เกลียดวันแม่ ภาคที่ 1
เกลียดวันแม่ ภาคที่ 2
ความเดิม ตอนที่แล้ว
โยโกะ “ฟ้าร้าง เราได้ตุ๊กตาบาบี้ตัวใหม่ล่ะ คุณพ่อเราซื้อให้”
ฟ้าร้าง “ไหนๆ ... อ๋อ ตัวที่เราบอกว่าแม่เราซื้อให้น่ะหรอ”
โยโกะ “ใช่ๆ คุณพ่อน่ะ ใจดี๊ดี แค่เราบอกว่าอยากได้เหมือนของฟ้าร้าง คุณพ่อก็ซื้อให้เลย แถมซื้อชุดเพิ่มให้อีกสองชุดแน่ะ คุณพ่อของเรานะใจดีที่สุดในโลกเลยล่ะ” โยโกะเพื่อนรักที่มีอายุน้อยกว่าหนึ่งปี พูด พร้อมๆ กับกางมือออก กว้างงงง ที่สุดเท่าที่จะทำได้
โยโกะ “แล้วคุณพ่อของฟ้าร้าง ใจดีเหมือนคุณพ่อของเรารึเปล่า”
ฟ้าร้าง “อืมมม ไม่รู้สิ ใจดีมั้ง”
โยโกะ “อ้าว ทำไมใจดีมั้งล่ะ”
ฟ้าร้าง “ก็ไม่รู้นี่นา เห็นแต่ในรูป”
โยโกะ “เหรอ พ่อของฟ้าร้าง เป็นฝรั่งเหรอ”
ฟ้าร้าง “ช่าย พ่อเราเป็นฝรั่ง ไม่เหมือนพ่อของโยโกะหรอก เป็นญี่ปุ่นน่ะ แต่ว่าพ่อของเราหล่อที่สุดในโลกเลยนะ”
โยโกะ “พ่อของเราก็หล่อเหมือนกัน แล้วก็รักเรามากๆ ด้วย”
ฟ้าร้างก็ไม่สนใจ เพราะไม่คิดว่าเคยมีพ่อ หรือขาดพ่อ เฉยๆ มือก็ยุ่งกับกล่องดินสอสีชมพูอันใหม่ ที่มีแถบแม่เหล็ก เปิดปิดได้ ทั้งด้านบนด้านล่าง ด้านในนั้นมีกระจกเอาไว้ส่องหน้า แล้วก็มีที่เสียบดินสอกดอันใหม่ที่เพิ่งได้มา
ระหว่างรอเรียนวิชาเลข ภาพของเอก ที่เป็นหัวหน้าชั้น ก็ผ่านมาที่ตรงโต๊ะที่ฟ้าร้างนั่งอยู่ เอกตัวอ้วน หัวเกรียน เรียนเก่ง เป็นหัวหน้าชั้น ในขณะที่ฟ้าร้างเองถูกเรียกว่ากุ้งแห้ง รับตำแหน่งรองหัวหน้าชั้น ป.3/1
เอกเดินร้องเพลงเสียงดังผ่านมา อย่างสบายอารมณ์ “นกแล ก็คือนกแก้ว เสียงแจ้วๆ บินมาเร็วไว......ค่ำลงเจ้าจะไปไหน... แม่จ๋า แม่อยู่ไหน มารับลูกที แม่อยู่ไหน มารับลูกที”
“ไอ้เอก!!!” ฟ้าร้างตะโกนสุดเสียง พร้อมกับลุกขึ้นยืน และล้มโต๊ะนักเรียนไม้ที่ว่าหนักๆ นั้น ไปตัวแรก
“โครมมมมมมม” เสียงดังจ้อกแจ้กจอแจในห้องเรียนนั้น ก็พลันเงียบสนิทยิ่งกว่าป่าช้า สายตาสี่สิบคู่ หันมาจ้องที่เด็กหญิงฟ้าร้างและคู่กรณีที่กำลังงงๆ
“โครมมมมมม” เป็นตัวที่สอง เพราะว่าจะได้มีทางเดินไปให้ถึงตัวเอก
ฟ้าร้างเดินปราดเข้าไปเบิ้ดหัวกระโหลกเพื่อนเอก หนึ่งที "เพี๊ยะ" เอกหัวคะมำไปข้างหน้า...
