ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

หลวงพ่อทัตตชีโวกับคุณยายจันทร์


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 19 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 คนรักวัด

คนรักวัด
  • Members
  • 626 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 12:07 AM

คำนำ
หลวงพ่อทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมักจะเล่าถึง คุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ให้ลูกศิษย์ที่ทำงานใกล้ชิดฟังเสมอๆ บางครั้งก็เล่าเพื่อยกเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบในการสั่งสอน บางครั้งก็เพื่อยกมาสนับสนุนการกระทำความดีของศิษย์

ลูกศิษย์จึงมักได้ฟังหลวงพ่อกล่าวสรรเสริญคุณงามความดีของคุณยายอยู่บ่อยๆ ในโอกาสต่างๆ ที่มีการกระทำเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ย้อนคิดไปถึงคุณยายอาจารย์ ได้ฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งถึงพระคุณของคุณยาย ที่ท่านได้อดทนพร่ำสอน ทุ่มเทเคี่ยวเข็ญหลวงพ่อเมื่อครั้งยังเป็นฆราวาสด้วยความเหนื่อยยาก สมกับเป็นผู้ที่มีวิญญาณครูในพระพุทธศาสนา ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า

อานนท์ เราไม่พยายามทำกับพวกเธออย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียกอยู่ อานนท์ เราจะขนาบแล้วขนาบอีก ไม่มีหยุด
อานนท์ เราจะชี้โทษแล้วชี้โทษอีกไม่มีหยุด ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้

เมื่อหลวงพ่อได้บวชเป็นพระภิกษุ อยู่ในสมณเพศ อันเป็นฐานะที่สูงกว่าคุณยายผู้เป็นอาจารย์ ท่านก็ปฏิบัติตนต่อคุณยายอย่างเหมาะสม ความชื่นชม ความนับถือที่ท่านมีต่อคุณยายนั้น ลูกศิษย์ทั้งหลายจะสังเกตได้จากเรื่องราวต่างๆ ที่ท่านเล่าให้ฟัง และถ้อยคำที่ท่านนำมากล่าวถึง อันแสดงถึงการเป็นผู้ที่มีวิญญาณของศิษย์ ที่ศิษย์ทั้งหลายควรถือเป็นเยี่ยงอย่างอย่างยิ่งทีเดียว

ฝ่ายวิชาการฯ ได้เล็งเห็นคุณค่าดังกล่าวนั้น จึงได้กราบเรียนหลวงพ่อว่า อยากให้ลูกศิษย์ท่านอื่นๆ และสาธุชนทั่วไปได้ทราบเรื่องของคุณยายด้วย เพราะคุณยายเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อ ก็เปรียบเสมือนเป็นอาจารย์ของพวกเราทั้งวัด อีกทั้งการได้ทราบประวัติของคุณยาย ย่อมจะโยงให้เราได้ทราบประวัติของหลวงพ่อเมื่อเริ่มปฏิบัติธรรม และประวัติการสร้างวัดในระยะเริ่มแรกด้วย

ด้วยความกรุณาอย่างยิ่งของหลวงพ่อทัตตชีโว ท่านได้เขียนเล่าเรื่องยาย ให้อย่างละเอียดในช่วงเข้าพรรษานี้เอง (กันยายน ๒๕๓๑) และมอบให้ฝ่ายวิชาการฯ จัดพิมพ์เผยแพร่ในทันที

ผู้ที่อ่าน เล่าเรื่องยาย นอกจากจะได้ความรู้ในแง่มุมที่หาฟังได้ยากแล้ว ยังจะได้แง่คิดในเรื่องความพากเพียร ความทุ่มเทชีวิตจิตใจปฏิบัติธรรม และได้รับผลสำเร็จสมความปรารถนา เป็นการยืนยันธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็น อกาลิโก คือ ผู้ใดทำดี ผู้นั้นย่อมได้รับผลดีแน่นอน ไม่จำกัดด้วย กาลเวลา แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานไปนานแล้วก็ตาม

หวังว่า เล่าเรื่องยาย นี้ จะเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ได้อ่านทุกท่าน สามารถปฏิบัติตน และ ปฏิบัติธรรมได้ดีเยี่ยม เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว ประเทศชาติและพระพุทธศาสนา ตลอดไป

ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่งที่เมตตาให้เราทั้งหลายได้รู้เรื่องคุณยาย เพื่อเราทั้งหลายจะได้ทำดีตามที่คุณยายสอนไว้

ฝ่ายวิชาการ วัดพระธรรมกาย
กันยายน ๒๕๓๑
แล้ววันหนึ่ง... อาตมาก็ตัดสินใจทำสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ยาก คือ ตั้งสัจจะขอประพฤติพรหมจรรย์ บวชถวายชีวิตเข้ารับใช้กิจพระศาสนา อาตมาภูมิใจเป็นที่สุดเมื่อพระอุปัชฌาย์พระเทพวรเวที ปัจจุบัน (๒๕๓๑) คือ พระธรรมปัญญาบดี (ช่วง วรปุญโญ) ตั้งฉายาให้เมื่อวันบวช ๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๔ ว่า...

"ทัตตชีโว" แปลว่า "ผู้ถวายชีวิตแล้วแด่พระศาสนา"

เพราะนั่นคือมโนปณิธานอันแน่วแน่ของอาตมาตลอดชีวิตนี้

ในอดีต

อาตมาในอดีตคือ นายเผด็จ ผ่องสวัสดิ์ ลูกชายคนเล็ก ซึ่งพ่อตั้งความหวังไว้ว่าจะมีลูกหลานสืบสกุลมากมาย ไม่ทำให้สกุลด้วน ขาดทายาท

อาตมาเป็นชาวเมืองกาญจนบุรี เป็นลูกชาวไร่ธรรมดาๆ ซึ่งพอมีสติปัญญาร่ำเรียนจนสำเร็จเป็นบัณฑิตทางการเกษตร ทั้งจากมหาวิทยาลัยในประเทศและต่างประเทศ

เมื่อสำเร็จการศึกษาออกประกอบอาชีพ ก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จนได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้างาน มีลูกน้องมากหน้าหลายตา มีรายได้ไม่น้อยหน้าใครในรุ่นเดียวกัน

เช่นเดียวกับชายหนุ่มทั่วไป อาตมาใฝ่ฝันที่จะมีครอบครัว

แต่แล้ว... อาตมาก็ได้เข้ามาบวชตั้งแต่อายุ ๓๑ ปี จนกระทั่งบัดนี้ นับได้ ๑๖ พรรษาแล้ว (พ.ศ. ๒๕๓๑)

