เหนื่อยท้อแท้ค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 11:03 AM
#2
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 11:27 AM
อยากให้คิดบวก ยิ้มๆเข้าไว้ครับ...ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะคิดว่า เขาคิดกับเราอย่างไร...
ทำวันนี้ให้ดี และเร่งปรับปรุงสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ(ถ้ามี) สุดท้ายถ้าไม่ดีขึ้นก็คิดเสียว่า อาจจะเป็นกรรมเก่า เราจะได้สบายใจ และเร่งทำบุญสร้างกุศลต่อไป หมั่นอธิฐานจิต ให้บุญช่วย... แผ่เมตตาทุกๆวัน
เราโชคดี ที่รอดมาอีกหนึ่งวัน ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงมีความสุข....
#3
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 11:27 AM
คุณฐิตินารท ณ พัทลุง ช็อคกับข่าวสามีเสียชีวิต พร้อมกับทิ้งหนี้้ไว้ให้ 100 ล้าน เธออยากฆ่าตัวตาย แต่ก็ห่วงลูกที่ยังเล็ก ขณะที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป มีคนแนะนำให้เธอไปปฏิบัติธรรม 7 วัน....
หลังจากเธอกลับมาพร้อมกำลังใจ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง เคลียรหนี้ 100 ล้านหมด และมีเงินเหลือเก็บเป็นทุนการศึกษาให้ลูก ใช้ชีวิตบั้นปลายกับการตระเวณไปสอนธรรมะให้กับผู้สนใจ
#4
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 12:53 PM
#5
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 01:13 PM
- เมื่อทราบก็แก้ไข เริ่มต้นที่ทานคือการให้... เพราะผู้ให้ย่อมเป็นที่รักจริงไม๊
ยิ้มกันรึยังจ๊ะ
#6
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 01:52 PM
ตอนที่ตัวเองเจอ ก็ทำอย่างที่พระเดชพระคุณ พลวงปู่ หลวงพ่อและคุณยายท่านสอนน่ะค่ะคือ
1. นิ่งๆ และพยายามตรึกนึกถึงบุญที่ทำให้มาช่วยคลี่คลายสถานการณ์
2. แผ่เมตตาให้เขาเหล่านั้น ไม่โกรธตอบ ด้วยหลักที่ว่า ถ้าเราไม่เคยมีวิบาก เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้ ที่เขาทำเราได้ ก็เพราะเราเคยทำคนอื่นไว้ ดังนั้นต้องเอาบุญช่วย ทั้งบุญจากการแผ่เมตตา และบุญอื่นๆ
3. ไม่โต้ตอบและไม่โกรธตอบ เพื่อไม่ให้เกิดวิบากกรรมใหม่ ตามที่คุณยายท่านเคยพูดว่า ยายไม่รู้สึกไม่ชอบใคร ไม่โกรธใครเลย เพราะยายกลัวว่าชาติหน้าเขาจะไม่ชอบยาย หรือมาโกรธยาย
4. พยายามหาสาเหตุแห่งการไม่ขอบ แล้วชี้แจงพร้อมทั้งแก้ไขเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน ถ้าเป็นสิ่งที่ทำได้ เช่น ข้อผิดพลาดในงาน อุปนิสัยหรือ สไตล์การทำงาน ที่ต่างกัน ฯลฯ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่แก้ไม่ได้ เนื่องจากเราไม่ใช่ต้นเหตุ เช่น เป็นความไม่ชอบหน้าส่วนตัว ฯลฯ ก็พยายามยิ้ม และ นิ่งๆ ไว้
