Xmen กลุ่มเด็กตาทิพย์ ในรายการทไวไลน์ไนท์ของไตรพบ
#1
โพสต์เมื่อ 13 July 2010 - 09:09 PM
ใครดูบ้าง เด็กถูกปิดตา แล้วสามารถบอกถึงสิ่งต่างๆได้
ไม่ได้มีคนเดียว หลายคน เมื่อก่อนผมก็ดูในจีนและรัสเซียมีเป็นร้อยๆคน
แสดงให้เห็นว่า ญาณทัศนะ มีจริงๆ ตามที่พระพุทธองค์บอกไว้
อันนี้สามเณรอีกที่
ชาวสมุทรสาครแห่ทึ่ง 2 สามเณรตาทิพย์สร้างมหัศจรรย์อ่านหนังสือได้ทั้งๆ ที่ถูกปิดตาแน่นหนา ชาวบ้านไม่เชื่อบุกแห่พิสูจน์จับมัดลูกตาปล่อยให้เดินกลางป่าช้าก่อนให้วิ่งไล่เด็กๆ ซ้ำเจอปาฏิหาริย์ ถึงกับอึ้ง 2 เณรน้อยทั้งวิ่งทั้งเดินเหมือนกับมองเห็น ไม่ชนสิ่งกีดขวางอะไรเลย พระชั้นผู้ใหญ่เมือง สมุทรสาครชี้เป็นผลพวงจากการฝึกวิปัสสนากรรมฐานบวกกับพรสวรรค์ในการสร้างสมาธิ
ข่าว 2 สามเณรมหัศจรรย์รายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับ การบอกเล่าจาก นายไก่ คงหนุน ชาวบ้าน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ว่าได้พบ พระณัฐพลชัย ฉันทธัมโม รักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านวังปลัด ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ และพระอาจารย์ วิชัย รัตนโชโต พระลูกวัดบ้านบัว ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเดินทางมาทำธุระใน จ. สมุทรสาคร โดยนำสามเณร 2 รูป ซึ่งมีความสามารถพิเศษใช้ผ้าปิดตาทั้ง 2 ข้าง แต่ยังคงอ่าน หนังสือได้เหมือนคนตาปกติทั่วไป
เมื่อทราบเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับสามเณรทั้ง 2 รูป เพื่อพิสูจน์ว่า มี ความสามารถพิเศษดังกล่าวจริงหรือไม่ โดยเมื่อพบกับ สามเณรสมชัย ดุพันธุ์ดุง อายุ 12 ปี และ สามเณรวีรพล ริ้วไธสง อายุ 13 ปี จึงเข้าไปขอพิสูจน์ ด้วยการนำผ้ามาผูกปิดตาสามเณรทั้ง 2 รูป ถึง 2 ชั้น จนแน่ใจว่า ไม่สามารถมองเห็นได้ ก่อนนำบัตรประชาชนของตัวเองออกมาให้สาม เณรทั้ง 2 ผลัดกันถือ และอ่าน ซึ่งปรากฏว่าทั้ง 2 สามารถบอกชื่อและที่อยู่ตามบัตรประชาชนได้ อย่างถูกต้อง
ขณะเดียวกันบรรดาชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ ได้นำหนังสือต่างๆ มาทดสอบให้สามเณรทั้ง 2 อ่าน โดยให้อ่านทั้งแบบธรรมดาและกลับหัว ปรากฏว่า ยังคงอ่านได้เช่นเดิม ทำให้ชาวบ้านต่าง พากันประหลาดใจและตื่นตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก
ต่อมา นายชายชัย กุลพงษ์ กรรมการบริหารพรรคธัมมาธิปไตย ประจำจังหวัดสมุทรสาคร ทราบข่าว จึงเดินทางมาร่วมพิสูจน์ เนื่องจากเกรงว่า จะมีการแอบอ้างอภินิหารจนสร้างความ เสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา โดยมีการนิมนต์สามเณรทั้ง 2 รูป ไปพิสูจน์ที่สุสานน่ำเก๊ก พร้อมกับ นิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่ทราบข่าว และเดินทางมาบุกพิสูจน์ให้เห็นกับตาเป็นจำนวนมาก
