ลดหย่อนภาษี
#1
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 04:25 PM
โดย แม่ชีทศพร บุญเทวาพิทักษ์ธรรม
#2
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 06:25 PM
เดี๋ยวขอตั้งสติก่อน
ว่าแต่ว่า เจ้าของกระทู้ต้องการอะไรหรือครับ ถึงได้มาโพสต์ข้อความลอยๆเอาไว้อย่างนี้ บอกจุดประสงค์มาว่าอะไร ไม่อย่างนั้นคนที่เข้ามาอ่านจากหลายความคิด หลายความเข้าใจ หลายอารมณ์ อาจจะพาให้เข้าใจไปในทางไม่ดีได้
ขอไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นกับคุณแม่ก่อน ระหว่างนี้ท่านใดช่วยเข้ามาเครียร์ไปก่อนก็ได้ครับ เรื่องอนุโมทนาบัตรกับการหักภาษีเราเคยคุยกันไว้เยอะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 07:43 PM
ดังข้อความนั้นครับ
เพราะเคยได้อ่านกระทู้เก่าๆ ที่ผ่านๆมา
และก็เป็นความรู้ใหม่ จากครูบาอาจารย์ ที่พึ่งได้รับมาเมื่อวานนี้
มิได้มีเจตนาอย่างอื่น
#4
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 09:02 PM
ส่วนตัวผู้เขียน ทำทุกบุญทั้งลดหย่อนได้และไม่ได้ ลดหย่อนได้ก็ยื่นภาษีและนำมาถวายเพิ่มอีกเมื่อได้ภาษีคืน
#5
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 09:16 PM
#6
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 09:29 PM
หากคนทั้งประเทศทำบุญกันหมด แล้วไปยื่นลดหย่อนภาษี ต่อไปก็ไม่มีถนน ไปวัดค่ะ เพราะไม่มีเงินไปสร้าง
อย่างไรก็ไม่ขอติดหนี้แผ่นดินค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 10:40 PM
ผมเห็นว่า ไม่ควรจะขัดแย้งความคิดกันในเรื่องการให้ว่า ถ้าให้แบบเงื่อนไขนี้ ก็ห้ามให้แบบเงื่อนไขโน้น ซึ่งมักจะเป็นกันในหมู่นักบุญเสียด้วย เช่น บางท่านก็ว่า ฉันชอบทำบุญแบบปล่อยปลาเป็นหลัก อย่างอื่นฉันไม่สน เธอมาทำอย่างฉันดีกว่า อีกฝ่ายก็ว่า ฉันชอบทำบุญแบบเลี้ยงพระเป็นหลัก อย่างอื่นไม่สน เธอมาทำอย่างฉันดีกว่า อีกท่านก็ว่า ฉันชอบทำบุญแบบสร้างโบสถ์เป็นหลัก เธอมาทำอย่างฉันดีกว่า
ขัดแย้งกันหนักเข้า ก็จะกลายเป็นว่า ถ้าคนทั้งโลกทำบุญแต่ "ปล่อยปลา" อย่างเดียว แล้วใครจะเลี้ยงพระ หรือ ถ้าคนทั้งโลก เอาแต่เลี้ยงพระอย่างเดียวแล้วใครจะสร้างโบสถ์ หรือ ถ้าคนทั้งโลกเอาแต่สร้างโบสถ์อย่างเดียว แล้วใครจะเลี้ยงพระ มีที่ไม่มีอาหารจะอยู่ได้หรือ เป็นต้น
ผมว่า มันเป็นไปไม่ได้หรือหรอกครับ ที่จะทำบุญแนวทางเดียวกันทั้งโลก ยังไงก็มีหลากหลายอยู่แล้ว เรื่องหักไม่หักภาษีนี่ก็เช่นกัน
#8
โพสต์เมื่อ 02 October 2010 - 10:54 PM
ถามว่าเอามาลดหย่อนภาษีได้ก็จริงอยู่ แต่ใครที่คิดแต่จะทำบุญเพื่อลดหย่อนภาษี โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องบุญและสาธารณะประโยชน์ ขอบอกว่า บวก ลบ คูณ หาร แล้ว ไม่คุ้มครับ เพราะลดได้นิดเดียวเอง แค่ลดหย่อนครับ ไม่ได้งดเว้น
ส่วนมากพวกบริษัทใหญ่ๆระดับหลายสิบล้านทำกันถึงจะคุ้ม แต่เขาก็ต้องเสียเงินบริจาคมากกว่าภาษีอีกครับ เพียงแต่ว่าไม่ต้องไปเสียภาษีมากมายอีก เป็นการกระตุ้นให้ผู้มีรายได้สูงเสียสละและบริจาคเพื่อศาสนาและสังคมบ้างเท่านั้นเองครับ
เราจึงเห็นองค์กรณ์ธุรกิจขนาดใหญ่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากมายและประชาสัมพันธ์โฆษณาทางโทรทัศน์ เช่นพวก ปตธ. พวกบริษัทน้ำมัน พวกบริษัทขายตรงทั้งหลายไงครับ