ขอเอาใจช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว ด้วยพุทธวิธีนะคะ
#7
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 02:47 PM
เราคิดว่า คนนี้จะช่วยทำให้เรามีความสุขได้ แต่ผ่านไปซักพัก ที่เคยคิดว่าดี ก็จะกลายเป็นเบื่อ/เครียด มากกว่าเก่า ฯลฯ
การไปปฏิบัติธรรม 7 วัน อาจจะช่วยเราให้มีสติ สบายใจ ตอนกลับมาแล้วได้ซักเดือนสองเดือนเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเราไม่ปรับวิธีคิดของเราเลย เราก็จะกลับมากลายเป็นคนเดิม คือ เซ็ง ง่าย เบื่อง่าย ท้อแท้ง่าย
อยากให้อ่านมงคลชีวิตอยู่เรื่อยๆ นะคะ ธรรมะ ทำให้ใจเราเย็นและมีความสุข
http://www.dmc.tv/pa...ngkol04-58.html
หน้ารวม ธรรมะเพื่อประชาชน
http://www.dmc.tv/ar...ople/page1.html
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#8
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 03:38 PM
ถ้าว่างผมอยากจะขอแนะนำให้ไปเดินตาม4แยกไฟแดงสักหน่อยนะครับ หรือไม่ก็ไปเดินตามท้องไร่ท้องนาดูสักนิด แล้วจะเห็นว่าปัญหาที่เราเจอมันเล็กยิ่งกว่าแสงดาวบนท้องฟ้ายามคําคืนเสียอีกครับ
เมื่อก่อนผมก็เคยเป็น หนักกว่าคุณจขกท.เสียอีก โดนเจ้านายด่าอยู่คนเดียว โดนทุกวัน ทำอะไรผิดแค่นิดเดียวก็โดนด่าเหมือนกับผมเป็นคนไร้ความสามารถ ลูกน้องทำงานพลาดผมก็โดนด่าหาว่าไม่ยอมดูงาน ทั้งที่ผมดูแลคนเดียวทั้งโรงงาน ลูกน้องก็ไม่ค่อยชอบใจผมด้วยเหตุที่ผมเอาจริงเอาจังกับงานมาก คอยนินทาใส่ร้ายผมให้เจ้านายผมฟังผมก็หนีไม่พ้นโดนด่าอีก จนผมคิดน้อยใจอยากฆ่าตัวตายตั้งหลายครั้ง ปีนขึ้นที่สูง(ที่ทำงานน่ะครับ) ก็ไม่คิดใส่เครื่องป้องกันคิดว่าถ้าผมพลาดตกลงไปตายก็ดี รถสิบล้อมาส่งวัตถุดิบ ผมเดินตัดหน้ารถโดยไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย พูดง่ายๆได้เต็มปากเลยว่ารู้สึกตัวเองเป็นคนไร้ค่ายังไงอย่างนั้น บางวันโดนหนักแบบที่ว่านําตาแทบทะลักต่อหน้าเจ้านายผมเลยแต่ก็ต้องฝืนกั้นไว้
สุดท้ายผมทนไม่ไหวขอลางานหนีไปทัวร์ปฏิบัติธรรม เริ่มต้นที่สุขสว่าง7วัน พี่ที่ภาคชวนผมไป พอถึงวันสุดท้ายผมยังไม่อยากกลับบ้านเพราะยังไม่อยากกลับไปทำงานอยากจะไปปฏิบัติธรรมต่ออีกจะที่ไหนก็ได้ กลับมาถึงวัดไม่รู้ว่าอะไรดลบันดาล พี่ที่ภาคชวนผมไปอีกที่ เป็นรีสอร์ทแถวสระบุรี ต้องอยู่3วัน ไปช่วยเป็นอุปฐากพระอาจารย์ เพราะบังเอิญพี่อุบาสกไม่ว่างพอดี แต่ต้องไปเองไม่มีรถไป ผมไม่รีรอหรือปฏิเสธ ขอแผนที่พี่เขาแล้วเอารถผมบึ่งไปทันที ยังไม่เต็มที่เต็มใจผมไหนๆก็ลาหยุดมันแล้ว หยุดมันให้นานๆเลยอยากจะขอไปปฏิบัติธรรมต่ออีก พอครบ3วันที่สระบุรี อะไรมาดลบันดาลอีกก็ไม่รู้ พี่ที่ภาคมาชวนผมไปที่นครนายกอีก5วัน ซึ่งผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว สุดท้ายจากที่ผมขอลาหยุดบริษัทแค่7วันกลายเป็น15วันไปโดยปริยาย คิดว่ากลับไปที่ทำงานไม่โดนด่าเหมือนเคยก็โดนไล่ออกแน่ทำใจเตรียมพร้อมเรียบร้อย แต่ผิดคลาดอ่ะ ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด ไม่โดนด่า แถมไม่โดนไล่ออกด้วย โดนบ่นแค่นิดเดียวว่า "ไปปฏิบัติธรรมซะเพลินเลยนะ" มารู้ภายหลังว่าช่วงที่ผมหายไปครึ่งเดือนเจ้านายผมห่วงใยผมแค่ไหน โทรตามเช็คกับพี่ที่ภาคตลอดว่าผมหายไปไหน
และจากการได้ไปทัวร์ปฏิบัติธรรมมาราธอนทำให้ผมคิดได้ว่า จริงๆแล้วตัวผมเองไม่ได้ทุกข์อะไรเลยแม้แต่น้อย ที่ผมโดนด่าก็เป็นเพียงคำพูดที่ออกมาจากปากเท่านั้น ไม่ได้เจ็บตัวไม่ได้โดนตัดเงินเดือนแม้แต่น้อย มีความรู้สึกบ้างก็แค่ทุกข์ใจเล็กๆที่เกิดจากการด่า คนที่ยากจนกว่าเราที่เขาฐานะตํากว่าเราหลายคนที่โดนหนักกว่าเรา เช่น
1. นักมวยต้องขึ้นชกเจ็บตัวเพราะโดนต่อย ถ้าแพ้ก็ไม่วายโดนพี่เลี้ยงด่านี่เขาทุกข์หนักกว่าผมตั้ง2เท่า เพราะผมแค่โดนด่าอย่างเดียว
2. กรรมกรแบกหาม ต้องทำงานหนักแบกหามขนอิฐขนปูนขนเหล็ก ร่างกายเหนื่อยล้าแทบทุกวันแลกเงินเดือนเพียงไม่กี่พันบาท วันไหนทำงานไม่ทันก็โดนนายจ้างบ่นด่า กลับบ้านต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย เงินไม่พอใช้ก็ทะเลาะกับลูกกับเมียอีก
หากแค่เพื่อนไม่ชอบแค่เนี้ยทำให้คุณจขกท.ท้อแท้หมดอาลัยตายอยากล่ะก็ ผมแนะนำนะครับไปลาหยุดสักสัปดาห์ ไปปฏิบัติธรรมซะแล้วจะคิดอะไรได้กว้างขึ้นอีกเยอะครับ หรือถ้าหากคิดอะไรไม่ออก หรือขอพูดตรงๆอย่าโกรธกันนะครับ ว่าถ้าสิ้นคิดจริงๆคิดว่าตัวเองทุกข์ที่สุดในโลกแล้ว ผมขอแนะนำให้เดินเข้าห้องพระ จุดธูป3ดอกบอกกับองค์พระประธานว่า "หากข้าพเจ้ายังคิดได้แค่ว่าความทุกข์ที่เพื่อนไม่ชอบข้าพเจ้าเป็นความทุกข์ที่หนักที่สุดของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะขอนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ต่อหน้าองค์พระประธานโดยจะไม่ลืมตาไม่ขยับหรือลุกไปไหนเด็ดขาด ขอพระองค์ทรงโปรดให้ข้าพเจ้าได้เห็นทุกข์ที่ยิ่งไปกว่าทุกข์ที่ข้าพเจ้าเป็นอยู่นี้ด้วยเถิด" ลองไปทำดูนะครับ แล้วคุณจะรู้ หึหึหึ ว่าทุกข์ของคุณมันอุจจาระมั๊กๆ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#9
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 04:21 PM
คิดซะว่าทนลำบากเพื่อหาทรัพย์มาทำบุญ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ.. มาร่วมหล่อหลวงปู่ทองคำกับหมู่คณะให้ได้..
อย่าเป็นอย่างเรา.. ที่ฟิวส์ขาด..
ศีล ๘ ทะลุ.. ด่าเจ้าของบริษัทซะเละเลย เพราะเหลือจะทนแล้ว..