โดยการทดสอบครั้งนี้ มีการนำวัสดุชนิดต่างๆ มาปิดตาสามเณรทั้ง 2 อย่างแน่นหนา จนมั่น ใจว่า ไม่สามารถมองเห็นด้านนอกได้ ก่อให้สามเณรทดสอบโดยให้เดินผ่านสุสาน ซึ่งมีหลุมศพตั้ง เรียงรายสลับกันไปมานับร้อยหลุม ปรากฏว่า สามเณรทั้ง 2 รูป สามารถเดินผ่านหลุมศพทุกแห่ง ไปได้โดยไม่ชนกับสิ่งกีดขวางใดๆ เลย
นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบให้วิ่งไล่จับ ด.ช.อาร์ต ซึ่งเป็นลูกของประชาชนที่มาร่วมสังเกต การณ์ ก็ปรากฏว่า สามเณรทั้ง 2 สามารถวิ่งไล่ไปตามทิศทางที่ ด.ช.อาร์ต วิ่งหนีไปได้อย่างถูก ต้อง โดยไม่ชนกับต้นไม้หรือสิ่งกีดขวางใดๆ เช่นกัน
ทั้งนี้ พระปลัดนิวัฒน์ กันตะวัณโณ กับ พระมหาชาญณรงค์ นะระปัญโญ ซึ่งไปร่วมสังเกต การณ์อยู่ด้วยระบุว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการแสดงออกถึงการใช้สมาธิอย่างหนึ่ง ซึ่ง การที่สามเณรทั้ง 2 ทำได้ น่าจะเป็นเพราะมีการฝึกฝนสมาธิ ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวของ แต่ละคน เนื่องจากบางคนฝึกมานานก็ไม่เคยทำได้ แต่บางคนฝึกไม่เท่าไรก็สามารถทำใจให้สงบ และมีสมาธิได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับสามเณรทั้ง 2 นี้ ต่างเข้าบรรพชาตามโครงการบรรพชา พระภิกษุสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมกับสามเณรรายอื่นๆ รวม 99 รูป ที่วัดบ้านวังปลัด โดยมีพระอาจารย์วิชัย รัตนโชโต เป็นอาจารย์สอนให้ปฏิบัติสมถะและวิปัสนากรรมฐาน เพื่อทำจิต ใจให้สงบ แก่สามเณรทั้ง 2 รูป
#2
โพสต์เมื่อ 13 July 2010 - 11:21 PM
วัดพระธรรมกาย และสำนักที่มีการสอนวิชชาธรรมกายอื่นๆ ก็มีเด็กๆได้ทิพย์จักษุเป็นอันมากเป็นเรื่องปกติ แต่ทิพย์จักษุนี้เป็นทิพยจักษุที่สามารถมองเห็นและเข้าถึงสภาวะธรรมภายใน คือดวงจิตปฐมมรรค และพระธรรมกายภายใน ไปจนถึงนรก สวรรค์ จักรวาล อดีตชาติ อนาคต
ตาทิพยในการฝึกวิชชาธรรมกาย เป็นทิพยจักษุที่ไม่ได้เน้นไปในทางปิดตาอ่านหนังสือ หรือปิดตาทำกิจกรรม และผมว่าประเสริฐกว่าตาทิพยธรรมดาด้วย
และเด็กๆนั้นจะเห็นได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ แต่ก็จะรักษาไว้ได้ยาก พอเริ่มโตก็เริ่มจางหายไป และก็มิใช่ว่าเด็กทุกคนจะเข้าถึงได้ เท่าที่สังเกตุ เด็กร้อยคนก็จะเข้าถึงได้ประมาณไม่ถึงครึ่งร้อย หรือเกือบครึ่งร้อย
ถ้าได้เด็กเหล่านี้มาฝึกวิชชาธรรมกายจะอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ไม่เสียเงินเรียนด้วยครับ
ทางพุทธเราก็มีกล่าวไว้เช่นในคัมภีร์วิสุทธิมรรคในเรื่องเกี่ยวกับฤทธิ์ของกสิณ
....................................