จำได้ว่า มือขวาข้างนั้น เงื้อออกไปสุดแขน ก่อนที่จะกระทบลงกับหัวของเพื่อนสุดแรงเกิด ซึ่งเป็นหัวที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ จนเปียกมือไปหมด ในใจนั้นขยะแขยงมาก จนต้องเอามือมาเช็ดกระโปรงสีน้ำเงินก่อนที่จะกำหมัดแน่น กัดฟันกรอดดดด
“โอ้ย....อะไรวะ ตบหัวเราทำไม” เพื่อนเอกเงยหน้าขึ้นมามอง ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วก็ตะโกนสุดเสียงออกมาด้วยความหวาดกลัว และมึนงง
“ก็เอกมาล้อเราก่อนทำไม” ฟ้าร้างกัดฟันพูด ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด พร้อมกับเอานิ้วชี้อีกข้าง ชี้หน้าไปยังเป้าหมาย ด้วยหมายจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้
“เฮ้ย ไม่ได้ล้อเลย”
“ก็เพลงนั้นน่ะ ร้องทำไม แล้วเดินมาทางเรามองหน้าเราทำไม”
สายตาทั้งสี่สิบคู่ มองมาที่ฟ้าร้างที มองไปที่เอกที สลับกัน..ท่ามกลางความเงียบ...
“ก็ร้องเพลงเฉยๆ อ้ะ” เอกปฎิเสธ ด้วยสีหน้าจริงจัง
“อะไรๆ เกิดอะไรขึ้น!!” คุณครูมณี ครูประจำชั้นเดินมาถึงพอดี
“ฟ้าร้างตบหัวเอกค่ะ คุณครูขา” เพื่อนๆ แย่งกันฟ้องครู
“ฟ้าร้าง ตบหัวเอกทำไม” ครูถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ดีจากฟ้าร้าง
“ก็เอกเค้ามาร้องเพลงล้อหนูทำไม ก็หนูไม่มีแม่ ฮือๆๆๆๆๆ โหๆๆๆๆ” ฟ้าร้างยืนร้องไห้เสียงดังลั่นห้อง ตัวเกร็งไปหมด แทนเอก ที่ถูกตบหัว....
คุณครูมณีเดินเข้ามากอดฟ้าร้าง แล้วก็หันหน้าไปทางเอกว่า “เอก ขอโทษฟ้าร้างซิ”
เอกและเพื่อนๆ ทุกคนในห้อง ต่างก็ฮือ ฮา อื้ออึง...
แต่เอก ก็ไม่ได้คัดค้านปฎิเสธแต่อย่างใด เพียงแต่มองมาที่ฟ้าร้างที่มีน้ำตานองหน้าสะอึกสะอื้นอยู่ แล้วก็พูดว่า “เราขอโทษ” โดยที่มือยังไม่เอาออกจากหัวข้างที่ถูกตบจนแดง...
ฟ้าร้างหายสะอื้นไห้...
ทุกคนกลับไปเรียนวิชาเลขต่อ...
-------------------------------------------
"ฟ้าร้าง นี่ปาป๊านะ ยกมือไหว้สิ..” แม่บอก
ฟ้าร้างยกมือไหว้ แล้วก็หันไปถามแม่ว่า “ถ้ามาม้าแน่ใจแล้วว่าจะให้ฟ้าร้างเรียกผู้ชายคนนี้ว่า ปาป๊า ฟ้าร้างก็จะเรียก” เด็กสาวอายุ 8 ขวบถามแม่ของเธอด้วยแววตาใสซื่อ
“.....”
ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของคนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฟ้าร้างอีกเลย...