บันทึกนี้เป็นกึ่งอัตชีวประวัติ กึ่งบันทึกความประทับใจของอาตมา ที่มีต่อผู้ที่เป็นจุดกำเนิดแรงบันดาลใจ ให้อาตมาอธิษฐานขอบวชถวายชีวิต

ท่านผู้นั้นคือ

อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
คุณยายอาจารย์ ของอาตมา

อยากเป็นอย่างขุนแผน

เมื่ออาตมามีอายุย่างเข้าวัยรุ่นนั้น อาตมารักการฝึกสมาธิมาก เริ่มต้นฝึกมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๗-๙๘ ขณะเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม ๔ แรกทีเดียวเป็นเพราะได้อ่านวิธีฝึกสมาธิในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ซึ่งรจนาโดยพระพุทธโฆษาจารย์ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๙๐๐ ที่เจอเพราะรักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจนั่นเอง อาตมาอ่านหนังสือทุกประเภท อ่านดะไปหมด อ่านจนหมดห้องสมุดประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี พออ่านคัมภีร์วิสุทธิมรรคแล้วก็อยากฝึกสมาธิ แต่ฝึกเองไม่ได้ผล จึงดั้งด้นค้นหาอาจารย์สอนสมาธิให้ บังเอิญไปพบอาจารย์ที่ฝึกสมาธิเพื่อประโยชน์ทางฤทธิเข้าก่อน จึงเลยเป็นไปตามฤทธิ์หนุ่ม คือฝึกวิชาหนังเหนียว รูดโซ่ ลุยไฟ สะเดาะกลอน สารพัด ใจมันอยากจะเป็นอย่างขุนแผนกับเขาบ้าง ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าวิชาเหล่านี้เป็นวิชามาร คิดว่าเป็นวิชาพระ เพราะมีคาถาประกอบเป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณบ้าง บทสรรเสริญพระโมคคัลลาน์ อัครสาวกผู้มีฤทธิ์บ้าง

ข้อสำคัญ มีอาจารย์ท่านหนึ่ง สรรเสริญคุณงามความดีของขุนแผน และขุนศึกทั้งหลายที่ใช้วิชาเหล่านี้ต่อสู้ศัตรู ปกป้องประเทศชาติบ้านเมืองไว้ได้ อาตมาจึงคิดแต่ว่า จะเอาวิชานี้ไปทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเท่านั้น ยิ่งตอนหลังเกิดหนังเหนียว อยู่ยงคงกระพันขึ้นมาจริงๆ ก็เลยหลงคิดว่ามาถูกทางแล้ว

โชคดีที่อาตมามีความสนใจใคร่รู้เรื่องนรก-สรรค์มาก ดังนั้น ถึงแม้จะได้ร่ำเรียนวิชาที่ทำให้มีอิทธิฤทธิ์มากเพียงใด วิชาเหล่านั้นก็ไม่สามารถดับความกระหายใคร่รู้เรื่องนรกสวรรค์ได้เลย อาตมาจึงยังคงเสาะแสวงหาผู้รู้ในเรื่องนี้เรื่อยมา เมื่อมีเวลาว่างก็ดั้นด้นไปตามป่าตามเขา ไปฝึกสมาธิกับพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ได้โอกาสก็ถามท่านเรื่องนรกสวรรค์เสียทุกคนไป

แต่ไม่ว่าจะไปถามท่านใด ทั้งที่เป็นพระภิกษุและฆราวาสว่า นรกมีจริงไหม สวรรค์มีจริงไหม เทวดานางฟ้ามีจริงไหม ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่จริงจังชัดเจนน่าเชื่อตามได้สักรายเดียว

บางท่านครั้งแรกก็ตอบเสียงแข็งว่ามี สวรรค์มีจริง นรกมีจริง แต่พอถามว่า ท่านไปเห็นไปพิสูจน์มาแล้วหรือ กลับได้รับคำตอบว่า ยังไม่เคย แต่อ่านเจอในพระไตรปิฏกบ้าง อาจารย์เล่าให้ฟังบ้าง หลวงพ่อเล่าให้ฟังบ้าง พอได้ยินว่าตำราบอก เขาเล่าว่า ไม่เคยเห็นเองสักที อาตมาก็เบ้หน้าหนีแล้ว อย่างนี้จะมาสอนให้เราเห็นได้ยังไง บางท่านยังบอก เคยน่ะไม่เคยไปหรอกนะ แต่บางครั้งมันฝันไป ก็ไปเห็นเข้าโดยบังเอิญ อ้างถึงขนาดความฝัน อาตมาก็หมดศรัทธาแล้ว

ช่วงนั้นความมั่นใจในเรื่องนรกสวรรค์ เรื่องบุญ เรื่องบาป เรื่องเทวดานางฟ้า หรือโอปปาติกะไม่มีเลย เพราะหาคนที่ยืนยันขันแข็งและพิสูจน์ให้เห็นไม่ได้ อาตมาจึงเชื่อในสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้เฉพาะหน้า คือเชื่อเรื่อง หนังเหนียว รูดโซ่ ลุยไฟ เพราะเขาทำให้เราดูได้ และเมื่อเราลองทำ ก็ทำได้จริงอีกด้วย ตอนนั้นรู้สึกภูมิใจมาก

กัลยาณมิตรคนแรก

อย่างไรก็ดี บุญเก่าของอาตมาคงมีอยู่ไม่น้อย จึงทำให้ได้พบ คุณไชยบูลย์ สุทธิผล เสียก่อนที่จะหลงทางเลยเถิดไปไกล

อาตมาเพิ่งกลับจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อมาเรียนเก็บวิชาระดับปริญญาตรี สาขาสัตวบาล ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้พบกับคุณไชยบูลย์ ซึ่งเป็นนิสิตรุ่นน้อง ปี ๔ อาตมาจำได้แม่นยำว่า เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๐๙ ซึ่งเป็นวันลอยกระทง

คืนนั้น อาตมาได้หิ้วขวดเหล้าไปรินแจกรุ่นน้องกลุ่มหนึ่งริมสระน้ำ หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ น้องๆ ทุกคนในกลุ่มนั้นต่างก็รับไปดื่มแต่โดยดี แต่มีอยู่เพียงคนเดียวที่ปฏิเสธ

"ผมไม่ดื่มเหล้า ผมถือศีล"