นอกจากองค์กรณ์ของพวกเขาจะไม่ต้องเสียภาษีมากกว่าปกติแล้ว ยังได้บุญด้วย และทำให้สิ่งแว้ดล้อมและประชาชนมีความรู้สึกดีๆกับองค์กรณ์ทั้งหลาย เป็นการคืนกำไรให้สังคมครับ
องค์กรณ์ของพวกเขาเสียเงินทำบุญมากกว่าเสียภาษีอีกครับ แต่เสียภาษีน้อยลงกว่าเดิม สังคมก็รัก ก็เลยให้การสนับสนุนกัน ก็เจริญรุ่งเรืองทั้งองค์กรณ์และสังคม
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#9
โพสต์เมื่อ 03 October 2010 - 09:10 PM
อย่างไรก็ไม่ขอติดหนี้แผ่นดินค่ะ
เอาเข้าไป เตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนกันแล้ว กลับมากันก่อนครับ มาลองพิจารณาสิ่งที่ผมจะขอเรียนให้ทราบนี่กันสักนิดนึง
การ "ลดหย่อน" ภาษีจากใบอนุโมทนาบัตรของการทำบุญในวัดต่างๆ นั้น เป็นเจตนาโดยตรงที่จะส่งเสริมคนดีนะครับ
ทำไมผมถึงบอกว่าส่งเสริมคนดี คนดีของผมในที่นี้หมายถึงท่านที่ทำบุญจริงๆนะครับ ไม่ใช่ท่านที่ทำบุญเพื่อเอาหน้าหรือมีเจตนาต้องการเอาใบอนุโมทนาบัตรไปเพื่อการลดหย่อนภาษีโดยตรง
เงินภาษีที่ได้นั้น ที่เรารู้ๆกันก็คือ ใช้ในการทำนุบำรุงประเทศชาติบ้านเมือง มีเหลือก็พัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป เพื่อความสะดวกสบายของทุกคนในประเทศ ส่วนหนึ่งในนั้น คือ การที่นำมา "ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา" ให้คงอยู่และเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป
ในเมื่อส่วนนึงของภาษีต้องใช้เพื่อการพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ทางรัฐบาลก็เลยให้สิทธิพิเศษสำหรับคนที่บริจาคเงินเพื่อการพระพุทธศาสนาอยู่แล้วด้วยการให้สิทธิลดหย่อนในส่วนนี้ลงจากการเสียภาษีทั้งหมด
เพราะเราเสียภาษีเพื่อการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมาเสียซ้ำซ้อนอีก
และการขอลดหย่อนภาษีจากใบอนุโมทนาบัตรก็ใช้ลดหย่อนได้แค่ ร้อยละ ๑๐ ของยอดเงินบริจาคทั้งหมด ทำบุญหนึ่งร้อยบาท นำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เพียงสิบบาทเท่านั้นครับ ไม่ใช่เอามาลดได้หนึ่งร้อยบาทเต็มครับ
ปีที่แล้ว ผมต้องเสียภาษีสองหมื่นกว่าบาท ลดหย่อนจากใบอนุโมทนาบัตรที่ลดหย่อนภาษีได้ รวมรายการใบเสร็จอื่นๆที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามกฏหมาย(เบี้ยประกัน หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เงินสงเคราะห์บิดามารดาผู้ไม่มีรายได้ ฯลฯ) ลดไปยังไม่ถึงหมื่นบาทเลยครับ
ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวไม่ได้อย่างแน่นอนว่า การลดหย่อนภาษีจะทำให้เป็นหนี้แผ่นดิน เพราะเราจ่ายล่วงหน้าไปแล้วต่างหาก เมื่อหลายๆวัดได้รับเงินบริจาคทำบุญอยู่แล้ว รัฐบาลก็ไม่จำเป็นจะต้องมาเสียงบประมาณในส่วนนี้อีก ก็สามารถโอนงบประมาณไปพัฒนาส่วนอื่นได้ต่อไป
คนไหนที่ไม่อยากเสียภาษีเยอะ ก็ต้องทำบุญมากๆ บริจาคมากๆ พระพุทธศาสนาได้ประโยชน์ สาธารณะได้ประโยชน์
อยากทำบุญมากๆ บริจาคมากๆ ก็ต้องขยันและอดออม เพื่อให้มีรายได้เยอะๆ ตัวเองได้ประโยชน์
มีรายได้เยอะ ก็ต้องเสียภาษีเยอะ ประเทศชาติได้ประโยชน์
ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆมองเห็นความเสียหายตรงไหนกันหรือครับ
มองอะไรให้มองตามความเป็นจริงครับ ไม่อย่างนั้นก็ออกอ่าวออกทะเลกันไป ไม่รู้เรื่องกันพอดี
อ้อ...ส่วนของคุณแม่ชีท่านนี้ ผมจะยังไม่กล่าวถึงนะครับ เพราะผมไม่ทราบว่า ข้อความก่อนหน้านั้นคืออะไร ท่านกำลังกล่าวกับใคร อาจจะกล่าวกับท่านที่เคยพยายามจะหาทางโกงภาษีอยู่ก็ได้
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น คนที่ต้องการหาทางเลี่ยงการจ่ายภาษีด้วยการทำทุกวิธีทางให้ได้รับการลดหย่อน แม้ถึงกับต้องอ้างการทำบุญเพื่อให้ได้ลดหย่อนเลย ก็จะประสบวิบากกรรมอย่างที่ท่านแม่ชีกล่าวไว้แน่นอน ท่านแม่ชีท่านกล่าวไว้เบาไปเสียด้วยซ้ำครับ ฟังท่านเอาไว้บ้างนะครับ ฟังแล้วไตร่ตรองให้ดี มีประโยชน์กับตัวเราแน่นอนครับ
#10
โพสต์เมื่อ 03 October 2010 - 09:49 PM
เพราะมี case มาที่วัดพิชัยญาติ
ลำบากเรื่องการเงินมา
เมื่อแม่ชีใช้ญาณทัศนะส่องแล้วก็แล้วก็พูดตามที่เห็น
ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่
ผมเพียงอยากจะให้อ่านเป็นปกิณกธรรม เป็นองค์ความรู้เสริม
ที่ไม่มีใครคิดถึง แม้กฎหมายอนุญาต จนส่งผลเป็นวิบากหนักในชีวิต
ยังไงถ้าไม่หนักหนาอะไรมากก็ อย่างพี่หัดฝันก็ได้ครับ อย่าไปลดหย่อนภาษีเลย
#11
โพสต์เมื่อ 03 October 2010 - 09:55 PM
จนมีบทความลงในเว็บ http://www.thossaporn.com/
ลองไปอ่านได้ที่
http://www.thossapor....php?id_edit=30
#12
โพสต์เมื่อ 03 October 2010 - 10:09 PM
#13
โพสต์เมื่อ 03 October 2010 - 11:17 PM
..แต่การที่เราไปวัด ไปทำบุญ ก็เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน แล้วร้านค้าเล่าก็ไม่ได้จ่ายภาษีเพิ่มให้เสมอไป (ขำๆ) ดังนั้น ขอตัดมาที่ว่า ถ้าทำบุญก็ไม่ต้องคิดยิบคิดย่อยให้ใจขุ่น และมุ่งตรงที่พระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด จะวัดไหน ที่ไหน ถ้าใจผูกกับพระรัตนตรัย หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แม้เงินนั้นจะสูญหายไประหว่างทาง แต่บุญก็ยังเกิดขึ้นมากมายทีเดียว เพราะใจบริสุทธิ์
#14
โพสต์เมื่อ 04 October 2010 - 05:49 PM
ผมก็ทำแบบนี้แหละ
เอาใบโมฯ เอาไปลดหย่อนภาษี นะครับ มิใช่หนีภาษี..
โดยสรุปแล้ว ถ้าใครคิดจะทำบุญโดยหวังผล จะให้เสียภาษีน้อยลง
มันไม่คุ้มหรอก ในแง่ของตัวเงิน...
อีกอย่าง หลายๆ คน ทำบุญมากกว่า limit ที่รัฐตั้งไว้ซะอีก
ถ้าทำเกินจากนั้น ก็เอามาลดหย่อนไม่ได้
#15
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 10:28 AM
ทางธรรม เราทำบุญขาดจากใจเราไปแล้ว ได้บุญเต็มๆ
ทางโลก รัฐบาลเป็นคนกำหนดภาษี เป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์ในการลดหย่อน
ไม่ได้มีการเบีนดเบียนใดๆเกิดขึ้น แล้วมันจะเป็นวิบากกรรมได้อย่างไร
มันก็ยัง งงๆ มันก็ยัง งงๆ กั๊นอยู่.......
#16
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 12:51 PM
แล้วก็เอาปัจจัยที่ได้มาทำบุญต่อและทำเพิ่มไปอีกเป็น 10,000.- บาท
นึกไม่ออกเลยค่ะ ว่ามันบาปตรงไหน นึกออกแต่บุญค่ะ ก็ Kay:) ไม่ได้หนีภาษีสักหน่อย
แถมรัฐฯ ยังหักภาษีของ Kay:) ไปตั้งเกือบ 60,000.-บาท
เขาเอาไปใช้เลือกตั้งทีเดียวมากกว่าเอาไปสร้างถนนตั้งเยอ....อิอิ...