วันนั้นเป็นวันที่แม่พาผู้ชายคนหนึ่งมารับน้องฟ้าร้าง ไปนอนด้วย วันนั้นเป็นวันเสาร์ตอนเช้า ที่โรงเรียนจะเงียบมาก มีแต่ฟ้าร้างอยู่กับ “นุ่ม”หลานสาวของผู้จัดการ นุ่มก็เป็นเด็กตัวผอม ผมหยิก ผิวคล้ำ พ่อแม่เลิกกัน เลยต้องอยู่กับตา ตาของนุ่ม เป็นพี่ชายของผู้จัดการโรงเรียนปริญญาทิพย์ ตั้งอยู่ ณ ซอยรางน้ำ อันเป็นบ้านหลังใหญ่ ที่เหงาที่สุดของฟ้าร้าง
นุ่มวิ่งมาเรียกฟ้าร้างที่นอนดูทีวี "ขวานฟ้าหน้าดำ" จากทีวีขาวดำ แบบไม่มีรีโมท เปลี่ยนช่องด้วยการบิด ที่แม่ซื้อทิ้งไว้ให้ ขวานฟ้า กำลังถูกผู้ร้ายกลั่นแกล้งอยู่ โดยมีฟ้าร้างนอนเอามือหนุนแขนลุ้นอยู่ โดยที่ฟันยังไม่แปรง
“พี่ฟ้าร้าง พี่ฟ้าร้าง มาม๊ามาหา!!”
ฟ้าร้างได้ยินเสียงของนุ่มไกลๆ แต่ก็พอจับใจความได้ กระโดดลุกขึ้นเด้งดึ๋ง วิ่งลงบันไดทีละสามก้าว แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบของ ก็เลยกลับไปหยิบเอากระดาษแข็งสีขาว พับได้ ที่มีเม็ดถั่วเขียวบ้าง เม็ดถั่วแดงบ้าง กากเพชรบ้าง แปะยึดติดกับกระดาษแข็งด้วยกาวน้ำ คว้าได้ ก็รีบวิ่งไป ที่บันได ก้าวยาวๆ ข้ามทีละสามขั้น
กระโดดขึ้นจักรยาน BMX คันเก่ง ที่แม่ให้เมื่อปีที่แล้ว ปั่นด้วยความเร็วสูง ไปที่หน้าประตูโรงเรียนเหล็กหนา
ฟ้าร้างปั่นด้วยความเร็วสูงสุด พอเห็นแม่ไกลๆ ฟ้าร้างก็ยิ้มแฉ่ง หัวใจที่พองอยู่แล้ว ก็พองโตคับฟ้า
แล้วกระโดดลงจากจักรยาน โยนทิ้งไป โดยไม่สนใจว่ามันจะถลอกรึเปล่า (ทั้งๆ ที่ปกติ ฟ้าร้างจะดูแลทำความสะอาดอยู่เสมอ ไม่ยอมให้ใครมาแตะ) วิ่งเท้าต่อไปด้วยความเร็วสูง ขึ้นกระโดดกอดคอแม่ด้วยน้ำหนักยี่สิบสามกิโล จนแม่เซไปข้างหลัง
กลิ่นมาม๊า หอมจังเลย กลิ่นแบบนี้แหล่ะ มาม๊าตัวจริง ฟืดดดดด ขอหอมหน่อย ข้างขวาด้วย หน้าผากด้วย จมูกด้วย คางด้วย “มาม๊า ฟ้าร้างคิดถึงมาม๊าจังเลย”
“มาม๊าก็คิดถึงลูกนะ”
"นี่ๆ ของขวัญวันแม่ ครูให้คะแนนเต็มสิบเลยนะเนี่ย ทั้งห้องมีคนได้เต็มสิบแค่สองคนเอง"
"สวยจังเลย"
สองแม่ลูกกอดกันอยู่นาน โดยไม่สนใจสายตาของผู้ชายอีกคนที่มากับแม่
นับวันผ่านไป เราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น แม่พาผู้ชาย คนที่ถูกฟ้าร้างเรียกว่า “ปาป๊า” มารับทุกครั้ง
ตอนที่เห็นเขาครั้งแรก ปาป๊าไว้หนวดแข็งๆ ด้วยสีดำสนิท แต่ก็ดูหน้าตาใจดี ไม่น่ากลัวเหมือนคนไว้หนวดคนอื่นเลยนะ
มาเร็วๆๆๆ ฟ้าร้างวิ่งกระโดดขี่หลังของพ่อ ที่นั่งยองๆ หันหลังมาให้ แต่เอี้ยวหน้ามาข้างหลัง พร้อมทำมือรองรับการมาถึงของลูกสาวตัวน้อย...