คำว่า "ถือศีล" กระทบใจอาตมาอย่างแรง เพราะอาตมาเองก็เคยถือศีลห้ามาก่อนในช่วงที่ฝึกสมาธิเพื่อเรียนวิชาหนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน เพิ่งมาเสียท่ากลายเป็น "ขวดแม่โขงเดินได้" ตอนเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยนี่เอง เคยคิดโทษเพื่อนๆ โทษสิ่งแวดล้อมเรื่อยมา แต่ภายหลังเมื่อรู้จักใกล้ชิดคุณไชยบูลย์มากเข้า ก็เลยต้องยอมรับว่า เรามันแสบเอง เพราะคุณไชยบูลย์นั้น เพื่อนๆ ทุกคนพร้อมใจกันยืนยันแข็งขันว่า ถือศีลห้ามาตลอดรอดฝั่งได้ในท่ามกลางเพื่อนขี้เมารอบตัว อย่างไรก็ตาม คืนนั้นอาตมาได้พูดตีรวนไปหลายคำ แต่ก็รู้สึกสะกิดใจอยู่ลึกๆ ท่ามกลางความรู้สึกมัวซัวด้วยฤทธิ์เหล้าว่า น้องคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา

เช้าวันรุ่งขึ้นสร่างเมาแล้ว นึกถึงน้องคนที่เมื่อคืนบอกว่าถือศีล แต่เพราะเมาจัดจึงจำหน้าไม่ค่อยได้ ชื่อก็ไม่ได้ถามเอาไว้ เลยเอาข้อมูลแค่น้องปี ๔ ถือศีล ๕ ไปสืบเสาะหาตัวจนพบ ได้เห็นหน้าได้พูดคุยกัน โดยไม่มีดีกรีสุรามาบดบัง จึงนึกชอบ รู้สึกถูกอัธยาศัย อยากถ่ายทอดวิชาหนังเหนียวให้ทันที

ต่อมาก็หาโอกาสเข้าใกล้ชิด เพราะอยากถ่ายทอดวิชาให้นั่นแหละ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอสอบภูมิธรรมกันก่อนนะ ขนาดเปิดพระไตรปิฏกถามกันเชียว แต่เนื่องจากอาตมาอ่านตำรามามาก คำถามเลยเยอะหน่อย โชคดีที่น้องคนนี้เข้าใจ และนับถือว่าเป็นพี่จึงไม่ว่าอะไร การสอบภูมิทำอยู่หลายวันจนไข้ขึ้นด้วยกันทั้งคู่ ถามข้อไหนน้องก็ตอบได้ทุกข้อ ต้อนไม่จนสักที ที่เคยตั้งใจจะรับเป็นลูกศิษย์ก็ชักลังเล เพราะภูมิความรู้ทางธรรมของท่านเหนือกว่าอาตมามาก

เหลือคำถามขั้นตัดสินเรื่องสุดท้ายคือ เรื่องนรก-สวรรค์ พอได้โอกาสก็ถามทันที คิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าตอบแบ่งรับแบ่งสู้อย่างที่คนอื่นตอบ ก็คงยกย่องได้แค่เป็นพระไตรปิฏกเคลื่อนที่ แต่แล้วอาตมาก็ได้ยินคำตอบชัดถ้อยชัดคำ ยืนยันขันแข็งด้วยความมั่นใจเต็มที่ว่า นรกมีจริง สวรรค์มีจริง ผู้ที่สามารถไปดูนรก ไปดูสวรรค์ได้ยังมีชีวิตอยู่ ซ้ำยังบอกชื่อเสียงเรียงนามเสร็จสรรพว่า

ชื่อคุณยายจันทร์ ขนนกยูง เป็นแม่ชีอยู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

"เชื่อเถอะพี่เด็จ จริงล้านเปอร์เซนต์เลย... แล้วถ้าพี่เด็จอยากเห็นนรกสวรรค์ด้วยตนเอง ท่านก็จะสอนให้"

ได้ยินแค่นี้ก็ใจชื้นว่า น้องคนนี้ไม่ใช่ดีแต่ปากเสียแล้ว นี้คือคนๆ แรกที่ให้คำตอบได้ถูกใจที่สุด และเป็นคนที่ทำให้อาตมาอยากพบคุณยายมากเหลือเกิน

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาตมาก็ได้คิดว่า คนที่มีความรู้ในพระไตรปิฏกขนาดนี้สมควรยกให้เป็นครูบาอาจารย์ของเราได้ แม้จะมีอายุคราวน้องก็ตาม จึงยอมตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยความเต็มใจ เวลาอยู่ด้วยกันก็ให้นั่งให้นอนสูงกว่า แม้ขณะนี้ เมื่อคุณไชยบูลย์ สุทธิผล กลายมาเป็นหลวงพ่อ ธัมมชโยภิกขุ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแล้ว อาตมาก็ยังติดสอยห้อยตามมาเป็นลูกศิษย์ ยอมตายถวายชีวิตอยู่ด้วย นี่ถ้าไม่พบท่านตอนนั้น ป่านนี้อาตมา

คงเป็นเหมือนขุนแผนแสนแสบ พระเอกจอมคาถาอาคมอย่างในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนไปแล้ว

พบคุณยาย

คำบอกเล่าของคุณไชยบูลย์ที่ว่า คุณยายเป็นผู้รู้จริงเห็นจริง เรื่องนรกสวรรค์ และท่านยินดีจะสอนให้ ทำให้อาตมาดีใจจนสุดประมาณ

แต่การไปพบบุคคลที่อาตมาเสาะแสวงหามานานนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะคุณไชยบูลย์บอกว่า ท่านผู้นี้เป็นแม่ชีสูงอายุ ลูกศิษย์เรียกคุณแม่บ้าง คุณยายอาจารย์บ้าง ท่านเป็นคนรักสงบ ไม่ชอบคนเอะอะมะเทิ่ง แล้วลูกศิษย์ของท่านก็เป็นหนุ่มสาวชาวมหาวิทยาลัย เหมือนกับเรา หรือไม่ก็เป็นคนเรียบร้อยกันทั้งนั้น ถ้าวางมาดลูกทุ่งโคบาลเข้าไป เดี๋ยวท่านเกิดรำคาญขึ้นมาก็ไม่ยอมรับเป็นลูกศิษย์ แล้วยังเสียชื่อมหาวิทยาลัยอีกด้วย

เนื่องจากคุณไชยบูลย์เป็นรุ่นน้อง จึงไม่กล้าชี้ข้อบกพร่องของอาตมาตรงๆ เพียงแต่บอกอ้อมๆ ว่า จะต้องทำตัวอย่างไรบ้าง และรั้งตัวอาตมาไว้อบรมมารยาทก่อนเกือบ ๓ เดือน

