***นั่งดู ทีวี ภายในวัด ทั้งๆที่ถือศีล8,10,227***
#1
โพสต์เมื่อ 11 June 2009 - 10:10 AM
ผู้ถือศีลปฎิบัติธรรม พระสงส์ สามเณรหลายๆท่านเขาเข้าใจ ในศีลที่เขารับหรือเปล่าไม่ทราบครับ
ผมเห็นหลายๆท่านยังนั่งดูทีวี ดูละคร เพื่อความบันเทิงอยู่เลยครับ ทั้งๆที่ผิดศีลแน่นอน แต่ไม่มีการเตือนกัน
ยกเว้น ในกรณีที่ดูทีวี ลักษณะเป็นการสอน ธรรมะในทางพระพุทธศาสนา อย่างนี้ไม่เป็นอะไร
แต่เท่าที่เห็นส่วนมาก ที่นั่งดูกันในวัด จะดูเป็นเรื่องความบันเทิงมากกว่า จะดูนิดดูหน่อยหรือดูนานก็ผิดทั้งแหล่ะครับ
ศีลข้อที่ท่านรับแล้วไปฝืนดูก็คือ นจคีตวาทิตวิสูกทสสนามาลาคนธวิเลปนธารณมณฑนวิภูสนฎฐานา (เว้นขาดจากการขับร้องประโคมดนตรีดูการละเล่น ตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องทาเครื่องย้อมผัดผิว) ท่านลองดูนะครับว่าเราเคยผิดศีลข้อนี้หรือไม่ครับ
#2
โพสต์เมื่อ 11 June 2009 - 11:23 AM
1. ฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรีด้วยตนเอง
2. ดูหรือฟังการฟ้อนรำ การขับร้อง และการประโคมดนตรี และการละเล่นต่างๆ ที่คนอื่นประกอบขึ้น
***อันนำไปสู่กำหนัด เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์***
#3
โพสต์เมื่อ 11 June 2009 - 08:46 PM
#4
โพสต์เมื่อ 11 June 2009 - 10:58 PM
#5
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 08:31 AM
ขอเพิ่มมุมมองอีกนิด คือ
สิ่งนั้น การกระทำนั้น ๆ
กุศลกรรมบท ๑o หรือ อกุศลกรรมบท ๑o ( กรรมดี หรอ กรรมชั่ว )
เมื่อเสพ ทำแล้ว กุศลธรรมเจริญ หรือ อกุศลธรรมเจริญ
เมื่อเสพ ทำแล้ว กุศลธรรมเสื่อม หรือ อกุศลธรรมเสื่อม
จิตใส หรือ เศร้าหมอง
ผิด หรือ ถูก ( ธรรมวินัย , ศีล , กฎหมาย , ธรรมเนียม วัฒนธรรมในสังคมนั้น ๆ ฯล)
หลายเรื่องแม้ ไม่ผิดโดยตรง ไม่ใช่อกุศลกรรมบท โดยตรง
แต่ถ้า ชาวบ้านติเตียนได้ โลกวัชชะ
ถ้าเราจิตไหวง่าย กังวลคนวิพากษ์ วิจารณ์ในทางเสียหาย หรือ นินทา (ซึ่งเราห้ามใครไม่ได้)
และไม่อยากให้มีเรื่องตามมามาก
หลีกเลี่ยง งด เว้น ได้ก็ดีครับ
#6
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 10:50 AM
#7
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 11:40 AM
#8
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 12:06 PM
#9
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 02:41 PM
#10
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 09:38 PM
ขอความกรุณา คุณ WISH ช่วยขยายความด้วยค่ะ สาธู๊
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#11
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 10:52 AM
แต่ก็น่าจะดูวัตถุประสงค์นะ
แต่เราน่าจะมองในอีกมุมนะครับว่า
เราไปเอาบุญคือต้องทำให้ใจใส อย่าให้ใจขุ่นมัว
รักษาใจของเราเหมือนท่านจิตตคฤหบดี แม้พระด่าท่านแต่ท่านไม่ด่าพระตอบ
จนเป็นเหต์ให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ภิกษุขอขมาท่านคฤหบดี
เรารักษาใจดีกว่าคับ
#12
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 11:56 AM
กามคุณ ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. รูป ที่จะพึงรู้แจ้งทางตา ที่น่าปรารถนาน่าใคร่ น่าพอใจ เป็นรูปที่ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
๒. เสียง ที่จะพึงรู้แจ้งทางหู ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
๓. กลิ่น ที่จะพึงรู้แจ้งทางจมูก ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
๔. รส ที่จะพึงรู้แจ้งทางลิ้น ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
๕. โผฏฐัพพะ ที่จะพึงรู้แจ้งทางกาย ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
กามคุณ ๕ ประการนี้เป็นเหตุให้เกิดสุขและโสมนัสได้
กามคุณ ๕ คือ รูปที่พึงรู้แจ้งทางตา อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นสิ่งที่ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้เกิดความกำหนัด; เสียง, กลิ่น, รส, โผฏฐัพพะ (สิ่งที่พึงถูกต้องสัมผัสได้) ที่พึงได้รู้ทางหู, จมูก, ลิ้น, และกาย อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นสิ่งที่ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
ดูก่อนอานนท์! นี้แลคือกามคุณ ๕
ดูก่อนอานนท์! ความสุขทางกาย สุขทางใจ อันใดที่พึงเกิดขึ้นเพราะอาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้
ความสุขกาย สุขใจนี้นั้นเรียกว่า กามสุข (ความสุขที่เกิดจากกาม)”