อืมมมม หลังของคุณพ่อ เป็นแบบนี้เองเหรอ กว้างใหญ่แต่ก็แข็งๆ ดีนะ อ๋อ โยโกะ คงรู้สึกแบบนี้นี่เอง แต่เราก็ว่ามันก็เฉยๆ นะ ธรรมดาจะตาย...
แม่บอกแต่ว่า พ่อเป็นหมัน ฟ้าร้างก็ไม่รู้หรอก ว่าหมัน มันแปลว่าอะไร รู้แต่ว่าพ่อดูแลฟ้าร้างได้ดีกว่าแม่ซะอีกนะ ฟ้าร้างเป็นหวัด หายใจไม่ออก ก็มันสั่งขี้มูกไม่เป็นนี่นา ทำท่าจะตายเอาให้ได้ ก็จำได้ว่า แม่บอกว่า ลูกหน้าเขียวอื๋อแล้ว แม่พูดยังไม่ทันขาดคำ ปาป๊าก็เอาปากดูดขี้มูกออกจากจมูกของฟ้าร้าง แล้วก็เอาไปคายทิ้ง โห เขียวอื๋อเลยนะ อืมมม ค่อยยังชั่วหน่อย ขอบคุณค่ะปาป๊า
ตอนที่ 3
พอมาม๊า นั่งสมาธิเสร็จ ก็พูดออกมาว่า
“โอ้โห ทำไมมันเบาจัง สบายยยย ใจจังเลย”
ว้าวววว เข้าทาง....
“อ้าว นั่งสมาธิเสร็จแล้ว ถึงเวลาของลูกกับแม่แล้ว”
แม่นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง และมองมาที่ฟ้าร้างด้วยสีหน้าสดชื่น ยิ้มกริ่ม
“อ้ะ พวงมาลัยนี้ ฟ้าร้างให้มาม๊านะ อ่ะ ถือไว้สิ”
แม่ ทำหน้างงๆ แต่ก็อมยิ้ม
“ฟ้าร้างขอกราบเท้าแม่หน่อยนะ แม่เป็นพระอรหันต์ของลูก กราบแรก กราบที่สอง กราบที่สาม ฮือออๆๆๆๆๆ”
แม่โผตัวเข้ากอดลูกทั้งน้ำตา สะอื้นไห้ตัวโยน ในขณะที่ลูก ก็ร้องไห้เหมือนกัน
“มาม๊า รักหนูที่สุดนะลูกนะ พี่ๆ ของหนู มาม๊ายังไม่รักเท่านี้เลย มาม๊ามีอะไร ก็คิดแต่จะหาเอาไว้ให้หนูคนเดียว คนอื่นๆ เขาสบายกันหมดแล้ว มาม๊าไม่เคยห่วงเลย”
“ฟ้าร้างก็รักมาม๊าเหมือนกัน แต่เราไม่เคยอยู่ด้วยกัน ก็เลยไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง ฟ้าร้างขอกราบขอโทษมาม๊าทุกอย่าง ทุกประการที่เคยทำผิดไปกับมาม๊านะ ขออโหสิกรรมด้วย ไม่ว่าจะภพชาตินี้ หรือภพชาติไหนๆ ก็ตาม ฟ้าร้างขออโหสิกรรมซึ่งกันและกันนะ”
“มาม๊า ให้อภัยทุกอย่างนะลูกนะ ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครองลูก ให้ลูกมีแต่ความสุขความเจริญ ทำมาค้าขึ้น มีแต่ความสุขนะลูก”
“ต่อไปนี้ ฟ้าร้างจะทำหน้าที่ลูก จะทำให้แม่ได้พบกับความสุขจริงๆ ซะทีนึงนะ”
แล้วทั้งคู่ก็นั่งมองหน้ากัน ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วย “รัก”
วันรุ่งขึ้น
เป็นวันที่ 12 สิงหาคม 2549 วันนี้เป็นวันที่ฟ้าร้างไม่เกลียดอีกต่อไป แถมยังกล้าเรียกได้เต็มๆ ปากว่า
วันนี้เป็นวันแม่
เป็นเช้าวันใหม่ ที่ช่างสดใสเหลือเกิน ฟ้าร้างตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตีห้าสิบห้านาที ปลุกแม่ให้ไปอาบน้ำ หาชุดขาวให้ใส่ แล้วก็เตรียมของไปตักบาตร พาแม่เดินไปตักบาตรที่หน้าหอฉัน มีข้าวสาร กับมาม่าหมูสับซองสีเขียว
แม่อายุ 60 ปีแล้ว และไม่เคยตักบาตรมาก่อนเลยในชีวิต แต่วันนี้ฟ้าร้างสามารถทำให้แม่ตักบาตรได้แล้วค่ะ...