ในขณะเดียวกัน คุณไชยบูลย์ได้สอนวิธีนั่งสมาธิตามแนววิชชาธรรมกายเบื้องต้นให้บ้าง แต่เนื่องจากอาตมาเคยฝึกสมาธิมาหลายสำนัก แบบยุบหนอพองหนอก็ฝึกมาแล้ว แบบอานาปานสติหรือแบบกำหนดลมหายใจก็ทำมาจนคุ้น พอมาเจอแบบวิชชาธรรมกาย ซึ่งท่านบอกให้กำหนดดวงแก้วง่ายๆ สบายๆ กลับทำไม่ได้ คอยเผลอกลั้นลมหายใจทุกที บางทีก็เอาวิธีนี้ไปปนกับวิธีนั้นให้ยุ่งไปหมดโดยไม่รู้ตัว

ความอยากพบคุณยายอาจารย์มาก อาตมาจึงยอมทำตามคำแนะนำของคุณไชยบูลย์ทุกอย่าง แต่ความควรไม่ควรแค่ไหนนั้นสอนกันยากจริงๆ นึกถึงสภาพตัวเองในวันท่ีเข้าไปพบคุณยายที่บ้านธรรมประสิทธิ์ ซึ่งอยู่ในบริเวณวัดปากน้ำภาษีเจริญขึ้นมาคราวใด ให้นึกอายไม่หาย วันนั้นจำได้ว่าใส่เสื้อสีแดงลายสก๊อตตัวโปรด สวมกางเกงยีนส์ดำ ซึ่งใส่ซ้ำมาหลายครั้งจนถอดตั้งได้ กลิ่นขี้วัวคลุ้งไปทีเดียว

เมื่อเห็นคุณยายครั้งแรก คุณยายคือแม่ชีวัยเกือบ ๖๐ ปี รูปร่างผอมบาง ผิวคล้ำ แต่ใบหน้าผุดผ่องเป็นนวลตอง เค้าหน้าที่แสนจะธรรมดาของท่าน ทำให้อาตมาผู้โง่เขลาลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ที่อาสาพามาเสียสิ้น จึงถามโพล่งขึ้นว่า

"ยาย คุณไชยบูลย์เขาว่ายายพาไปดูนรกสวรรค์ได้จริงมั้ย"

"จริง ยายเคยไปช่วยพ่อขึ้นจากนรกมาแล้ว"

เจอคำตอบตรงเผงไม่อ้ำอึ้งแบบนี้เข้า อาตมาก็บอกกับตัวเองทันทีว่า เจอคนจริงที่ตามหามานานแสนนานแล้ว ความศรัทธาเกิดขึ้นอย่างท่วมท้น แต่ยังไม่วายถามต่อ

"แล้วอย่างผมนี่ไปดูได้ไหม"

คราวนี้คุณยายตอบยาว แถมให้กำลังใจเสร็จสรรพ

"ได้ซิ คุณน่ะมีบุญมากอยู่แล้ว ถึงได้มาถึงที่นี่ไงล่ะ ยังงี้ฝึกไม่นานหรอก"

ได้ยินอย่างนี้ใจก็พองด้วยความยินดี เพราะแสดงว่าคุณยายรับจะฝึกให้แล้ว วันนั้นเลยขอประเดิมนั่งสมาธิรวดเดียว ๓ ชั่วโมง ใจมันอยากให้คุณยายรู้ด้วยว่า เราก็เอาจริงเหมือนกัน

พอคุณยายลงนำนั่งสมาธิ บุคลิกผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาๆ ก็เปลี่ยนไปทันที ท่านั่งตัวตั้งตรงของท่านสง่างาม มั่นคงเฉียบขาดเหมือนทวนของขุนพลที่ปักผงาดอยู่บนรถรบ ความศรัทธาของอาตมาที่มีต่อท่านยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา จิตใจของอาตมาก็ผูกพันอยู่กับคุณยายอาจารย์ ยอมมอบกายถวายชีวิตให้ท่านอบรมบ่มนิสัยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับเคยอยู่ในปกครองของท่านมาหลายภพหลายชาติ

ตามที่ได้เล่ามาแต่ต้นว่า กิริยาวาจาของอาตมาที่คิดว่านุ่มที่สุดในชีวิตแล้ว ก็ยังขวางหูขวางตาศิษย์รุ่นพี่เข้าหลายคน การซักไซ้ไล่เรียงเรื่องนรกสวรรค์ เรื่องนิพพาน ซึ่งข้องใจมานาน ไม่ค่อยจบง่ายๆ แต่คุณยายก็ตอบให้เข้าใจได้เป็นฉากๆ ราวกับจำลองเอาสิ่งเหล่านั้นมาวางไว้ให้ดูต่อหน้า

ศิษย์รุ่นพี่คนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น มาเล่าให้ฟังหลังจากเวลาผ่านไปแล้ว ๓-๔ ปีว่า

"วันนั้นพี่บอกยายว่า อีตาคนนี้รุ่มๆ ร่ามๆ สกปรก พูดก็เสียงดังเอะอะ ยายอย่าไปรับเป็นลูกศิษย์เลย ไล่ไปเถอะ แต่ยายก็ยังรับไว้"

ได้ยินศิษย์รุ่นพี่เขาเล่าแล้ว นึกตื้นตันในความเมตตากรุณาของคุณยายอาจารย์ขึ้นมาอย่างท่วมท้น คุณยายคงต้องใช้ความอดทนกับเรามากเหลือเกิน...

อาจารย์เก่าตามรังควาน

วันแรกที่ฝากตัวเป็นลูกศิษย์คุณยาย และขอประเดิมนั่งสมาธิตามวิธีของท่านนั้น ช่วง ๒๐ นาทีแรกได้ผลดีมาก รู้สึกใจสงบนิ่งดิ่งเร็ว มีความเบากาย เบาใจ อย่างท่ีไม่เคยเป็นมาก่อน แต่พอเวลาผ่านไปประมาณ ๓๐ นาที ก็เกิดอาการหายใจไม่ออก ลมภายในตัวดันขึ้นมาเป็นลูกๆ เหมือนใครสูบลมเข้าท้อง กระอักกระอ่วนน้ำลายฟูมปาก ทนไม่ไหวจนต้องลืมตา พอลืมตาอาการนั้นก็หายไป เมื่อเห็นว่าหายดีแล้ว ก็หลับตาลงใหม่ อาการลมดันก็เกิดขึ้นอีก พยายามอดทนจนท้องแข็งเป็นดาน ไม่ยอมแพ้ ประมาณ ๑ ชั่วโมง อาการจึงค่อยทุเลาเบาบางลง
วันนั้นยังไม่กล้าถามสาเหตุจากคุณยาย คิดว่าเป็นเรื่องธาตุแปรปรวนธรรมดา