ชอบแจกเงินกับสาวๆลูกน้องเรา เพื่อซื้ออะไรบางอย่าง แต่ไม่มีใครเล่นด้วย..
ไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยาตัวเอง.. แถมยังมาบอกให้เราเลิกถือศีล ๘ ให้แต่งหน้าสวยๆอีก..
มันเหลือจะทนจริงๆ..
ด่าแหลกศีล ๘ ทะลุเลย.. แล้วเราก็ลาออกแบบสะใจสุดๆ..
ตอนนี้สบายใจมากๆ.. รับงานมาทำเองที่บ้าน.. แต่รายได้ก็ไม่แน่นอน..
ไม่ดีหรอกจ๊ะ.. อย่าทำแบบเราเลย.. ทนได้ก็ทนไปเถอะ..
ชีวิตก็เป็นอย่างนี้..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#10
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 08:11 PM
#11
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 09:14 PM
ขออภัย file ใหญ่เกินไป
ขอฝากแค่ว่า
เดอะซีเคร็ด คือกฏแห่งการดึงดูด
โดยอาศัยความรู้สึก ดึงดูดสถานการณ์เข้ามาหาเรา ถ้าเรารู้สึกในทางลบ คือ ท้อแท้ หดหู่ เศร้า โกรธ
ก้อจะดึงดูดสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น เข้ามาหาเราอีก
รีบเปลี่ยนนะคะ
ถ้าอยากได้ file vdo ก้อฝาก email ไปให้ละกัน จะโหลดไฟล์แนบไปให้ ประมาณ 26 mb
ฝากให้อ่านเพิ่มเติมนะคะ
เรื่องดีๆ ที่อยากให้อ่าน
>เสียเวลาสักนิด
จะได้ความรู้สึกดีๆ ตลอดไป
>ความสุขใกล้ตัว
อ่านสั้นนิดเดียวแต่ได้ใจความดีมากๆ
ความสุข สิ่งที่ใคร ๆ
>ต่างไขว่ขว้า
>คุณอยากได้กล้องถ่ายรูปแบบดิจิตัลสักตัวหนึ่งหลังจากหาข้อมูลมาหลายวันทั้งจากหนังสือพิมพ์และคนรู้จัก
>ก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อยี่ห้อและรุ่นอะไร
คุณใช้เวลา ๒-๓
>วันในการหาร้านที่ขายถูกที่สุดแล้วคุณก็พบร้านหนึ่งซึ่งขายต่ำกว่าราคาทั่วไปถึง
>๒๕ %คุณตัดสินใจควักเงิน ๗
,๕๐๐ บาท
แล้วพากล้องใหม่กลับบ้าน
>ด้วยความปลื้มใจที่ได้ทั้งของดีและราคาถูก
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน
>ตั้งใจว่าจะไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟังแต่กลับพบว่าเขาเพิ่งซื้อกล้องยี่ห้อและรุ่นเดียวกับคุณ
>แต่ซื้อได้ถูกกว่านั้น
คือจ่ายไปเพียง ๕, ๐๐๐
บาทเท่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร
>? ยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่
?ถ้าคุณยิ้มไม่ออก
>ก็น่าถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
?ก็คุณเพิ่งได้ของใหม่มา
>แถมจ่ายน้อยกว่าคนทั่วไป
>อีกทั้งสินค้าก็มีคุณภาพและถูกใจคุณเสียด้วยทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คุณน่าจะดีใจมิใช่หรือ
>?
