต์เมื่อ 20 October 2006 - 09:26 AM
#18
โพสต์เมื่อ 18 December 2007 - 06:53 AM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์