พอไปนั่งสมาธิกับคุณยายอีกเป็นครั้งที่ ๒ ก็มีอาการอย่างเดิมอีก จึงถามท่าน ท่านตอบราวกับเห็นด้วยตาของท่านเองว่า

"คุณฝึกไสยศาสตร์มามาก อาจารย์เก่าๆ เขาไม่ยอมให้คุณเปลี่ยนทาง เขามาขวางไว้"

อาตมาตกใจ คิดไม่ถึงว่าวิชาไสยศาสตร์จะย้อนมาทำร้ายอาตมาได้ถึงขนาดนี้ จึงถามท่านว่า

"ยังงี้ผมไม่แย่หรือ"

ท่านตอบเฉียบขาดเลยว่า

"จะเอาธรรมะก็ต้องสละชีวิต พระพุทธเจ้าท่านก็ทำอย่างนี้ คุณกล้าไหมล่ะ"

อาตมาลังเล แหม...นี่ต้องถึงเป็นถึงตายกันเชียวหรือ แต่พอมองหน้าคุณยาย เห็นสายตาอันเด็ดเดี่ยว แต่แฝงไว้ด้วยความเมตตาของท่านแล้ว ก็ตัดสินใจตอบทันที

"กล้าครับ!"

วันนั้น กลับมาฝึกสมาธิต่อที่บ้านพักกับคุณไชยบูลย์ อาการจุกแน่นก็กับมาอีก ได้อาศัยคุณไชยบูลย์พูดให้กำลังใจ จึงอดทนฝึกไปเรื่อยๆ ต่อเมื่อคุณยายคุมนั่งสมาธิให้หลายครั้งเข้า อาการดังกล่าวจึงทุเลาเบาบางลง จนดูเหมือนจะหายขาด แต่คุณยายบอกว่า

"ยังไม่หายขาดหรอก ยายแก้ให้ได้แค่นี้ ส่วนที่เหลือนั้นเป็นเพราะคุณยังเสียดายวิชามารอยู่ แต่คุณจะไม่ขลังอีกแล้ว เพราะทั้งหมดที่คุณเรียนมาเป็นประเภทมนต์ปนธรรม ไม่ใช่ธรรมบริสุทธิ์ ต่อไปนี้ต้องหมั่นนั่งสมาธิให้มากๆ"

คงจะจริงอย่างที่คุณยายว่า เพราะอาตมาเคยฝึกวิชามารจนทำได้ผลสำเร็จจริงอย่างอาจารย์สอนทุกอย่าง ทั้งยังไม่เคยคิดจะเอาไปทำร้ายใคร มีแต่จะช่วยคน จึงคิดว่านั่นเป็นของดี ทำให้นึกเสียดายอยู่ลึกๆ ส่วนการปฏิบัติธรรมของอาตมาขณะนั้น ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ที่อยากเห็นนรกเห็นสวรรค์ก็ไม่เห็นสักที ลังเลลังละ รักของใหม่เสียดายของเก่าอยู่ร่ำไป



ประลองฤทธิ์

ในช่วงก่อนที่คุณไชยบูลย์จะพามาพบคุณยาย อาตมาพยายามพูดอวดอ้างความวิเศษของวิชามารให้คุณไชยบูลย์ฟังบ่อยๆ ก็อย่างที่บอกแล้ว ตั้งใจจะรับท่านเป็นลูกศิษย์ แต่ท่านไม่สนใจเลย กลับชี้ให้เห็นโทษว่าวิชาเหล่านี้เป็นดิรัจฉานวิชา จะทำความเดือดร้อนให้ภายหลัง แล้วสรรเสริญวิชาที่คุณยายจะสอนให้ทุกวัน อาตมาก็สนใจเฉพาะเรื่องนรกสวรรค์เท่านั้น ในใจก็นึกอยู่ว่า

"น้องมันไม่เชื่อเพราะยังไม่เห็นฤทธิ์เรา ต้องหาโอกาสแสดงฤทธิ์ให้ดูให้ได้"

เหตุนี้เองขณะฝึกสมาธิกับคุณไชยบูลย์ สติจึงมักแฉลบออกข้างทางเรื่อยไป

ครั้นนานวันเข้าอาตมาก็ไม่พูดอวดอย่างเดียว พยายามแสดงฤทธิ์ให้คุณไชยบูลย์เห็นกับตาเรื่อยๆ ถึงยกให้เป็นอาจารย์แล้ว ก็ยังหวังว่า ถ้าอาจารย์ชอบใจวิชาของศิษย์ ศิษย์ก็จะสอนให้

อย่างไรก็ดี ยังรู้สึกผิดสังเกตว่า ในการแสดงฤทธิ์ครั้งใด ถ้ามีคุณไชยบูลย์อยู่ด้วย ครั้งนั้นเป็นทำไม่สำเร็จทุกที น้ำมันในกระทะทอดกล้วยแขกร้อนๆ เคยเอามือจุ่มลงไปได้โดยมือไม่พองไม่ร้อน วันนั้นพอยื่นมือเข้าไปใกล้ๆ ไอร้อน รู้สึกร้อนจัดจนต้องรีบหดมือกลับ

สงสัยว่าคุณไชยบูลย์มีอะไรดี วันหนึ่งจึงคิดประลองฤทธิ์ด้วย ได้นัดคนที่บ้านธรรมประสิทธิ์ไปดูว่า จะเสกปรอทใส่มือคุณไชยบูลย์ แต่ปรอทจะไม่เป็นพิษใดๆ แก่ร่างกาย วันนั้นนอกจากจะทำไม่สำเร็จแล้ว ยังถูกคุณไชยบูลย์อบรมเข้าให้อีก จนเลิกคิดใช้วิชามารพวกนี้กับคุณไชยบูลย์อีกต่อไป

วันหลังไปถามคุณไชยบูลย์ตรงๆ ว่ามีอะไรดี คุณไชยบูลย์เล่าให้ฟังว่าก็ไม่มีอะไร วันนั้นก่อนมาได้ไปกราบคุณยายขอวิชาป้องกันตัว คุณยายบอกวิชาพวกนี้เป็นดิรัจฉานวิชา ไม่เคยเรียน ชอบเรียนแต่วิชาพระพุทธเจ้า ท่านว่าเขาจะเสกก็เสกไป เราก็อยู่เฉยๆ ทำใจให้ใสๆ ไว้ที่ศูนย์กลางกาย แล้วก็ภาวนาว่า ไม่ให้เข้า ไม่ให้เข้า ก็ไปทำตามที่ท่านแนะ ปรอทก็เข้าไม่ได้ แล้วท่านก็บอกว่า วิชามารพวกนี้สู้วิชาพระพุทธเจ้าไม่ได้หรอก

