ทำไมคนจึงรักสุนัขเหมือนลูก
#1
โพสต์เมื่อ 23 January 2009 - 04:52 PM
มิโฮ นางาซาวะ และ ทาเคฟูมิ คิคาซุย นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอะซูบะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ที่รักสุนัขมาก และมีความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ จึงอยากหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ว่า ทำไมผู้ที่เลี้ยงสุนัขจึงรักมันเหมือนกับลูก
ashley_tisdale_dog.jpg 36.91K 79 ดาวน์โหลด
การทดลองทำโดย นำเจ้าของและสุนัขจำนวน 55 คู่ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก นักวิทยาศาสตร์ให้เจ้าของเล่นกับสุนัขเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง โดยเก็บตัวอย่างปัสสาวะของเจ้าของทั้งก่อนและหลังเล่นกับสุนัข
กลุ่มที่สอง ให้เจ้าของและสุนัขอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ไม่ให้เล่น ไม่ให้จ้องตา
ผลปรากฏว่า เจ้าของสุนัขกลุ่มแรก ที่ระหว่างเล่นได้จ้องตาสุนัขของตนเองเป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาทีครึ่ง มีระดับฮอร์โมน "ออกซีโทซิน" สูงขึ้น 20% ซึ่งฮอร์โมน "ออกซีโทซิน" ได้ชื่อว่าเป็น "สารเคมีแห่งความรัก" สามารถลดความเครียด ต้านความหดหู่ และก่อให้เกิดความเชื่อใจระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
ส่วนผลของกลุ่มที่สอง พบว่า ระดับ "ออกซีโทซิน" ในปัสสาวะของเจ้าของสุนัขลดลงเล็กน้อย
นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ที่มองตาสุนัขมาก จะให้คะแนนความสัมพันธ์ระหว่างตนและสุนัขมากกว่าผู้ที่มองตาสุนัขน้อยกว่า นายคิคาซุย กล่าวว่า "จำนวนสารเคมีแห่งความรักที่เพิ่มขึ้น อาจอธิบายได้ว่า ทำไมเมื่อมนุษย์เล่นกับสุนัขแล้วถึงอารมณ์ดีขึ้น ลดความเครียดความวิตกกังวล และเป็นไปได้ว่า เมื่อ 15,000 ปีก่อน ออกซีโทซินมีส่วนสำคัญทำให้มนุษย์เริ่มเลี้ยงสุนัขป่าจนกลายมาเป็นสุนัขบ้าน และมันยังปรับตัวให้เข้ากับสังคมมนุษย์ได้ดี"
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#2
โพสต์เมื่อ 24 January 2009 - 08:15 AM
#3
โพสต์เมื่อ 24 January 2009 - 08:45 AM
ความเห็นส่วนตัวและจากการที่ได้ "เคย" เลี้ยงเจ้าสุนัขตัวน้อย ๆ
มาระยะหนึ่ง ใช่เลยค่ะ โดยรูปร่างเขาก็น่ารักโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ยิ่งได้อุ้ม ได้คุยและมองจ้องไปที่ดวงตากลม ๆ ของเขา จะเห็น
แววตาที่"ไร้เดียงสา" น่ารัก และน่าสงสาร..มากมาย ทำให้บางครั้งก็อดที่
จะคิดไม่ได้ว่า "เจ้ามาจากไหน เคยเป็นใคร เมื่อในอดีตชาติ"
เออ....คงทำกรรมหนักซินะ ถึงได้มาเกิดเป็น สุนัข น่าสงสารจัง
แล้วน้ำใสก็จะวางเขาลง และคิดว่า ในที่สุดสัตว์ทั้งหลายก็ต้องเป็นไปตามกรรมค่ะ
ตอนนี้....เจ้าตัวน้อยได้อยู่ในที่ ที่เหมาะสมสำหรับเขาแล้ว....ทุ่งนาโล่งกว้าง
มีที่วิ่งเล่น ได้อย่างสนุกสนาน และมี เจ้าของใหม่ที่รักและเมตตา "สัตว์" มากกว่า
น้ำใสค่ะ ป่านนี้ คงสบายแล้วนะ เจ้ากุ๊กๆๆๆ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#4
โพสต์เมื่อ 24 January 2009 - 05:33 PM
มันโดนวางยาตายขณะกำลังเฝ้าบ่อปลาของปู่ ซึ่งคาดว่าคนวางยากะจะมาขโมยปลา
