ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 2 คะแนน

ผมทรมาณมากๆๆๆ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 28 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr28668

usr28668
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 March 2009 - 11:08 PM

คือเรื่องที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้มันอาจจะดูเหมือน เรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องโง่ๆ สำหรับพวกคุณนะครับ แต่อยากให้คุณเข้าใจในตัวของผม เพราะผมเอง ก็ ทรมาณทั้งกาย และ ใจ กับอาการโรคของผมมาก คือเรื่องมันเป็นอยู่ว่า ผมเป็นโรคOCD ครับ ซึ่งบ้างคนอาจจะรู้จักโรคนี้ในชื่อของโรค ย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้จะมีพฤติกรรมที่แปลกก็คือ จะ คิด จะพูด จะทำ ในสิ่งโง่ๆ หรือในสิ่งที่ตนเองก็รู้อยู่แล้วว่าไม่อยากทำและไม่ควรทำ แต่ห้ามตัวเองให้ไม่ทำไม่ได้ แล้วก็จะทำบ่อยๆ ทุกครั้ง เป็นประจำ แต่เมื่อทำลงไปแล้วก็จะเป็นทุกข์และทรมาณใจมาก แล้วส่งผลกระทบทำให้เครียด โดยอาการของผมนี้ คือ เมื่อผมเดินผ่านรูป หลวงปู่ หรือ คุณยาย หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย(หรือสิ่งที่ผมคิดว่าคิดไม่ดีแล้วมันจะบาป) ผมก็จะคิดไม่ดีต่อสิ่งเหล่านั้น เช่น นึก ด่า นึกว่า และนึกไม่ดีในสิ่งนั้นต่างๆโดยทั้งที่ผมไม่อยากที่จะทำแบบนั้นเลย แต่มันห้ามไม่ได้ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ โดยหลังจากที่ผมนึกไม่ดีกับสิ่งเหล่านั้นแล้ว ผมก็มานั่งเสียใจว่า เราไม่ควรทำอย่างนั้น เราไม่น่าทำอย่างนั้น เราไม่อยากทำอย่างนั้น แต่ทำไม เราถึงต้องทำด้วย แล้วเราทำไปแล้วเราจะบาปไหม หรือมีเหตุการณ์หนึ่ง คือ ผมเองนั้นเป็นคนที่มีคุณธรรมทางด้านหิริโอตัปปะสูงมากและกลัววิบากกรรมทุกชนิด ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเล่ามา โดยเฉพาะวิบากกรรมที่เกิดจากการอนุโมทณาบาป ผมกลัวมากๆ จึงทำให้เวลาที่ผมนั้นได้รับรู้ รับทราบ เรื่องราวต่างๆที่ผู้อื่นประสบหายนะ ผมก็จะ ใจผมก็จะนึกว่า"สมน้ำหน้าสมควรโดนอย่างนั้นแล้ว" หลังจากที่ผมนึกจบผมเอง ก็บังเกิดความทุกข์ทรมาณ ทางใจอย่างแสนสาหัส เพราะผมกลัวผลของบาปที่ผมได้อนุโมทณาบาปลงไป และยังนึกเสียใจที่เรานั้นไม่สามารถห้ามความคิดของเราให้ไม่ทำอย่างนั้นได้ ปัจจุบันนี้อาการย้ำคิดย้ำทำของผมกำเริบหนักขึ้นไปทุกข์ที่ จนทำให้ผมเครียดอย่างหนัก จนบ้างครั้งผมก็คิดบ้าๆ ว่าจะฆ่าตัวตาย แต่นึกถึงคำพูดของหลวงพ่อที่ว่า ถ้าเราฆ่าตัวตายไป มันจะเป็นบาปอย่างมหันต์ต่อตัวเอง และจะทำให้ผมไปเกิดในมหานรก ไม่สิ(ผมพอมีบุญอยู่บ้าง) ผมน่ำจะไปเกิดที่ยมโลก หรือ โลหะกุมภีร์ อะไรพวกนั้น พอผมนึกอย่างนั้นได้ผมจึงไม่คิดที่จะฆ่าตัวตายอีก อาการของโรคที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกครั้งที่ผมนั่งสมาธิจิตใจผมจะไม่สงบ ยังนึกฟุ้งถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนั้นอยู่ และยัง ส่งผลให้จิตใจของผมนั้นคิดฟุ้งตลอดเวลาอยู่ในพิธีงานบุญใหญ่ๆ จะมีวิธีใดช่วยให้ผมหายจากอาการประหลาดๆอย่างนี้ได้ไหม แล้ว วิบากรรมทางมโนทุกชนิดที่เกิดจากโรคocdโดยผมไม่ได้ตั้งใจหรือต้องการให้เกิดนี้ จะมีผลกับผมอย่างไร