ตอนนั้นอาตมายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ยังคิดว่าวิชามารนี่เก่งอยู่ แต่ที่ทำไม่สำเร็จเพราะตัวเราไม่เก่งเอง ก็เลยพาคุณไชยบูลย์ไปพบอาจารย์วิชามารของอาตมา เพื่อประลองฤทธิ์กันเอง แต่อาจารย์ก็แสดงฤทธิ์ไม่ออก หน้าเสียเหมือนกัน

ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยเชื่อร้อยเปอร์เซนต์ว่า วิชาของพระพุทธเจ้าดีกว่า และยังรู้เพิ่มเติมอีกว่า วิชามารทำให้ตกนรกได้ เลยเลิกใช้วิชามารเด็ดขาด ยกตำราทั้งหมดให้คุณยายอาจารย์เผาทิ้ง

คนสอนยาก
ความท่ีเคยฝึกสมาธิมาหลายสำนักหลายวิธี ทำให้การฝึกสมาธิตามแนววิชชาธรรมกาย เป็นไปไม่ราบร่ืนเท่าท่ีควร เพราะเกิดอาการ "รักของใหม่เสียดายของเก่า" อย่างท่ีว่าไปแล้ว อีกทั้งความคุ้นเคยเป็นส่วนตัวกับคุณไชยบูลย์มีมาก แล้วเร่ืองเหลวไหลท่ีเคยทำตามประสาหนุ่มๆ ก็ยังตัดไม่ขาด เม่ือนั่งสมาธิกับคุณไชยบูลย์ ก่อนท่ีจะได้พบคุณยาย สติจึงแฉลบออกนอกทางบ่อยๆ คุณไชยบูลย์รู้สึกหนักใจกับอาตมามาก ถึงกับนำเร่ืองนี้ไปปรารภกับคุณยายในวันหน่ึงว่า
"พ่ีเด็จน่ีด้ือเหลือเกิน จะฝึกไหวหรือยาย" คุณยายตอบสั้นๆ ว่า "เอาเหอะน่า"
ระยะหลังๆ เม่ืออาตมามาบวชแล้ว ต้องทำหน้าท่ีฝึกธรรมทายาท ฝึกเจ้าหน้าท่ีวัด เจอพวก "ว่างอนสอนยาก" เข้า เอาไปบ่นให้คุณยายฟัง ท่านหัวเราะแล้วเล่าเร่ืองท่ีคุณไชยบูลย์เคยปรารภให้ฟัง ฟังแล้วใจหายวาบ น่ีถ้าคุณยายระอาอาตมาอีกคุณ ป่านนี้จะไปเป็นโก๋แก่อยู่ท่ีไหนก็ไม่รู้
ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยเพ่ิมความอดทนพร่ำสอนศิษย์มากยิ่งขึ้น มีลูกศิษย์หลายคนเหมือนกันมาถามอาตมาตรงๆ ว่า หลวงพ่อทนสอนคนๆ นี้อยู่ได้อย่างไร ก็บอกเขาไปว่า จริงๆ แล้วคนนี้พยศน้อยกว่าหลวงพ่อเม่ือก่อนมากนัก ถ้าทิ้งเขา เขาคงเอาตัวไม่รอด บางครั้งก็ต้องเล่าความสอนยากของอาตมาให้เขาฟัง

ประสบการณ์ในสมาธิครั้งแรก
หลังจากคุณยายแก้ไขปัญหาขณะนั่งสมาธิให้อาตมา จนพ้นเง้ือมมือของอาจารย์วิชามารมาได้แล้ว อาตมายังต้องผจญกับผีไก่ ผีหมู ผีวัว อีกเป็นฝูงๆ เพราะสมัยเป็นเด็กอยู่บ้านพ่อแม่ พอถึงตรุษจีนทีไร ก็ได้รับมอบหน้าท่ีให้เป็นมือมีดเชือดคอไก่อยู่เป็นประจำ ครั้นมาเรียนมหาวิทยาลัยในแผนกสัตวบาล ก็ต้องมารับหน้าท่ีเป็นผู้ควบคุมการฆ่าสัตว์ส่ง อ.ส.ร. (องค์การอาหารสำเร็จรูป) เข้าให้อีก สั่งเขาฆ่าบ้าง ลงมือฆ่าเองบ้าง ทั้งหมูทั้งไก่ทั้งวัว ท่ีตายเพราะฝีมืออาตมานั้นไม่น้อยเลย เป็นหนี้ชีวิตสัตว์ท่ีต้องชดใช้ไปอีกนานแสนนาน
เพราะฉะนั้น พอนั่งสมาธิใจกำลังนิ่งๆ อยู่ดีๆ ภาพไก่ท่ีอาตมาเคยฆ่าก็มาปรากฏให้เห็นในสมาธิ มาดิ้นพราดๆ อยู่บนตัก ภาพหมูเป็นฝูงมาเต้นเย้ยอยู่ตรงหน้า พอหมูกับไก่หายไป วัวก็วิ่งคึ่กๆ เข้ามาหาเป็นฝูง ตกใจลืมตาขึ้นใจเต้นไม่เป็นส่ำเลย
บางครั้งเพ่ือนๆ ก็เล่าให้ฟังว่า ดึกๆ นอนอยู่ดีๆ อาตมาก็ละเมอเผลอร้องเสียงหลงจนเพ่ือนๆ ตกใจ เป็นอยู่อย่างนี้หลายเดือน คุณไชยบูลย์ต้องเป็นพ่ีเลี้ยงให้อย่างใกล้ชิด และหมั่นเตือนหมั่นสอนว่า เห็นอะไรก็ไม่ต้องกลัว ให้นึกปั้นเป็นองค์พระตั้งไว้กลางท้องให้หมด อาตมาก็ทำตาม และหาโอกาสทำทานให้ชีวิตสัตว์ด้วยการปล่อยสัตว์ปล่อยปลาอยู่เสมอ ปัญหาดังกล่าวจึงค่อยทุเลาเบาบางลง แต่สมาธิก็ยังไม่ก้าวหน้า กำหนดนิมิตไม่ได้ตามท่ีคุณยายสอนอยู่นาน

คุณยายทำนายฝัน
วันหนึ่ง หลังจากเคี่ยวนั่งสมาธิเช้าจรดเย็น เย็นจรดเที่ยงคืน ติดต่อกันมาจนกระทั่งถึงวันที่ ๘-๙ วัันนั้นพอ ๙ โมงเช้าก็รู้สึกโหย เพราะลุยนั่งมาตลอด นิมิตอะไรก็ไม่เกิด ท้อขึ้นมาเลยล้มตัวลงนอนแล้วฝันไป
ในฝันนั้น เห็นเจ้าเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งปกติเจอหน้ากันทีไร เป็นต้องรี่เข้ามาเตือนเสียงลั่นว่า

"ระวังนะ ฝึกสมาธิมากๆ เดี๋ยวจะเป็นบ้า!"