ไม่เกี่ยวกับธรรมะ และอาจจะเป็นเรื่องมายา หรือการสะท้อนของคลื่นสมอง
จากที่ดูรายการนี้ ชาวจีนผู้สอนท่านนี้ก็บอกว่า เป็นวิชาที่พระวัดเส้าหลินฝึกกันมานานกว่าพันปีแล้ว และก็มิใช่ว่าเด็กทุกคนจะฝึกกันจนได้ผลทุกคน แต่ก็ถือว่าสุดยอดมากครับ (และมีค่าใช้จ่ายในการฝึกฝนแพงมาก) และพอเริ่มโตก็ความสามารถก็จะเริ่มหายไป เด็กที่อายุเกิน 12 ขวบก็ไม่สอนให้ เพราะว่ายากแล้วที่จะทำได้
อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับสำนักที่สอนการกระตุ้นสมองส่วนกลางนี้ที่ออกรายการนี้ เราก็ไม่ทราบตื้นลึกหนาบาง ว่าเป็นเรื่องจริง หรือมายา เราก็ฝังหูไว้หูก่อนนะครับ อิอิ และผมก็เคยเห็นพวกนักมายากล และมายาจิต แสดงการแสดงแบบนี้ด้วยการจดจำ หรือสัมผัส แต่ว่าที่หลับตาอ่านหนังสือได้นี่สิ?
คริดส์แองเจิ้ล และคุณ วิน เอี่ยมอ่อง ก็ทำได้นะครับ เขาเป็นนักมายากล และนักมายาจิต
http://www.youtube.c...player_embedded
ผมดูแล้วมีข้อน่าสงสัยอยู่มาก เหมือนจะเป็นทริค เป็นการฝึกทักษะ การสัมผัส จดจำตำหนิต่างๆ
สำนักนี้ครับ v
v
http://www.powermindcamp.com/index.php
PMC ไม่เคยกล่าวอ้างถึงดวงตาที่ 3 ในทุกๆ กรณี ภายหลังการกระตุ้นสมองส่วนกลาง คนๆ นั้นจะสามารถเห็นได้ด้วยการสัมผัส ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า “ทรรศนะสัมผัส” บางคนอาจเห็นโดยการใช้หูฟังหรือโดยการดมกลิ่น หรือแม้แต่การเห็นในขณะที่ถูกปิดหูปิดตาพร้อมๆ กัน มีนักเรียนหลายคนที่สามารถ “เห็น” ในความมืด พวกเขาสามารถเขียน อ่าน และระบายสีแม้จะอยู่ในที่มืด
ทุกคนสามารถมีชีวิตอย่างปกติสุขภายหลังได้ กระตุ้นสมองส่วนกลางแล้ว
จากข้อมูลเหมือนจะเป็นการสะท้อนของคลื่นสมอง และบางคนก็เห็นได้จริงๆ แต่บางคนเหมือนเป็นการจดจำตำหนิมากกว่า
ส่วนที่พันทิป วิจารณ์กันเละเลย
http://www.pantip.co...0/X9465430.html
สัพพเพเหระครับ ไปนั่งสมาธิเพ่งลูกแก้วให้สว่างๆดีกว่า ไม่เสียเงิน ได้บุญ และไม่มีมายา มีแต่ศีล สมาธิ ปัญญา
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 13 July 2010 - 11:32 PM
ไม่น่าใช่วิชชาพระพุทธเจ้า
น่าจะเป็นวิชาวิทยาธรมากกว่า
ผมก็เคยฝึกวิชาของที่นี่มาบ้างเหมือนกัน
(กังฟู)พอจะรู้แนวทางของวัดอยู่
#5
โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 01:11 AM
ให้มีขีดความสามารถสูงเกินกว่าคนธรรมดา
ซึ่งเท่าเคยฝึกมาก็เห็นว่า
ถ้าฝึกอย่างจริงจังก็จะสามารถทำ
ในสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้
พระเส้าหลินท่านเชื่อว่าการฝึกฝนร่างกาย
จะทำให้จิตใจบริสุทธิ์และ
กำจัดอำนาจแห่งราคะได้
โดยส่วนตัวเห็นว่า
วิชาเหล่านี้เป็นวิชาวิทยาธร(ไม่ใช่ไสยศาสตร์)อย่างหนึ่ง
ไม่อาจช่วยให้บรรลุธรรมใดๆได้
#6
โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 01:40 AM
คงหมายความแต่สัมมาสมาธิ ไม่ใช่มิจฉาสมาธิ
ชอบคำตอบของคุณนักเรียนอนุบาล ตำรวจรักบุญ
#8
โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 08:46 AM