พาแม่ไปถวายภัตตาหาร ถึงแม่จะเจ็บหัวเข่า แต่ก็ยังทนนั่งคุกเข่า เพื่อยกถาดประเคนอาหารพระ พาแม่เดินไปห้องรับบริจาค บอกให้แม่ทำบุญ แม่ให้เงินมายี่สิบบาท ฟ้าร้างหยิบเงินของตัวเองออกมาหนึ่งร้อย รวมเป็น หนึ่งร้อยยี่สิบ เขียนใส่กระดาษว่า “จิรวดี พูนทรัพย์ ภัตตาหาร-น้ำปานะ 120 บาท”
แม่ดีใจยิ้มแฉ่ง ยกมือไหว้ในมือนั้นมีใบอนุโมทนาบัตร
“มาม๊า อธิษฐานสิ”
“อธิษฐานว่ายังไงเหรอ ทำไม่เป็น”
“ก็อยากได้อะไร ก็อธิษฐานไง ขอให้มีสัมมาทิฐิ ให้มีสมบัติจักรพรรดิ์ตักไม่พร่องเอาไว้ใช้สร้างบุญบารมีไง แบบนี้แหล่ะ แล้วอยากได้อะไรก็ขอเอา”
พาแม่ไปทานข้าว
พาแม่ไปปล่อยปลา
พาแม่กลับมานั่งสมาธิที่ห้องใจสบาย
ในห้องนั้น มีคนลาว มาวัดครั้งแรก ประมาณหกเจ็ดคนได้ พระอาจารย์ เปิดโอกาสให้พูดคุยซักถามก่อนให้นั่งสมาธิ ก็เลยบอกท่านไปว่า แม่เป็นคริสต์มาวัดครั้งแรก อยากให้แนะนำด้วยค่ะ
ตอนเริ่มนั่งสมาธิ ฟ้าร้างก็นั่งอยู่ข้างๆแม่ พระอาจายร์ก็ ให้นึกถึงผลส้ม ทำใจเบาๆ สบายๆ มองเฉยๆ ปล่อยวาง ฯลฯ
ผ่านไปประมาณ 30-40 นาที ทุกคนลืมตาขึ้น
พระอาจารย์ชี้มาทางแม่ แล้วก็ถามว่า “นั่งสมาธิเป็นไงบ้างโยม”
“โอ้โห สว่างงงงง หน้ามันหญ่ายยยยย ออกมา ตัวมันหญ่ายยยยยย ออกมา ไปในที่โล่งๆๆๆๆ กว้างๆๆๆ สว่างงงงงงงงง ดิฉันไปสวรรค์มาแล้ว มีความสุขค่ะ”
ในห้องนั้น...
มีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ดีใจ จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ต้องพยายามก้มหน้าเอาไว้ แล้วกลืนน้ำตา ไม่ให้ใครเห็น พลางคิดในใจว่า คำอธิษฐานของเราที่เฝ้าเพียรอยากได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน บัดนี้ เป็นผลสำเร็จแล้ว...
ชิตังเม... แม่แก้วใส.. เธอรู้ตัวไหม ว่าเธออยู่ในกลางท้องของฉัน