ในฝันว่า นั่งสมาธิอยู่ดีๆ เจ้าเพื่อนคนนี้ก็หน้ายื่นหน้ายาวมาเตือนอีกว่า

"นี่เผด็จ ระวังเป็นบ้านะ"

เนื่องจากจำคำแนะนำของคุณไชยบูลย์ได้แม่นยำว่า เห็นนิมิตอะไรให้ปั้นเป็นองค์พระให้หมด ก็เลยเอื้อมมือไปตบหน้าเจ้าเพื่อนตัวดีเสีย ๒-๓ ผลัวะ ตั้งใจจะปั้นเป็นพระพุทธรูป

แปลก...เจ้าเพื่อนนั่นกลายเป็นพระพุทธรูปเหมือนใจคิด นั่งอยู่กลางท้องดิบดีทีเดียว แล้วเห็นหลวงพ่อวัดปากน้ำมองผ่านกระจกใสๆ มาด้วยสายตาดุๆ คล้ายจะบอกว่า ให้ตั้งใจนั่งสมาธิให้ดี

แค่นั้นยังไม่ตื่น ฝันต่อไปอีกว่า ตัวเองสวมเกราะทองชุดนักรบจีนโบราณ ยืนอยู่ริมทะเล รู้ในฝันว่า มีหน้าที่ขนคนข้ามทะเล

ฝันได้ ๓ ฉากก็ตื่น รู้สึกใจชื้นว่า ถึงนั่งกำหนดนิมิตองค์พระแล้วไม่เห็น ก็ยังดีที่ได้เห็นในฝัน แล้วก็มีความสุขอยู่ลึกๆ เล่าให้คุณยายฟัง คุณยายบอกว่า

"พระนิพพานท่านสอดละเอียดลงมาบอกหน้าที่ให้"

อยากจะคิดว่าคุณยายพูดเล่น แต่อยู่ด้วยกันมาเป็นปี ไม่เคยเห็นท่านพูดเล่น ก็เลยต้องหยุดคิดทบทวนดูตัวเองว่า จริงๆ แล้วเราไม่ใช่คนฝันบ่อย นานๆ จะฝันสักที แต่ฝันทีไรมักจะแม่น

สมัยที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยฝันว่าไปที่สระว่ายน้ำแห่งหนึ่ง เจอฝรั่งรูปร่างหน้าตาอย่างนั้นๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้ไปเมืองนอกเลย

แต่ ๓ เดือนต่อมา เกิดได้ทุนไปประเทศออสเตรเลีย ต้องพักการเรียนไว้กลางคัน ไปอยู่ที่นั่นได้ประมาณ ๑๐ วันก็ไปที่สระว่ายน้ำแห่งหนึ่ง รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยมา เห็นฝรั่งยืนอยู่ขอบสระ ๒-๓ คน มีความรู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

กลับมาหอพัก มาจดบันทึกประจำวันในสมุดประจำตัวเล่มเดิม พลิกไปเจอเรื่องที่บันทึกเกี่ยวกับความฝันคราวนั้นเอาไว้ ก็นึกออกทันทีว่า ทั้งสระว่ายน้ำ ทั้งฝรั่งพวกนั้นเราเคยเห็นในฝันนั่นเอง

การฝันเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าก่อนหลายวัน หลายเดือนอย่างนี้เคยฝันมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้น ที่คุณยายบอกว่า พระนิพพานสอดละเอียด คงไม่ใช่เรื่องที่ท่านเอามาล้อเล่น

ตอนนั้นรู้สึกแปลกๆ ว่าเราไม่เคยคิดจะบวช และถ้าจะบวชก็จะต้องมีลูกมีเมียเสียก่อน หน้าที่ขนคนไปพระนิพพานนี่ น่าจะเป็นของพวกประพฤติพรหมจรรย์ ซึ่งไม่ใช่เราแน่ๆ

มาคิดดูอีกที เราก็เคยคิดจะสร้างวัดสัก ๓ วัด อุทิศให้พ่อ ๑ วัด แม่ ๑ วัด และครูบาอาจารย์อีก ๑ วัด ถ้าจะขนคนก็คงขนคนเข้าวัดนี่แหละ แต่เราคงไม่อยู่วัดด้วย เข้าใจเสียอย่างนั้นก็สบายใจดี ไม่เสียโครงการแต่งงาน

ความจริงหน้าที่ขนคนเข้าวัดนี้ อาตมาถนัดมาก มาปฏิบัติธรรมที่บ้านธรรมประสิทธิ์ไม่นาน อาตมาก็ชวนน้องๆ ชมรมพุทธศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มานั่งสมาธิกับคุณยายได้มากขึ้นๆ แต่เพราะความไม่รู้จักเลือกไม่รู้จักกรองคน อาตมาจึงทำความเดือดร้อนรำคาญใจให้คุณยายมาก

ปกติคุณยายไม่ใช่คนช่างพูดช่างคุย และไม่ชอบคนพูดมากเพ้อเจ้อ แต่สำหรับอาตมาและคุณไชยบูลย์ คุณยายให้ความเมตตาอธิบายเรื่องละเอียดๆ ในสมาธิให้ฟังเสมอ แม้เรื่องความฝัน ซึ่งเอาแน่อะไรไม่ได้ คุณยายก็อุตส่าห์ตรวจให้ดูอย่างละเอียด

คราวหนึ่ง เมื่อฝากตัวเป็นศิษย์คุณยายได้ประมาณ ๕-๖ เดือน คือประมาณกลางปี ๒๕๑๐ อาตมาฝันว่า นั่งอยู่ที่ศาลาแห่งหนึ่ง เห็นหงส์ทองบินร่อนอยู่ไกลๆ ใครเห็นก็วิ่งตามไป หวังจะจับตัวตอนมันร่อนลงพื้นดิน

ในฝันอาตมานึกอธิษฐานว่า

"ถ้าเป็นบุญของเรา ขอให้หงส์ทองนี้จงบินเข้ามาหาเอง ไม่ต้องให้ไปวิ่งไล่จับอย่างคนอื่นเขา"

พอจบคำอธิษฐาน หงส์ทองก็บินลงมาหาอาตมาจริงๆ เข้ามาหมอบให้อิงหลังแต่โดยดี รุ่งขึ้นเช้า จึงนำความฝันไปเล่าให้คุณยายฟัง คุณยายนั่งสมาธิตรวจดูสัก ๕ นาทีก็ลืมตา จ้องมองอาตมาตาเขม็ง

"คุณเด็จ พักนี้ไม่ค่อยนั่งสมาธิใช่ไหม?"