และสุดท้ายนี้ผมขอขอบพระคุณนักรบรื้อวัฏฏะทุกท่าน ที่อุตส่าห์แสดงความคิดเห็นเพื่อช่วยเหลือผม ขอบคุณมากๆครับ




#2 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 March 2009 - 12:28 AM

ผมก็เป็นแบบนี้จนบางทีก็แปลกใจว่าทำไม เพราะอะไร คำด่า คำหยาบ คำดูหมิ่น หรือจินตนาการพิเรนทร์ ๆ ในทางไม่ดีมันจึงออกมาอยู่เรื่อย ๆ และอัตโนมัติจนบางทีสงสัยว่ามันเป็นอะไรกันแน่ที่ทำให้เราเป็นแบบนี้

แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป เพราะผมได้พบกัลยาณมิตรมากมายที่ทำให้ผมรู้ว่า ไม่มีอะไรที่แย่จนแก้ไขไม่ได้ อยู่ที่ว่าเราอยากแก้ไขจริงหรือเปล่า และพยายามที่จะแก้ไขมากน้อยแค่ไหน

หากเราไม่รู้ เราก็ต้องศึกษาให้มาก เมื่อรู้แล้วก็ต้องนำมาทำให้มาก ในเมื่อคิดไม่ดี ก็ต้องหมั่นคิดดีเอาไว้สู้ บางครั้งคิดไม่ดี ก็ต้องฝึกคิดจนกว่ามันจะดีจนได้ แล้วก็ไม่ต้องไปใส่ใจมัน คิดหลบหลู่ได้ เราก็คิดขอโทษในใจได้ คิดดีให้หนัก ๆ บ่อย ๆ และหมั่นเลิกคิดด้วยก็จะดีมาก มันหายก็ช่าง มันไม่หายก็ช่าง เราไม่ใส่ใจซะอย่าง เป็นทางเดียวที่มันจะทุเลาหรือหายได้

หากเราไปตอกย้ำ มันก็ยิ่งกลายเป็นแผลลึก เราใช้สติ ใช้ปัญญาทาถูเข้าไป แล้วผลมันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน มันไม่หายทันทีก็ไม่เป็นไร ขอแค่มันดีขึ้นก็พอใช้ได้ สักวันมันก็คงหายไปเอง

แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ปลง ๆ ซะบ้าง ปล่อยว่างซะบ้าง อย่าไปคิดว่ามันเป็นเรื่องดี อย่าไปคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี คิดแค่ว่ามันมาเองได้ มันก็ไปของมันเองได้ และไม่ว่ามันจะยังอยู่ ก็ใช่ว่าเราจะทำเรื่องดี ๆ อื่น ๆ ไม่ได้ เพราะอย่างน้อยมันก็แค่เป็นในระดับความคิด อย่าให้มันหลุดออกมาจนเป็นคำพูดหรือการกระทำก็นับว่าใช้ได้

#3 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 March 2009 - 08:13 AM

OCD=Obsessive-Compulsive Disorder
- แม้ย้ำคิดย้ำทำ กังวลเกินเหตุ จนบุคลิกภาพผิดปกติ
- แต่ก็เป็นผู้มีวินัย รักสะอาด เคารพในกฎเกณฑ์

- ควรเน้นสัมมาสติ หมั่นทบทวนการบ้าน10ข้อ ของคุณครูไม่ใหญ่

#4 Soldier Class One

Soldier Class One
  • Members
  • 130 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 March 2009 - 08:24 AM

ผมก็เคยเป็น ตอนอบรมธรรมทายาท ตอนนี้ก็เป็นบ้าง บางเวลา เมื่อก่อนกังวลมากๆ กลัวบาป

แต่ตอนนี้ ผมใช้วิธีนี้ครับ

ผมก็มาคิดดูว่า ระหว่าง ไอ้ความคิดไม่ดี ของตัวเรา กับ ความคิดที่ดี ของตัวเรา

ใครจะแน่กว่ากัน แต่ผมเอาใจช่วย ความคิดฝั่งดีนะครับ

ผมมีความคิดแบบนั้น แวป ขึ้นมาเมีื่่อไหร่ ผมก็จะเอาใจไว้ที่ ศูนย์กลางกาย

หรือนึกอะไรก็ได้ที่เป็นบุญ เป็นกุศล มาแทนที่ ความคิดเดิม เช่น สร้างพระ ปล่อยปลา
บวชธรรมทายาท นั่งสมาธิ รับบุญ ช่วยงานหลวงพี่ บุญที่เคยทำมาทุกบุญ