>แต่ทำไมคุณถึงเสียใจหรือถึงกับโมโหตัวเองเป็นเพราะคุณไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านใช่หรือไม่
>?คุณมีกล้องดีที่น่าพอใจ
แต่ทันทีที่คุณไปเปรียบเทียบกับกล้องของคนอื่น
>ความรู้สึกไม่พอใจก็เข้ามาแทนที่
>คนเราไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมีก็เพราะเหตุนี้จึงมีผู้กล่าวว่าการเปรียบเทียบเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์เคยสังเกตหรือไม่ว่า
>มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักคิดว่ารถของคนอื่นดีกว่ารถของตัว
>แฟนของคนอื่นสวย(หรือหล่อ)กว่าแฟนของตัว
ลูกของคนอื่นเก่งกว่าลูกของตัว
>และอาหารที่คนอื่นสั่งมักน่ากินกว่าจานของตัวถ้าคุณเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
>ชีวิตจะหาความสุขได้ยากแม้จะได้มามากเท่าไร
ก็ไม่พอใจเสียที
>อย่าว่าแต่ของที่ซื้อมาด้วยเงินของตัวเลย
แม้ของที่เราได้มาฟรี
ๆเช่น
>ได้โทรศัพท์มือ ถือมาฟรี
ๆ ๑
เครื่องที่จริงน่าจะดีใจ
>แต่เมื่อรู้ว่าคนอื่นได้รับแจกรุ่นที่ดีกว่าและแพงกว่า
>จากเดิมที่เคยยิ้มจะหุบทันที
>แถมยังจะทุกข์ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้รับแจกด้วยซ้ำ
>นั่นเป็นเพราะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นใช่ไหม
?ทั้งๆ ที่ตนมีโชคแล้ว
>แต่ก็ยังรู้สึกว่าตนโชคไม่ดีเหมือนคนอื่นความทุกข์ของผู้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะไปมองคนอื่นมากเกินไป
>เราจึงไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที
>แม้ว่าจะสวยหรือหุ่นดีเพียงใดก็ยังรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่
ผมไม่สลวย ผิวคล้ำไป
>แถมวงแขนก็ไม่ขาวนวลเหมือนดาราแต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับสิ่งที่ตนมี
>มองเห็นแง่ดีของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่
>ความสุขจะเพิ่มพูนขึ้นมามากมายทันทีจิตใจจะเบาขึ้น
>และชีวิตจะหายเหนื่อยเพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องวิ่งไล่ล่าหาซื้อสิ่งของต่าง
>ๆ มากมาย
เพียงเพื่อจะได้มีเหมือนคนอื่นเขา
>พอใจในสิ่งที่เรามีภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่กับตัวนี้คือเคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบายและสงบเย็นโดย
>พระไพศาล วิสาโล
#12
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 03:28 AM
#14
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 10:52 AM
#15
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 12:50 PM
#16
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 02:15 PM
#17
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 04:51 PM
ก็ปรับๆๆไปคะ แต่อยากให้นั่งสม่ำเสมอทุกวันอย่าได้ขาดเลย เวลาที่ดิฉันเคยท้อแท้หมดหวังหมดกำลังใจ แต่ชีวิตก็สดใสและสดชื่นขึ้นมาได้จากการนั่งธรรมะเนี่ยแหละค่ะ ทุกวันนี้เห็นประโยชน์มากๆเลยจากการนั่ง เหมือนเป็นชีวิตเลยคะ เพราะฉะนั้นเริ่มที่ใจเราก่อนนะคะ คำสอนคุณยายเคยบอกว่าถ้ามีทุกข์ให้สวดมนต์และนั่งธรรมะเยอะ
(อ๋อขอแถม อธิษฐานจิตช่วยอีกแรงด้วยนะคะ )
#18
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 06:44 PM
อย่างนี้ เจ้าของกระทู้ไม่เลิกหายน้อยใจ ก็ไม่รู้จะ say อะไรแล้ว
เป็นกำลังใจสู้ชีวิต (ที่แสนจะน้อยนิด) นี้ด้วยคนจ้า...
#19
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 11:58 PM
#20
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 12:00 AM
จะได้สบายใจขึ้น และได้บุญด้วย ทุกปัญหามีทางออกเสมอ อย่าเพิ่งท้อนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ
ขณะนี้ยังไม่เต็มค่ะ และมีรถรับที่วัดพระธรรมกายด้วย
รายละเอียด
สมาธิสำหรับครอบครัวที่รักของท่าน ครั้งที่ 1/2551
1st Happy Family Meditation Camp
ระหว่างวันศุกร์ที่ 27 – วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน นี้
ณ แสนปาล์ม เทรนนิ่งโฮม อ. กำแพงแสน จ.นครปฐม
ออกเดินทาง วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน เวลา 17.30 น. ณ หน้าพระร่วงฯ องค์พระปฐมเจดีย์ หรือ เวลา 18.00 น. ณ ศูนย์กัลยาณมิตร จ.นครปฐม (หน้าห้างเซฟแม็คเดิม อ.เมือง จ.นครปฐม)และมีรถรับที่วัดพระธรรมกายด้วยค่ะ
เดินทางกลับ วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน เวลา 15.00 น.