ปู่จัดการฝังมันที่ผมรักมากๆ ด้วยตัวปู่เองโดยที่ผมไม่เคยได้รู้เลยว่าฝังมันที่ไหน
#5
โพสต์เมื่อ 24 January 2009 - 06:07 PM
#6
โพสต์เมื่อ 25 January 2009 - 08:25 AM
ตอนน้องหมาของเราตาย เสียใจเหมือนสมาชิกในครอบครัวเลย ตอนเลี้ยงก็เลี้ยงแบบแม่คนเลี้ยงลูกคน เลยเสียหมาค่ะ น้องหมาคิดว่าตัวเองเป็นคนเหมือนเรา เลี้ยงแล้วก็รัก ผูกพันธ์ เวลาตายจากกัน ก็เสียใจ
การรัก เมตตาต่อสัตว์ร่วมโลก เป็นสิ่งที่ดีน่ะค่ะ โดยเฉพาะ น้องหมา จัดเป็นสัตว์เลี้ยงที่เรียกได้ว่า เป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์
น้องหมาจะเห็นเราเป็นทุกอย่างในชีวิตของเรา เราเป็นเจ้านาย
ส่วนหนูแมวเหมียว จะเห็นเราเป็นแค่ แบบว่า เท่าๆ กับเขา คือสถานภาพเท่ากัน น้องแมวจึงจะมาคลอเคลียเฉพาะเวลาที่เขาต้องการอะไร เช่น หิวแล้ว อยากให้ลูบตัวให้ อยากเล่นด้วย จะมีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าน้องหมามากค่ะ
แต่ว่าหากจะเลี้ยงไม่ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงอะไรก็ตาม เจ้าของต้องเลี้ยงด้วยความรัก และรับผิดชอบค่ะ ถึงควรเลี้ยง
ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยง แต่เขามาอยู่เอง ในสวน มีเยอะแยะหลายอย่าง ชอบแอบดูตอนเขาเผลอ มี
นกกางเขนประมาณ ห้าตัว
นกปรอดบ้าน ประมาณ หนึ่งครอบครัว
นกขมิ้น สองสามตัว
นกตัวเล็กมาก ๆ ความยาวแค่ประมาณสี่เซ็นต์ค่ะ ชอบมาเล่นน้ำที่ค้างอยู่บนใบไม้
นกกระปูด สองตัว
กระรอก ตัวอ้วนมาก สองตัว
รังเขาจะอยู่ติดกับสวนหลังบ้าน ที่บ้านจะมีถ้วยน้ำ จะเติมน้ำสะอาดไว้ให้ทุกเช้า เช้าไหนมีผลไม้สุก ก็จะปอกเอาไปวางไว้ให้ ประมาณแปดโมงเช้า ก็มาอาบน้ำกัน ถ้าวันไหนร้อน ตอนบ่ายอยู่บ้านก็จะเติมน้ำให้ สักพักเดียว มาอาบน้ำกันเต็มสวนเลยค่ะ เราก็ชอบแอบดูเขาอาบน้ำกัน มีแย่งกันด้วยน่ะ
อย่างนี้ก็ทำให้สารความสุขของเราหลั่งได้ค่ะ ลองดูซิค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 26 January 2009 - 06:08 AM
วันหน้า น้ำใสจะขอไปแอบดู เจ้าตัวน้อย ๆ พวกนี้บ้าง
ชอบค่ะ ชอบมาก ที่ไม่ต้องอุ้ม ไม่ต้องเสียตังค์เลี้ยงมันมากมาย
รักเด็ก รักสัตว์ รักสิ่งแวดล้อม รัก.....ฯลฯ (นางงามจังเรา)
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#8
โพสต์เมื่อ 26 January 2009 - 10:30 AM
#9
โพสต์เมื่อ 26 January 2009 - 10:32 AM
รู้สึกว่า มันก็มีจิตใจเหมือนเรา
น้องหมา น้องแมวในบ้าน
ก็เคยเป็นพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ญาติ กันมาทั้งนั้น
จึงต้องมาอยู่บ้านเดียวกับเรา
มีอยู่วันนึง หลานชายแกล้ง โดยโยนดินสอใส่น้องหมา ชื่อคำสร้อยที่นอนอยู่ดีๆ
เจ้าคำสร้อย ก็เห่า 1 ที แล้วลุกหนี
แต่หันมามองด้วยแววตาอาฆาต แต่ทำอะไรไม่ได้
แววตา และ ท่าทีของคำสร้อยนั้น
เห็นชัดเลยค่ะว่า....
มันมี หัวใจ มีความรู้สึก และ แค้นเป็น..
ได้สอนหลานไป และชี้ให้ดูว่า
"นั่น คำสร้อยมันโกรธแล้ว ดูมันมองสิ"
แล้วก็เดินเข้าไปกระซิบในท่ายืนห่างๆ กับคำสร้อย
ให้พอได้ยินกันตามลำพัง 1 คน 1 ตัว ว่า
"ขอโทษแทนหลานด้วยนะ คำสร้อย
รู้หรือยังเพราะกรรมที่เจ้าทำมา จึงต้องมาเกิดเป็นน้องหมา
เมื่อได้เกิดใหม่ ก็จงทำตัวของเจ้าให้ดี และ ตอนนี้ฉันจะแบ่งบุญให้เจ้า
เจ้าก็จงอนุโมทนาบุญเสียนะ คำสร้อยเอ๊ย.."