แล้วก็อย่าไปกังวล กับความคิดที่ไม่ดี ให้ทำความรู้สึกว่า เรามีความมั่นใจในความคิดที่เป็นบุญ ของเรามากกว่า

เวลาทำบุญก็อธิฐานจิตให้ บุญได้ช่องส่งผล ละเอียดตลอดเวลา
บาปที่ผ่านมาก็ ขออโหสิกรรม เสริมจากอธิฐานจิตเดิม

และก็วันอาทิตย์ ที่มาวัดก็ ตั้งใจสวดมนต์ตอนหลวงพ่อ นำสวดมนต์ตอนเช้า
หลวงพ่อจะนำขอขมาพระรัตนตรัย ด้วนนะ ตั้งใจฟังดีๆ นะครับ

นึกอะไร ไม่ออกก็มองดูดวงแก้วละกันนะครับ

ไฟล์แนบ



#5 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 March 2009 - 08:46 AM

เพิ่มเติม
- คิด พูด ทำ ให้เกิดมงคลชีวิต...ตั้งตนชอบ...
- ข้อสำคัญ...ระวังอย่าให้ผังคิดสั้นมาตัดรอนการสร้างบารมี

ท้ายนี้ขอบคุณ เพื่อนสมาชิกที่ช่วยโพสต์การบ้านของคุณครูไม่ใหญ่ มาเป็นการทบทวน

ขอ จขกท.หาย และ ฟื้นจากโรคภัยในเร็ววันครับ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#6 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 March 2009 - 01:34 PM

ขอเป็นกำลังใจให้คุณนะครับนั่งสมาธิภาวนาให้มากๆใจจะได้ใสสงบ ถ้าคิดไม่ดีขึ้นมาอีกก็ให้คิดในใจว่า สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง คิดแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหยุดคิด แล้วก็หมั่นสั่งสมบุญบารมีไปเรื่อยๆ ทาน ศีล ภาวนา แล้วก็อธิษฐานจิตล้อมกรอบเอาไว้ให้ดี ขอให้โชคดีนะครับเป็นกำลังใจให้เสมอ

#7 Kodomo_kung

Kodomo_kung
  • Members
  • 323 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 March 2009 - 03:01 PM

ทำตามการบ้าน10ข้อ ของคุณครูไม่ใหญ่ให้มากๆ อินทรีย์สังวรครับ ถ้าสะดวกวันพระถือศีลแปดในวันพระ ให้เวลาสักนิดใจเย็นๆ

ไฟล์แนบ



#8 Lucky Girl

Lucky Girl
  • Members
  • 653 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 March 2009 - 06:57 PM

ไม่ต้องกังวลมากหรอกค่ะ เคยได้ยินว่าบางคนก็เป็นแบบนี้

ค่อยๆ ขัด(เกลา) ใจของเราไปเรื่อยๆ ค่ะ ลองอ่านคำสอนของมหาปูชนียาจารย์บ่อยๆ ซิค่ะ เราจะซาบซื้งถึงเมตตาของท่าน ใจจะเริ่มละเอียดขึ้นเรื่อยๆ แล้วขอบุญบารมีท่านคุ้มครอง อย่าโกรธหรือเกลี่ยดตัวเองเลยค่ะ ให้เมตตาตัวเองมาก ๆ แล้ว หมั่นอ่านและฟังธรรมะบ่อยๆ เดี๋ยวก็ค่อยๆ ดีขึ้นน่ะ





#9 $MARH.<<072>>

$MARH.<<072>>
  • Members
  • 35 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 March 2009 - 10:40 PM

หนุทำเหมือนความคิดเห็น #4 จ้า !!