"ครับยาย ไม่ค่อยได้นั่ง งานมันมาก" อาตมาตอบรับเสียงอ่อย

"บอกแล้วไม่เชื่อ นี่กามกำเริบแล้ว"

คุณยายฉีกหน้าอาตมาต่อหน้าลูกศิษย์ของท่านที่นั่งหน้าสลอน คุณยายนะคุณยาย สอนอาตมาแบบผ่าตัดสดๆ ไม่ฉีดยาชาเลย

อาตมารู้ตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ถ้านั่งสมาธิน้อย ฤทธิ์เจ้าชู้ก็โผล่ขึ้นมาเหมือนกัน แม้ผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาๆ ขี้ริ้วขี้เหร่ยังไง บางคราวก็เห็นเป็นสวยไปได้ อาศัยที่คุณยายรู้เท่าทันไปเสียหมด และวางแผนสะกัดกั้นไว้ได้ทุกที อาตมาจึงเอาตัวรอดได้บวชมาจนทุกวันนี้

อีก ๕-๖ เดือนต่อมา หลังจากฝึกสมาธิกับคุณยายได้ประมาณ ๑ ปี

ไฟล์แนบ


อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ

เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก

Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain

#2 บุญเท่านั้น

บุญเท่านั้น
  • Members
  • 55 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 02:31 AM

สาธุคะ

#3 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 09:56 AM

สาธุ...ค่ะ

สาธุ...ค่ะ

#4 สิทฺธิกโร(V-active)

สิทฺธิกโร(V-active)
  • Members
  • 486 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:สมุทรปราการ
  • Interests:ธรรมมะ และการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 09:56 AM

สาธุ ครับ

#5 MIHARU

MIHARU
  • Members
  • 620 โพสต์
  • Interests:พระพุทธศาสนา<br />วิทยาศาสตร์

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 10:04 AM

เป็นเรื่องที่สนุกและได้ความรู้มากๆค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
มาเล่าต่อให้จบนะคะ
Relax & Alert

#6 Man_K

Man_K
  • Members
  • 154 โพสต์
  • Location:สำโรงเหนือ สมุทรปราการ
  • Interests:สมาธิ สติ ปัญญา

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 10:21 AM

สาธุ

#7 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 04:03 PM

โอ้สาธุค่ะ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#8 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 05:08 PM

มาเล่าต่อนนะค่ะแต่หนูมีหนังสือเดี่ยวหนูไปอ่านต่อหุหุ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#9 Laity reborn

Laity reborn
  • Members
  • 68 โพสต์
  • Location:กรุงเทพฯ ประเทศไทย
  • Interests:ได้ดีเพราะเข้าวัดฯ โดยมีหลวงพี่ฐานะเป็นกัลยาณมิตรคนแรก ท่านชวนบวชตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ จึงได้ตั้งใจบวชธรรมทายาทรุ่นที่ 22.. จากนั้นก็เข้าวัดโดยตลอด แม้ยามที่วัดฯ พบอุปสรรคใหญ่ เพราะว่าเชื่อในบุญ ผลของบุญก็เลยได้ทุนเรียนจากรัฐบาลญี่ปุ่น จนจบ MBA และได้มาเป็นผู้บริหารบริษัทฯเอกชนแห่งหนึ่ง ณ ปัจจุบัน

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 05:22 PM

เป็นบทความที่ดีมากครับ สาธุครับ

#10 Nu

Nu
  • Members
  • 224 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 06:00 PM

ยังไม่จบเลย เอามา post ต่อนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ

#11 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 07:04 PM

(OwO) (OwO) (OwO) wow

This is so GOOD and INTERESTING !!!

( ^_^ ) *(^O^)* (^o^)

You've done a very good job !!!

May I rejoice in your merits for this.

Sathu Sathu Sathu /(^_^)\


P.S. Keep it coming posted. *(^O^)*

ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#12 จริยคุณกุลภัทร์

จริยคุณกุลภัทร์
  • Members
  • 368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 12:10 AM

อนุโมทนาสาธุค่ะ

#13 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 02:14 AM

สาธุ อย่างยิ่ง
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#14 ชาร์ป

ชาร์ป
  • Members
  • 985 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ปทุมธานี

โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 01:00 PM

ยาวๆๆๆมากๆๆ แต่เหมาะสำหรับคนใหม่ๆนะ

#15 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 07:30 PM

สาธุค่ะ
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#16 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 11:12 PM

ไปเอามาจากใหนเนี้ย อยากรู้จัง
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#17 memai

memai
  • Members
  • 15 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 06:43 PM

สาธุ สาธุ อ่านแล้วปัญญาเกิดเลยค่ะ ....อยากทราบมานานแล้ว...

พอดีเพิ่งกลับมาเข้าวัดหลังจากเวลาผ่านไปหลายปี....

ตัวเองเคยได้กราบคุณยายแม่ขีจันทร์ และได้ความเมตตาจากท่านให้เข้าพบ สนทนา ช่วงพ.ศ.2532-33

และได้กลับมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2551 วันหล่อหลวงพ่อทองคำและวันกฐินหลวงพ่อ 2 พย 2551

แต่นี้ไปจะขอปวารณาตัวเองถวายงานหลวงพ่อค่ะ....มากเท่าทีจะทำได้....

#18 TID ธทย๓๕

TID ธทย๓๕
  • Members
  • 3 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • Interests:สมาธิ

โพสต์เมื่อ 09 September 2009 - 11:05 AM

สาธุครับบ

#19 **รักบุญ**

**รักบุญ**
  • Guests

โพสต์เมื่อ 16 December 2010 - 09:17 PM

biggrin.gif biggrin.gif biggrin.gif คุณยายตามคนมาวัดแบบไหนอย่างไร

#20 mickey.mick

mickey.mick
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 June 2014 - 01:55 AM

สาธุเจ้าค่ะ