ราคาพิเศษสุด (ไม่แสวงหาผลกำไร เพราะอยากเห็นครอบครัวไทยอยู่เย็นเป็นสุข ด้วยสมาธิ)
ท่านละ 500 บาท ( ห้องแอร์ พักห้องละ 3 คน แยกชาย,หญิง )
เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ฟรี
(รับจำนวนจำกัดเพียง 50 ท่านเท่านั้น)
กำหนดการ
05.00 น. ตื่นนอน
05.30 น. นั่งสมาธิ , สวดมนต์ทำวัตรเช้า
06.30 น. ออกกำลังกาย
07.20 น. รับประทานอาหารเช้า
09.00 น. ฟังธรรม , นั่งสมาธิ
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.30 น. ฟังธรรม , นั่งสมาธิ , ชมวีดีทัศน์ชุดพิเศษ
16.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย , ดื่มน้ำปานะ
18.30 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น , นั่งสมาธิ , แผ่เมตตา , ฟังธรรม
21.00 น. พักผ่อน
ผู้ใหญ่มาฝึกรักษาศีล ๘ ด้วยกัน เด็กๆ ศีล ๕ ตามปกติหมายเหตุ มีทีมงานดูแลเด็กโดยเฉพาะ (แยกห้องพิเศษสำหรับเด็ก)
การเตรียมของใช้
1. ชุดสำหรับใส่ปฏิบัติธรรมสีขาวหรือสีสุภาพ ไม่รัดรูปหรือหลวมจนเกินไป ดูสบายตา จำนวนเพียงพอต่อการสวมใส่
2. ยาประจำตัว(ถ้ามี)
สอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่
กัลฯ รุ่งยศ 08-1401-2101
อีเมล์ [email protected]
ร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีงามโดย :
ศูนย์กัลยาณมิตรนครปฐม และ ชมรมครอบครัวสุขสันต์
เว็บแสนปาล์ม เทรนนิ่งโฮม www.naetc.eto.kps.ku.ac.th
อยู่ติด ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
#21
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 10:51 AM
#22
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 03:29 PM
เป็นประโยชน์กับผมมากในช่วงนี้เหมือนกัน เพราะผมเจอเหตุการเดียวกันนี้อยู่มาตลอดการทำงาน 10 ปี ได้แต่ ทน ทน ทน ผมจะ save กระทู้นี้เก็บไว้อ่านยามท้อแท้ เพื่อเป็นกำลังใจสู้ต่อไปครับ อนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกๆท่านครับ
#23
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 04:24 PM
"ลูก หนูอยากร้องไห้ทุกวันหรือเปล่า ถ้าไม่ ก็ต้องไปโรงเรียนทุกว้น และก็ต้องไม่รัองไห้ด้วย หนูต้องไม่เข้าใกล้เพื่อนที่รังแก หนูต้องไปเล่นกับเพื่อนที่เขาอยากเล่นกับเรา ขนมหายบ่อย ๆ ก็แกะเองแล้วก็แบ่งให้เพื่อน ๆ "
ผมพูดกับลูกสาวคนนี้ทุกวัน จนวันนี้เขาไม่ร้องไห้แล้วครับ
คุณลองอ่านกระทู้ที่ตอบให้กำลังใจคุณมา ทุกกระทู้ ทุกวัน เชื่อไหมครับ คุณจะมีความสุขและกำลังใจมากมายเลยครับ ผมได้อ่านแล้วยังมีความสุขแทนคุณเลยครับ
สู้ต่อนะครับ ผมขอให้กำลังใจอีกคน
สาธุ
#24
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 07:53 PM