แบบ ก้เตือนๆตัวเองอ่ะ
พอนึกสิ่งไม่ดีก้บ่นๆตัวเอง
แบบ มันไม่ดีอ่ะ จะคิดไมว่ะ
คิดไปก้แค่นั้น ถ้าตายไปตอนนี้ก้ลงดิ่งอ่ะดิ
เพราะฉะนั้นคิดเรื่องดีดี ดีกว่า
อย่างน้อยตายตอนนี้ก้ขึ้นสวรรค์


สุ้เค้า ๆ * เป้นกำลังใจให้เสมอจ้า


#10 จันทร์ยิ้ม

จันทร์ยิ้ม
  • Members
  • 205 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 March 2009 - 05:40 PM

น่าเห็นใจท่านเข้าของกระทู้


ก็ทำความเคารพบุคคลที่เคารพบูชาบ่อยๆๆ แบบสุดหัวใจดูชิค่ะ

เช่นเมื่อเดินผ่านรูปหลวงปู่ คุณยาย ฯลฯ ก็ให้ยกมือขึ้นไหว้ทุกครั้ง

หรือถ้ามีสถานที่พอก็ให้ก้มลงกราบท่านด้วยหัวใจที่เคารพอย่างสูงสุด

หรือถ้าครั้งใดคิดในสิ่งที่ไม่ดี แม้ไม่มีใครรู้แต่เรารู้ตัวเรา

ก็ให้ "อุกาสะ" ยกมือพนมขอขมาลาโทษในเดี๋ยวนั้นทันที

ทำบ่อยๆๆน่าจะระลึกตรึกในความดีได้อย่างสุดหัวใจ ขอให้หมดกรรมไวๆๆค่ะ



#11 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 March 2009 - 10:58 PM

ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปครับ ผมก็เป็นแบบ จขกท เหมือนกัน ก็พยายามคิดแต่สิ่งที่ดี ๆ แต่บางครั้งใจก็พลั้งเผลอไปเหมือนกันครับ

#12 น้ำค้างกลางใจ

น้ำค้างกลางใจ
  • Members
  • 25 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 09:38 PM

เมื่อก่อนเราก็เคยเป็นแบบนี้ มันทรมานใจมากเหมือนกัน แต่เราเป็นหนักกว่าคุณอีก เป็นจนต้องกินยา
คลายเครียดเลย แต่เราดู Case บ่อย หลวงพ่อบอกว่ามันเป็นเศษกรรมสุรา แต่ตอนนี้เราหายเกือบหมดแล้ว
วิธีแก้ไขเบื้องต้นก็คือ คุณจะต้องสวดมนต์เยอะ ๆ คุณยายบอกว่า สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน
ถ้าอกุศลมันเข้ามาครอบงำใจเมื่อใด ให้ภาวนาสู้กับความคิดไม่ดี และหมั่นสวดมนต์ทุกวัน บางทีเราสวดมนต์
จบเดียวไม่หาย เราก็จะสวดทุกบทเลย และเวลาสวดมนต์ให้เอาใจจดไว้ที่บทสวดทุกคำ ช่วงนี้อย่าเพิ่งทำสมาธิ
เพราะใจไม่นิ่ง จะยิ่งคิดไปกันใหญ่ สวดมนต์ก่อน และพยายามทำหนึ่งชั่วโมง หยุดใจหนึ่งนาที และที่สำคัญ
ทำบุญทุกบุญให้อธิษฐานให้พ้นจากวิบากกรรมนี้ หรืออธิษฐานทุกวัน ให้บุญช่วยตัดรอนวิบากกรรมเหล่านี้
แล้วคุณก็จะดีขึ้น ที่พวกเราเป็นอย่างนี้เพราะมีกรรมเก่า และมารก็พยายามแทรกอกุศลเข้ามาให้พวกเราได้บุญ
กันไม่เต็มที่ ให้คุณคิดว่าทุกอย่างเป็นมารมาแทรก ไม่ใช่คุณคิด เคยฟัง Case นี้มีคนเป็นกันเยอะเหมือนกัน
คุณพยายามอย่าเครียดกับมัน ถ้ายิ่งเครียด คุณจะยิ่งแย่ ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ้นจากวิบากกรรมนี้นะคะ



#13 middleway

middleway
  • Members
  • 114 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 March 2009 - 11:39 PM

เห็นด้วยกับ "น้ำค้างกลางใจ"

สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน


#14 ธงรบ

ธงรบ
  • Members
  • 51 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:@072

โพสต์เมื่อ 08 March 2009 - 03:44 PM

ผมก็เคยเจอปัญหาคล้ายๆกันครับ แต่ตอนนี้น้อยลงไปเยอะแล้วครับ
ก็ต้องทำใจสบายๆ นะครับ จับและหยุดความคิดของเราเอาก่อน อย่าบีบครั้นกดดันตัวเรา ให้ทำใจ"เบาๆ" "สบายๆ" ปล่อยวาง ว่างๆ แล้วตัดความคิดที่ไม่ดีออกไปก่อนเลยครับ เหมือนตัดไฟแต่ต้นลมครับ
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=19012

"ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย ใจในร่างกายกลับไม่เจอ...
ทุกข์ที่เกิดซ้ำเพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข"

#15 noon

noon
  • Members
  • 29 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 March 2009 - 07:34 PM

ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องหรอกค่ะ อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ
ขอเอาใจช่วยให้พยายามทำตามคำแนะนำที่กัลยาณมิตรทุกท่านแนะนำ
ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ

ตัวเองก็เคยเป็นหนักเหมือนกันค่ะ
เคยเป็นแล้วกลัวจนนั่งร้องไห้ในที่ปฏิบัติธรรม
จนวิทยากรและผู้ที่ร่วมปฏิบัติท่านสงสารเลย
ตอนนี้เบาลงมาก และเชื่อว่าอาการเหล่านี้ต้องหายไปจนได้ค่ะ
เชื่อว่าที่เบาลง คงมาจากการที่ทุ่มทำบุญเต็มกำลังที่มี
การอธิษฐาน และการที่พยายามคุมสติต่อเนื่องค่ะ

ขอให้ คุณ จขกท. หายจากอาการนี้โดยเร็วที่สุดเลยนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ
เพราะทราบและเข้าใจดีว่าทรมานมากๆ จริงๆ
..ไม่อยากให้ความคิดทางลบเกิดขึ้น
แต่เหมือนมันผุดมาเองจากไหนไม่รู้
ทำให้ใจตก ลำบากใจ กลัว เกรง ใจขุ่น
ทั้งยังเป็นอุปสรรคมากในการปลื้มในบุญ
การทำจิตน้อมเคารพ และการเข้าใกล้บุคคลและสิ่งที่ควรบูชา
จะมีความกลัวเกรงบาป และความระแวงแทรกตลอด
ทั้งๆ ที่ ในใจจริงเคารพมากสุดๆ

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ให้คำแนะนำด้วยนะคะ ..สาธุ
ตัวเองก็จะนำคำแนะนำไปปฏิบัติให้หายขาดให้ได้ค่ะ




#16 myself

myself
  • Members
  • 170 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 March 2009 - 01:02 PM

โรคนี้เกิดจากความวิตก กลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
คือเป็นคนที่มีความคิดที่ดีนะครับ
แต่ว่าเราคิดมากเกินไป วิธีแก้ไขก็คือไม่ต้องสนใจ
คิดว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรนอกจากเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นมันไม่มีความแน่นอน มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และก็ดับไป
มันก็เป็นอย่างนั้น
เมื่อก่อนผมก็เป็นแต่เดี่ยวนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว
อยากจะบอกคนตั้งกระทู้ว่าผมเป็นมากกว่าอีก แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้น
ครับ
ให้วางอุเบกขาแล้วใจจะสงบขึ้นเอง happy.gif smile.gif

#17 อยู่ได้ด้วยบุญ

อยู่ได้ด้วยบุญ
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 March 2009 - 03:51 PM

ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้อีกคนค่ะ คือว่าเราก็เคยเป็น ก็คิดว่าหนักในระดับหนึ่งที่เดียวแต่จำเป็นต้องรักษาเยียวยาตัวเอง ความคิดไม่ดีเข้ามาทำให้รู้สึกผิดมาก กลับบาป กลัวตกนรก กลัวสารพัด จนกลายเป็นโรคเครียดเลย สิ่งที่ตามมามีดังนี้

นอนไม่หลับไปเจ็ดวัน ต้องไปหาหมอกินยาคลายเครียด ตื่นไปทำงานไม่ได้ ชีวิตช่วงนั้น งง มาก
เหงื่อออกที่มือเท้า
ท้องเสีย
กลัวเวลาเดินทางคนเดียว เพราะกังวลไปหมด กลัวคิดไม่ดี กลัวเป็นบ้า ไปโน่นเลย
กลัวต้องพูดกลางที่สาธารณะ ขาดความมั่นใจ แต่ก่อนเป็นคนมั่นใจมาก
กลัวคิดไม่ดีมากๆจะทำไม่ดีด้วย
กลัวโน่นกลัวนี่ แบบไร้สาระ
ร้อนที่ท้อง ร้อนทั้งตัว
คิดแบบนี้มาเป็นปี ไม่รู้จะปรึกษาใคร เพราะไม่กล้าจะบอกใคร มันรู้สึกว่าทำไมเราเป็นแบบนี้
เป็นอย่างนี้มาเป็นปีๆ คิดดู ทรมานมากนะ