(สํ. ฉฬา.๑๘/๔๑๓/๒๗๘)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า“ภิกษุทั้งหลาย อะไรเล่าเป็นโทษแห่งกาม(กามาทีนพ)ทั้งหลาย”
คือ พระพุทธองค์ทรงแสดงการต้องประกอบอาชีพต่างๆ เช่น การพานิชยกรรม การกสิกรรม การรับราชการ ต้องลำบากตรากตรำ อดทนต่อความหนาว ร้อน หิว กระหาย เป็นต้น
การที่เพียรพยายาม แต่เมื่อไม่ได้ผลต้องโศกเศร้า เสียใจ เมื่อได้ผลแล้วก็ต้องทุกข์กาย ทุกข์ใจ เนื่องด้วยการอารักขาสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นเพื่อมิให้เป็นอันตราย
เมื่อมีอันตรายเกิดขึ้นก็โศกเศร้าเสียใจ ทะเลาะวิวาทกับคนทั้งหลาย แล้วทำร้ายร่างกายกัน ใช้อาวุธทำสงครามฆ่าฟันกัน ก่อสร้างป้อม ถูกลงโทษทรมานต่างๆ เพราะทำความผิด เช่น ตัดช่องย่องเบา ปล้นสะดม เป็นต้น
ที่มีกามเป็นเหตุว่าแต่ละอย่างเหล่านี้เป็นโทษของกาม เป็นกองทุกข์ที่เห็นทันตา มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเหตุ มีกามเป็นเหตุเกิด เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั่นแล
ผู้ได้รับผลก็เป็นทุกข์ เนื่องจากเหตุแห่งการรักษาคุ้มครอง
ผู้ทำงานแต่ไม่ได้รับผลก็เป็นทุกข์ กลัวภัยต่างๆ จะเกิด เช่น
โจรภัย ราชภัย อุทกภัย วาตภัย เป็นต้น
นอกจากนี้ กามทั้งหลายยังเป็นเหตุให้เกิดโทษต่างๆ เช่น เกิดการยื้อแย่งแข่งกันในการต้องการคนที่มีรูปสวย นักร้องเสียงดี เกิดการทะเลาะวิวาทถึงกับฆ่ากันก็มี
ผู้ดีทะเลาะกับผู้ดี นักปกครองทะเลาะกับนักปกครอง พราหมณ์ทะเลาะกับพราหมณ์ พ่อค้าทะเลาะกับพ่อค้า แย่งความเป็นเจ้าของในคนงาม คนสวย เห็นกันอยู่ในสังคมทั่วๆ ไป
ตลอดจนการทะเลาะกันภายในครอบครัว สามีไปมีเมียน้อย ภรรยาเล่นชู้ เป็นเหตุให้ประหัตประหารฆ่าฟันกัน ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและถึงแก่ชีวิตก็มี ทั้งหมดนี้ก็เพราะกามเป็นเหตุ
ชนทั้งหลายประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต ก็เพราะกามเป็นเหตุ
เห็นผิดเป็นถูก ครั้นประพฤติทุจริตต่างๆ ดังกล่าวแล้ว
หลังจากตายแล้วย่อมไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
นี้ก็ชื่อว่าเป็นโทษของกาม เป็นกองทุกข์ในสัมปรายภพ
(ม.มู.๑๒/๑๖๙)
แต่เป็นโทษสำหรับผู้ปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผล
เพราะฉะนั้นบัณฑิตพึงกำจัดฉันทราคะในกามคุณทั้งหลายเสีย
ธรรมกถา พระพิสาลพัฒนาทร ( ถาวร จิตฺตถาวโร )
๙๙๙ วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร ถนนพระราม ๑
แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๓๐
#13
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 06:47 PM
เราพรางคนอื่นได้ แต่เราพรางตนเองไม่ได้
#14
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 06:54 PM
หากอ่านตรงตัว ดูจะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้
ที่จะอธิบายถึง
คนที่รักษาศีล 8 แต่ยังดู ทีวี ฟังเพลงบรรเลง ร้องเพลงธรรมะให้ไพเราะๆ
โดยบอกว่า ตนไม่ได้มีเจตนาให้เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์....ไม่ได้กระทำไปด้วยทำให้เกิดความกำหนัดยินดี ในกามสุข
อันเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
หากจะช่วยขยายความให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก จะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ
ปล. ไม่มีเจตนาว่าใคร เพียงต้องการความกระจ่าง จากผู้ที่รู้มากกว่าค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#15
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 10:28 PM
แต่จะขอตอบแบบอิงต้นโพธิ์...โดย พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยะคุณ เรื่อง ทำไมเข้าถึงพระธรรมกายได้ยาก
- ทำไมจึงหาศูนย์กลางกายได้ยาก?....เพราะใจมนุษย์นั้นถูกเครื่องล่อเครื่องหลอก ให้ออกจากศูนย์กลางกายนั่นเอง
- กล่าวโดยปฏิบัติ กำหนัดเป็นเครื่องล่อหลอกให้ผู้ประพฤติธรรม หลุดออกจากเส้นทางอริยมรรค เข้าสู่โลกียสุข พอใจในกามคุณ...พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯเคยกล่าวไว้ในเรื่อง ดอกไม้แห่งพญามาร ทำนอง...กำลังจะออกจากสวนดอกไม้แท้ๆ กลับหันหลังไปเด็ดดอกไม้มาชมอีกแล้ว
- แล้วอะไรทำให้ใจดำรงอยู่ในเส้นทางแห่งมรรคผล?...คำตอบคือบารมีทั้ง10ทัศน์นั่นเอง พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯจึงกล่าวถึง เลิกอยาก ลาหยอก รีบออกจากกาม เดินตามขันธ์สามเร็วไว
#16
โพสต์เมื่อ 14 June 2009 - 10:24 AM
#17
โพสต์เมื่อ 15 June 2009 - 10:41 AM
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