ข้อคิดข้อนี้เพื่อนธรรมทายาทพูดถึง น่าคิดครับ ท่านศึกษาพุทธมหายานหลายๆนิกาย มีเรื่องเกี่ยวกับวิชาธรรมกายหลายๆด้าน ที่น่าสนใจ
#9
โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 09:29 AM
แน่นอนอยู่แล้วครับ เพราะวิทยาศาสตร์มันเป็นเพียงศาสตร์จิ๊บๆที่มนุษย์โลกเราเพิ่งคิดกันได้เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี่ จะไปตามทันวิชาธรรมะที่มีมาก่อนจักรวาลและสรรพสิ่งกำเนิดขึ้นได้อย่างไร
แต่เมื่อได้ดูรายการนี้แล้วก็เป็นสิ่งยืนยันได้อีกทางหนึ่งว่า สิ่งที่เหนือธรรมชาตินั้นมีอยู่จริง คนพาลคงจะยากที่จะปฏิเสธว่าบาปและบุญโลกนี้โลกหน้า เป็นเรื่องตลกขบขัน
#10
โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 12:00 PM
ในทางวิทยาศาสตร์ได้
หากแต่นักวิทยาศาสตร์/แพทย์ในยุคปัจจุบัน
อาจจะยังไม่เข้าใจหรือเข้าใจไม่ถูกต้อง
เกี่ยวกับขีดความสามารถที่แท้จริง
ของร่างกายมนุษย์
หมอในอดีตมีความใจในเรื่องเหล่านี้
มากกว่าแพทย์แผนปัจจุบันมาก
เช่น การผ่ากระโหลกให้เศรษฐี
แล้วให้กระโหลกประสานติดกันใหม่
ภายในเจ็ดวัน
ของหมออาชีวกโกมารภัทร
แพทย์ประจำพระองค์พระพุทธเจ้า
ซึ่งแพทย์ปัจจุบันยังไม่มีวิธีประสานกระดูกให้ติดกัน
ได้เร็วขนาดนั้น
สรีระยนต์ของเรานี้มีขีดความสามารถมากกว่าที่เราคิด
มากมายนัก หากเรามีใจที่ตั้งมั่นถูกที่จะสามารถใช้
พลังของร่างกายนี้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้
แต่ถึงแม้เราจะสามารถฝึกฝนร่างกายให้มีขีดความสามารถ
สูงเพียงใดก็ตาม ก็ยังมีขีดจำกัดและข้อจำกัดอยู่มาก
เพราะสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
เราควรให้ความสำคัญกับการฝึกฝนจิตใจจะดีกว่า
เพราะจิตที่ฝึกดีแล้วย่อมเอาชนะกิเลสทั้งปวงได้
จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมหลุดพ้นจากความเสื่อมทั้งปวงได้
จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมมีอานุภาพไม่มีประมาณ
และวิธีฝึกจิตก็ง่ายกว่าการฝึกฝนร่างกายแบบวัดเส้าหลินมาก
เพราะการฝึกจิตก็แค่ หลับตาเบาๆ แล้วทำเฉยๆ
ง่ายนะ ถ้าไม่เชื่อลองเลย
#11
โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 05:43 PM
.....แต่จำได้ว่าเมื่อนานมาแล้ว..มีนักแสดงกลคนไทยชื่อ..ไฉน แสงทองสุก
.....แสดงกล....ขับรถโดยผูกผ้าปิดตาไว้...สามารถขับรถหลบเครื่องกีดขวางได้อย่างสบาย
.....อ่านหนังสือก็ได้ เหมือนกันเลย
.....แกบอกว่าเป็นของง่ายๆ...ไม่ต้องฝึกสมาธิ..นั่งธรรมด้วยซ้ำ
.....แต่เป็นเรื่องธรรมดาของคนได้กายธรรมแล้ว..ไม่เห็นคนไหนเขาตื่นเต้นกันเลย
.....สามเณรทั้ง 2 ท่านคงได้กายธรรมแล้วมั้ง...
.....แปลกใจว่าทำไมต้องไปทดสอบกันที่...สุสานด้วย
#12
โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 08:38 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#13
โพสต์เมื่อ 16 July 2010 - 12:33 PM
ต้องลองนั่งธรรมะ แล้วจะเห็นเอง
กิ่งใส ฟันธงค่ะ
#14
โพสต์เมื่อ 16 July 2010 - 06:16 PM