เวลาทำบุญก็อธิษฐานตลอด ขอให้พ้นจากความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่มันวิตกกังวล

เคยได้ฟังเคสหนึ่ง น้องเขาเป็นแบบนี้จนต้องไปหาจิตแพทย์
หลวงพ่อท่านบอกว่ามีอยู่ชาติหนึ่งคือว่าไม่เคารพพระรัตนตรัย เพราะอาจยังไม่รู้พระคูณของท่าน เลยทำให้คิดไปในทางลบแบบไม่ตั้งใจ ต่อมานับถือพระรัตนตรัย ก็เลยสำนึกผิด แต่ด้วยกรรมที่ทำบาปทางใจไว้ก็เลยต้องมารับกรรม ทำทางไหนรับทางนั้นจริงๆ แต่ท่านก็แนะนำให้ขอขมา แล้วนั่งธรรมะเยอะๆ สร้างบุญเยอะๆ มองโลกในแง่ดี คิดดีๆแทนเข้าไว้

ตอนฟังเคสจบก็มีกำลังใจนะ แล้วพอมาอ่านหนังสือจิตวิทยาจึงเข้าใจว่ามันเป็นปัญหาทางจิต จิตที่วิตกกังวลเกินเหตุ ซึ่งจริงๆแล้วมันได้มีอะไร เรามักจะคิดไปเอง นักจิตวิทยาบอกว่าอย่าไปบีบคั้นตัวเอง อย่าโทษตัวเองเวลาความคิดแบบนี้เกิดขึ้น แค่บอกตัวเองว่าเป็นความคิดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ และเราก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำเช่นนั้น ก็ปล่อยไป คือถ้าเรากดดันว่าเราผิด เราจะทุกข์อย่างหนัก จะนำไปสูภาวะเครียด กังวล ทำให้ทุกข์ได้

อย่ากักขังตัวเอง อย่าโทษตัวเอง เราก็เป็นคนมีโอกาสพลาดกันบ้าง แค่เรามีสติว่าเราก็เป็นคนดี จริงๆเราเป็นคนดีนะ เราถึงได้รู้สึกสำนึกผิดงัย

หลังจากนั้นเราก็ปลงๆ คิดไม่ดี ก็ช่างมัน ก็แค่ความคิดที่จะมาทำให้เราทุกข์ อยากคิดคิดไป แค่มองเฉยๆไม่ต้องไปตาม เชื่อไหมคนเราไม่ได้อยู่กับความคิดเดียวไปทุกนาที เราเปลี่ยนความคิดตลอดแหละ เพราะฉะนั้น คุณก็ไม่ได้คิดไม่ดีตลอด คุณก็ต้องคิดดีด้วยหล่ะ ไม่งั้นจะมาเป็นลูกหลวงพ่อเหรอ

มองตัวเองในทางบวก และเริ่มคิดบวกบ่อยๆช่วยได้นะ และก็ไม่ต้องคิดสั้นนะ ชีวิตก็ต้องสู้ สร้างบารมีกันต่อไป ถ้าท้อถอยก็โทรมาได้ 083-025 3372 ยินดีเป็นเพื่อนกัลยาณมิตรให้ทุกคนที่เป็นเหมือนกัน สู้ สู้ ต้องสู้ถึงจะชนะนะ







#18 แก้วใสเย็น

แก้วใสเย็น
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 March 2009 - 11:49 AM

