มีปัญหาครับ
#1
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 01:41 PM
อนุโมทนาบุญ กับ กัลยาณมิตรผู้ให้คำตอบด้วยนะครับ สาธุครับ..
#2
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 03:06 PM
เชิญชวนคุณแม่และน้องสาวร่วมกันก่อการดีก็จะสัมฤทธิ์ผลได้ในเร็ววัน
ไฟล์แนบ
#3
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 03:26 PM
ต้องใช้เวลา ความเข้าใจ ความอดทน ความใจเย็น ดูจังหวะให้ดี เวลาไหนควร เวลาไหนไม่ควร อย่าไปบังคับท่าน น่ะค่ะ
ที่สำคัญที่สุด คือตัวเราต้องพยายามปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ ท่านจะสังเกตุได้เองค่ะ เวลาทำบุญแล้วก็ให้อธิษฐานจิตแทนท่านไปก่อน
ของเราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ
คุณเป็นลูกที่น่ารักจัง พอตัวเองรู้แล้วว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ก็คิดถึงพ่อแม่เลย อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 03:27 PM
เดี๋ยวความดีของเราจะไปละลายพฤติกรรม และความคิดของพ่อเองล่ะค่ะ
แล้วก็ไม่ว่าจะทำบุญอะไร ให้อธิษฐานจิตให้พ่อมีสัมมาทิฐิ ได้มาเป็นครอบครัวธรรมกาย
งานนี้ต้องอาศัยความอดทนอย่างสูงค่ะ ต้องไม่ตอบโต้ ไม่เถียงใดๆ เลย แม้จะเป็นเรื่องไม่จริง ก็ตาม
นิ่ง สงบ สยบ เคลื่อนไหว เดี๋ยวความดีในตัวเรา ซึ่งเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง จะแผ่ขยาย ไปที่จิต ที่กายของพ่อเอง เชื่อเถอะค่ะ คุณทำได้ แต่ต้องอดทนอย่างมากกกกกกก บางที อาจต้องอดทน มากกว่า 10 ปี เลยก็ได้ แล้วแต่บุญเก่าในตัวพ่อน่ะค่ะ ว่ามีมากขนาดไหน
สู้ๆ นะคะ ขอเอาใจช่วย
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#5
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 03:30 PM
#6
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 05:14 PM
ขันติบารมีเต็มเปี่ยม
สักวันค่ะ ท่านจะเข้าใจ
#7
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 05:17 PM
#8
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 05:37 PM
#9
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 06:11 PM
#10
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 06:38 PM
ชาติหน้าก็ไม่ต้องเสียเวลามาแก้ผังเดิมๆอีกครับ..
สาธุ..
#11
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 06:58 PM
#12
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 03:01 AM
ยังไม่ลีบครับ อิ อิ
#13
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 08:41 AM
เดี๋ยวความดีของเราจะไปละลายพฤติกรรม และความคิดของพ่อเองล่ะค่ะ
เห็นด้วย
อันนี้ก็ เห็นด้วยนะ อิอิ
#14
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 09:24 AM
เวปมาสเตอร์ครับ เขาจีบกันออกหน้าเวปครับ ผมไม่ย๊อมมมม
เข้าเรื่องดีกว่า ปัญหาพ่อแม่ เป็นปัญหาโลกแตกครับ ผมเองเวลาจะมาวัดวันธรรมดาก็ต้องดูลมฟ้าอากาศเหมือนกันว่าจะมีพายุอารมณ์พัดผ่านมาหรือเปล่า ใส่ชุดอุบาสกทีไร จะเกิดพายุไต้ฝุ่นพัดกระหน่ำในบ้านทุกที
ท้อมากจนกระทั่งบางครั้ง คิดสั้นๆว่า เอาว๊ะ เราเอาตัวเรารอดคนเดียวแล้วกัน คนอื่นๆในบ้านที่เหลือค่อยรอหลวงปู่ท่านมาช่วยฉุดช่วยดึงแล้วกัน ตัวเราดันไม่ไหวแล้ว อะไรทำนองนี้ แต่ก็ทำใจปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ยังไงก็พ่อแม่พี่น้อง เฮ้อ.....