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#10
โพสต์เมื่อ 26 January 2009 - 09:04 PM
สุนัขเป็นสัตว์ที่มีความรักให้อย่างจริงใจเพราะไม่ว่าเจ้าของจะดุ จะลงโทษอย่างไรมันก็จะมีทีท่าและให้ความรักและความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ แต่คนเราถ้าเพียงแค่ว่ากล่าวไม่พอใจก็จะมีความโกรธและไม่พอใจตลอด
กลัวจะถูกคนที่รับประทานจะเอาไปนะซิ เศร้ามากๆๆๆๆ
#11
โพสต์เมื่อ 27 January 2009 - 02:26 AM
#12
โพสต์เมื่อ 27 January 2009 - 11:36 AM
ถ้ามีออกวางจำหน่ายนี่ เขาจะห้ามดื่มเกิดวันละสองขวดหรือป่าวน้า อิอิ
ผมก็เคยเลี้ยงอยู่มั่ง หมานะ ที่เลี้ยงเพาะมีคนเอามาปล่ย
เป็นหมาไม่มีขน มันเป็นขี้เรื่อนรยะสุดท้ายแล้ว ผมเรียกมันว่า 'กุฏฐัง' (แปลว่า โรคเรื้อน)
รักษามันได้สักพัก มันก็ตาย (ตายเองนะ ไม่ใช่ผมทำให้มันตาย )
สภาพมันน่าสงสารมาก ต่อมาผมจึงได้เข้าใจว่า ก่อนบวชทำไมพระถึงต้องถามเราก่อนว่า 'ท่านเป็นโรคกุฏฐังหรือเปล่า'
ต้องตอบว่า 'นัตถิ ภันเต-กระผมไม่ได้เป็นขอรับ' จึงได้บวช
เพราะโรคนี้มันติดต่อ และกัดกินอวัยวะภายนอกทีละน้อยๆ ทุกทรมานมั่ำกกกๆๆสุดๆ
ตอนนั้นผมรู้สึกสงสาร 'เจ้ากุฏฐัง' จับใจ บางครังเอาข้าวให้มันกิน แล้วมันไม่ยอมกิน มันกินข้าวไม่ได้ น้าตาผมแทบไหล
ต้องรีบหนีกไปที่อื่น
หลังจากมันตายนั้น ผมก็ไม่ค่อยอยากเลี้ยงสัตว์อะไรอีกเลย ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่กัวมัน แก่ กลัวมันเจ็บ กัลวมันตาย และกลัวว่าผมต้องพัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักอีก เข็ดมากๆ เลยตัดใจไม่ทำความผูกพันธ์ดีก่า อิอิ
ป.ล. คนแถวนี้นี่ มีจิตใจงดงามดีนะครับ รักสัตว์ รักเด็ก เดิ้นสุดๆ อิอิ อย่างนี้เป็นนาง(จิตใจ)งามได้สบายมากคับผ้ม ฮ่า ฮ่า เอิ๊กๆ.
#13
โพสต์เมื่อ 27 January 2009 - 02:54 PM
ใช่ ๆ ๆ ๆ ค่ะ ก็พวกเรา เป็นลูกหลานหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย นี่คะ ความรักเรามีให้ทุกคนในโลกค่ะ อิอิอิ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#14
โพสต์เมื่อ 27 January 2009 - 07:51 PM
#15
โพสต์เมื่อ 29 January 2009 - 11:07 AM
#16
โพสต์เมื่อ 29 January 2009 - 07:33 PM
#17
โพสต์เมื่อ 08 February 2009 - 02:43 PM
แต่ก็แปลกดีนะคะ สุนัข 2 ตัว ตัวผู้กะตัวเมีย เจ้าตัวเมียเวลาเอาบุญมาฝาก เค้าจะนั่งฟังเหมือนรับทราบและอนุโมทนาบุญ ชีวิตเขาสุขสบายมากเลยค่ะ มีแต่คนเอาอาหารมาให้ ผิดกะเจ้าตัวผู้ ถ้าบอกเอาบุญมาฝาก เค้าจะวิ่งหนี ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ชีวิตเขาก็ลำบาก ไม่ค่อยมีใครให้อาหารกิน แถมคอยจะไล่เตะ ทั้งที่นิสัยเขาก็ไม่ได้เกเรอะไรนะคะ บางทีนั่งดูก็แอบคิดว่า เออ.. เรื่องของบุญนี้ ไม่ได้ส่งผลกับผู้ที่ทำบุญด้วยตนเองเท่านั้น แม้แต่สัตว์ที่ฟังไม่รู้เรื่องแต่ตั้งใจฟัง ยังได้อานิสงส์มีความเป็นอยู่สุขสบาย ยิ่งคิดยิ่งแปลกนะคะ
เราให้กำลังใจใคร กำลังใจนั้นจะบังเกิดขึ้นในตัวของเรา
มันจะขยายเป็นพลังอนันต์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด และจะยิ่งสูงส่งขึ้นไปอีก
#18
โพสต์เมื่อ 10 February 2009 - 11:13 PM
ก็รักเหมือนกัน แต่ไม่ได้รักเหมือนลูก แต่คิดว่าเป็นเด็กเล็กๆ คนหนึ่งครับ