ก็เฮ็ดใจ ซือๆ เสยๆ เอาไว้ดีกว่านะ ถ้ามันคิดก็ไม่ต้องไปสนใจ เอาเวลาไปนึกถึงบุญใหญ่22เมษารนี้ดีกว่านะ คิดเสียว่าความคิดพวกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเรา ปลงๆ ซะบ้างเถอะค่ะ ทำใจให้สบายๆ อ่านหนังสือธรรมะ ฟังเพลงธรรมะก่อนนอนได้สวดมนต์บ่อย ๆ ตอนตี 4 ก็ตื่นมาทำวัตรเช้า ตอนเย็นเวลา18.00น.ก็บูชาเจดีย์ที่วัดพระธรรมกายหรือถ้าไม่ได้ไปก็บูชาที่dmcก็ได้นะ จากนั้นก็นำดอกไม้ไปบูชาพระ สวดมนต์ทำวัตรเย็น เราก็ทำทาน รักษศีล เจริญสมาธิภาวนา ดิฉันเองก็เป็นนะ แต่ก็ไม่สนใจมัน มันจะคิดก็ช่างมันสิ มันก็ไม่ได้อยู่กับเราไปจนตลอดชีวิตหรอก แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจมัน ตอนนี้ดิฉันตรึกถึงแต่บุญใหญ22เมษาที่กำลังจะเกิดขึ้นใจของหนูมันก็ใสพี่ก็ลองทำดูสิคะ แล้วก็ไม่ต้องไปเครียดกับมันนะคะเรามาร่าเริงกับบุญใหญ่กันดีว่านะคะ ขอให้หายคิดไวๆนะคะ และก็อย่าคิดสั้นนะ แต่พี่ก็คงไม่คิดสั้นอยู่แล้วละเพราะพี่คือลูกหลวงพ่อนี่นา(แต่ว่าถ้าคิดละก็ หนูก็ขอบอกไว้เลยค่ะว่าถ้าพี่ฆ่าตัวตายพี่ไม่ได้ขึ้นสวรรค์กะเขาแน่ ๆ หน่ำซ้ำ เกิดไปชาติหน้าเผลอๆอาจต้องมาเจอปัญหาแบบนี้อีกก็ได้ ฉะนั้น พี่จงสู้ต่อไป สู้ให้ถึงที่สุด สุดเมื่อไรก็ชนะเมื่อนั้น )และคำแนะนำจากสมาชิกdmc ของเราก็ดีมากๆ นะคะ พี่ก็นำไปปรับใช้ก็แล้วกันนะคะจะได้ดีขึ้น ต้องสู้ต้องสู้จึงจะชนะ ขอให้ปิดเจดีย์ให้ได้นะคะ และก็ปิดใจที่หม่นหมองเปิดใจที่ใสใส มางานบุญใหญ่ 22 เมษนี้ เด้อ

เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี


#19 แก้วใสเย็น

แก้วใสเย็น
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 March 2009 - 06:29 PM

บุญบูชาเจดีย์น่ะเป็นบุญใหญ่มาก ๆเลยนะ อย่าพลาดล่ะ มีทุกวันเลย เวลา 18นาฬิกา ห้ามพลาดนะคะทุกคน สาธุ

เกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี


#20 cookie

cookie
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 March 2009 - 11:05 PM

อึมม อยากจะบอกคุณว่า สงสารแต่ไม่ต้องคิดวิตกกงวลมากไปหรอกนะค่ะ
มันคงเป็นกรรมเก่าของเรา และน่าจะเป็นเศษกรรมแล้ว โรคนี้หายได้ค่ะ
กับสัญนิฐานวิทยา ว่าเป็นมารเข้าแทรก บังคับให้ คิด พูด ทำ ที่หลวงพ่อบอก เค้าบังคับเราได้ค่ะ

ก็ให้สวดมนตรฺ์ ให้ใจนิ่ง เพราะใจนิ่งเป็นสมาธิดีจากการได้สวดมนต์ แล้ว

ก็ให้นั่งสมาธิ ต่อ สัก5-10 แล้วก็เพิ่มเวลาขึ้นไปเรื่อยๆ แรกๆถ้าทรมานกับความคิด ก็ให้นึกถึงภาพเวลาที่เราได้ทำบุญใหญ่บุญที่เราปลื้มสุดๆ ก็จะแก้ไขได้บ้างไม่มากก็น้อยนะค่ะ

ถ้าได้นั่งสมาธิบ่อยๆ ก็จะดีขึ้นเองในทุกๆด้านค่ะ ถึงแม้ใครมาด่า ใจเราก็จะนิ่งเฉยไปเอง
ไม่ยินดียินร้าย ไม่ใส่ใจ เพราะใจเรามันไม่อยากใส่เอง มันจะเป็นของมันเองค่ะ เราแทบไม่ได้ทำไรเลย ไม่คิดสวนกลับ หร่อคิดโกรธ ร้อนใจ แถมฉลาดตอบแบบไม่รู้ตัวเองด้วยเหมือนกัน สิ่งที่มากระทบก็ไม่มีความหมาย มันก็จะกระเด้งกระดอนไปเองง่ะคะ แม้แต่ความคิดก็จะคิดแต่สิ่งดี มีแต่สุขดีที่หนึ่งเลย เพราะฉนั้นต้องหมั้นทำสมาธิไปเรื่อยๆ บ่อยๆ และก็ให้สังเกตดู
แล้วเราก็จะรู้ว่าเราผิดสังเกต เพราะตัวเราเองเป็นคนคิดมากเหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่เท่ากับคุณ แต่ก็ขอเอาใจช่วย
นะค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ และขอนุโมทนากับทุกบุญที่คุณได้ทำไว้ดีแล้วด้วยนะค่ะ