อธิษฐานจิตเยอะๆครับ ทำใจให้ใสๆแล้วอธิษฐานให้บุญบารมีช่วย สักวันคงจะสำเร็จแหละครับ แต่ยังไงก้แล้วแต่ ประคองใจตัวเองเอาไว้นะครับ ถ้าเราแย่อีกสักคน ก็จะไม่มีใครเป็นหลักในเรื่องบุญเรื่องกุศลในบ้านนะครับ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
#15
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 09:57 AM
เราใช้เวลาเกือบๆ 6ปี..กว่าจะผ่านมาได้โดนมาทุกรูปแบบ แต่ก็ไม่เคยท้อเลยค่ะ......ในที่สุดเราเปิดใจแม่โดยการชวนท่านไปพณาวัฒน์ ให้แม่ไปกับพี่กัลฯท่านหนึง... เพราะรู้จุดอ่อนของแม่ว่าไม่ฟังลูกพูดอยู่แล้ว..แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่อายุพอๆกันหรือมากกว่าแม่ แม่ก็จะเกรงใจ...เรื่องบางเรื่องถึงแม้ว่าแม่จะไม่ค่อยชอบแต่ท่านก็จะฟัง...หลังจากกลับมาจากพณาวัฒน์แล้วปรากฏว่า..ได้ผลเกินคาด..แม่โทรมาบอกว่า"แม่เอาบุญมาฝากนะลูก"น้ำเสียงAlert มาก..เล่นเอาเราน้ำตาไหลเลย ดีใจมากๆ......ปัจจุบันนี้แม่จะทำบุญในทุกบุญแบบไม่ตกบุญเลยค่ะ....
..เป็นกำลังใจและอนุโมทนาบุญกับคุณชีวิตงามด้วยนะคะ ...สำคัญที่สุดคือตัวเราต้องเข้มแข็งและก็อย่าท้อก็แล้วกัน
คุณบ่าวอุบล..อารมณ์ขันดีนะ ...5555 ง่วงๆอยู่ตื่นเลยค่ะ
#16
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 11:47 AM
แต่งานบุญใหญ่ มากันครบค่ะ นอกจากติดธุระจริง ๆ
สู้ ๆ นะคะ เพราะพี่สะไภ้ และ หลาน ๆ เข้าวัดก่อนทุก ๆคน เป็นเวลา 3-4 ปี แล้วคนที่บ้านถึงจะเข้าใจ และมาปฏิบัติธรรมกัน ทำใจใส ใจสบาย น่ารัก กับคุณพ่อ แล้วท่านจะมองเห็นเองค่ะ
อธิษฐานจิตบ่อย ๆ ทุกวัน ตอกย้ำ ไป เดี๋ยวสิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นเองค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#17
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 12:26 PM
#18
โพสต์เมื่อ 09 January 2009 - 11:10 AM
เกือบทุกคนจึงนำมาโพสอีกครั้งเพราะเห็นว่าอาจจะเป็นประโยชต่อคนที่อยากจะชวนพ่อแม่เข้าวัด
เรื่องของของพระสารีบุตรอัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา
ครอบครัวของพระสารีบุตรอัครสาวกผู้เป็นเลิศด้วยปัญญากว่าภิกษุทั้งหลายนับถือศาสนาของปริพาชกมาก่อน
(นับถือพรหมว่า เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง)
เมื่อพระสารีบุตรและพี่น้องร่วมอุทรอีกเจ็ดคน ออกบวชและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญาทั้งหมด
แต่ก็มิอาจทำให้โยมแม่ของท่านมีความเข้าใจมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ จนวันสุดท้ายที่ท่านจะต้องละสังขาร
ทิ้งกายมนุษย์ไปสู่อายตนะนิพพาน เหล่าพระราชาทั้งหลายในชมพูทวีป,เทวดาทั้งหลายมีพระอินทร์เป็นต้น
,พรหมทั้ง 16ชั้น,และ อรูปพรหมทั้งหลาย ต่างเข้ามานมัสการท่านและถามปัญหาข้อธรรมมะจากท่านเป็นครั้งสุดท้าย
รัศมีกายของทวยเทพทั้งหลายทำให้เมืองทั้งเมืองสว่างยิ่งกว่าตะวันเที่ยงเสียอีก โยมมารดาจึงกระซิบถามพระสารีบุตรว่าผู้
ที่มากราบลูกนั้นเป็นใครทำไมจึงมีรูปกาย/แต่งกายงดงาม มีรัศมีกายสว่างไสว พระสารีบุตรจึงตอบว่า นั่นคือพระอินท์บ้าง ,
มหาพรหมชั้นต่างๆบ้าง
ฯลฯ โยมมารดาจึงเพิ่งคิดได้ว่า "ลูกของเรายังมีอานุภาพเห็นปานนี้ แม้แต่พรหมที่เรานับถือยังมากราบนมัสการลูกเรา
แล้วพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเล่าจะมีอานุภาพปานใด" พระสารีบุตรตรวจดูวาระจิตของมารดาแล้วเห็นว่า
จิตโยมมารดาหย่อนจากทิฐิมานะแล้วจึงแสดงธรรม เมื่อแสดงธรรมจบลงโยมมารดาก็มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง พระเถระเจ้าก็นฤพาน
จะเห็นว่าแม้พระสารีบุตรจะมีปัญญามาก และมีพี่น้องเป็นอรหันต์ถึง7องค์ ก็ยังต้องใช้เวลาทั้งชีวิตกว่าจะทำให้มารดามี
ความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้
แล้วเราล่ะ สติปัญญาของเรามีไม่ถึงหนึ่งส่วนในสิบหกส่วนของท่านด้วยซ้ำ และเราก็ไม่มีพี่น้องที่เป็นพระอรหันต์
เลยสักคน(หรือใครมีช่วยบอกด้วยครับ อยากทำบุญกับท่าน)ดังนั้นการที่แม่ของเรายังไม่เข้าใจในการสร้างบารมีของเรา
ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบร้อน ขอให้เราสร้างบารมีต่อไป
และค่อยๆอธิบาย(ในเวลาที่ท่านพร้อมจะฟัง)ให้ท่านฟังไปเรื่อยๆ และให้ชวยท่านทำบุญบ่อยๆ สักวันท่านจะเข้าใจเอง
หากเราทำให้ท่านมีศรัทธา มีความเข้าใจได้ก่อนที่วันสุดท้ายของเราจะมาถึง ก็นับว่าเรา โชคดีกว่าพระสารีบุตรแล้ว
ให้นึกเสมอว่า ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ เราเป็นเด็กในสายตาของพ่อแม่เสมอ และให้นึกถึงพระสารีบุตรไว้เตือนใจ
การที่ใครสักคนจะเข้าใจในคำสอนและบังเกิดศรัทธาได้คนผู้นั้นต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิด เพราะคำสอนของพระพุทธศาสนา
เป็นคำสอนที่สวนกระแสกิเลสที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ ดังนั้นถ้าบุญน้อยๆแม้เกิดมาได้ฟังคำสอนจากพระพุทธเจ้า
ก็ไม่อาจบรรลุธรรมใดๆได้และอาจทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อพระพุทธเจ้าก็ได้เช่น
พระเทวทัตทั้งที่ได้เกิดเป็นญาติของพระพุทธองค์แท้ๆ ยังไม่อาจบรรลุธรรมใดๆซ้ำยังทำกรรรมอันหนักอีกด้วย
สร้างบารมีต่อไป และอย่าท้อใจครับ ให้ทำเฉยๆ คือหยุดนิ่งเฉย นั่งสมาธิอธิฐานจิตตอกย้ำบ่อยๆ
แล้วท่านจะมีความเข้าใจในสักวันแน่นอนครับ สู้ต่อไปนะ ต้องสู้จึงจะชนะ
#19
โพสต์เมื่อ 14 January 2009 - 08:22 AM
ตอนนี้ บางครั้งถ้าไม่อยู่บ้านพ่อจะเปิด DMCนอนดู (คล้ายๆคิดถึงลูกเลยดู DMC เพราะลูกดูทุกวันน่ะค่ะ) ปลื้มสุดสุดเลยค่ะ อิอิ