#21 [B]ondGaI[D]

[B]ondGaI[D]
  • Members
  • 20 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 August 2009 - 12:36 AM

ผมก็เป็นเหมือนกับเจ้าของกระทู้นะครับ แต่อาการไม่ค่อยหนักมากเท่าไหร่ เวลาเป็นไม่ได้เป็นในโลกปกติน่ะคับ มักจะเป็นในโลกทางธรรม คือต้องเจอพระสงฆ์ ซึ่งท่านเป็นเนื้อนาบุญของเรานั่นแหละ แล้วใจอกุศลมันมักจะผุดขึ้นมาประจำ ช่้วงแรกๆผมก็กังวลเหมือนกันคับ แต่ช่วงนี้ผมก็พยายามหักห้ามใจตัวเอง พยายามคิดแต่สิ่งที่ดีๆเข้าไว้ นึกถึงดวงแก้ว องค์พระ และอะไรที่ดีๆไว้แบบไม่ต้องสนใจมัน นึกถึงแต่ศูนย์กลางกาย สวดคำภาวนา พยายามทำทุกๆอย่างเหมือนกัน ช่วงนี้ก็เริ่มลดลงบ้างแล้วเหมือนกันคับ ผมคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดจากอกุศลที่มารมันเข้่ามาแทรก ผมเลยคิดเอาไว้ว่าเราต้องเอาชนะมันให้ได้ ต้องใช้ความดีปะทะคับผม พึ่งรู้ว่ามีคนเป็นเหมือนผมเยอะเหมือนกันนะเนี่ย และเรื่ิองการคิดสั้นผมก็เป็นคับ ก่อนที่จะมาเจอวัดน่ะ ผมเป็นบ่อยมากๆเลย คือผมมักจะถามตัวเองว่า เกิดมาแล้วทุกข์จะเกิดมาทำไม ซึ่งความคิดที่จะฆ่าตัวตายของผมนั้นมันดูจะทำง่ายมากๆเลยคับ คือความคิดฝั่งดีออกมาบอกว่าการฆ่าตัวตายมันเป็นบาปหนักมากๆเลยนะ แต่มันสะกิดใจผมเพียงนิดเดียว แต่หลังจากที่ผมได้มาเจอวัด เจอกัลยาณมิตร หลวงปู่้ คุณยาย และก็หลวงพ่้อ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าชีวิตของเราไม่น่ารีับตาย ควรจะรักษาชีวิตไว้สร้างบารมีให้มากกว่านี้ อะไรทำนองนี้น่ะคับ เพราะงั้นผมถึงรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ก็ยังรู้สึกปลื้มใจอยู่เสมอๆ ช่วงนี้ผมก็เลยหมั่นสร้างบุญ สร้างบารมีัใ้ห้มากๆ จะได้ไม่ไปอบายและโดนกิเลสอาสวะเข้าแทรกอีก

ยังไงก็เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้นะคับผม^^

#22 prem

prem
  • Members
  • 128 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 13 January 2010 - 09:18 PM

เป็นเหมือนกันค่ะ เวลาเป็นก็จะพยายามนึกถึงพระรัตนตรัยค่ะ หรือไม่ก็นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่, หลวงพ่อ, และคุณยายค่ะ แล้วเวลาอธิษฐานจิตก็ต้องล้อมกรอบด้วยว่า ขอให้จิตเราสูงส่งขึ้นเรื่อยๆ ความคิดที่เป็นอกุศล หรืออบาย+กิเลสขออย่าให้ได้มีความคิดเหล่านั้นเพียงนิดเดียวก็อย่าได้มีค่ะ อย่าลืมนะคะว่า ก่อนที่เราจะมุ่งมาทางนี้ เราเวียนว่ายอยู่ในกิเลสมาตั้งกี่ปี ให้มารเข้าครอบครองใจเรามากี่ปี เราต้องพยายามและใช้ความอดทนให้มากเข้าไว้ค่ะ เมื่อเราหลุดพ้นจากตรงนี้ได้แล้ว เราจะไม่มีความคิดแบบนี้อีกเลยค่ะ เชื่อในพระรัตนตรัยนะคะ นึกอะไรไม่ออกก็ไปนั่งเข้าที่ ใจฟุ้งก็ภาวนา สวดมนต์ให้เยอะๆ ค่ะ แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์เยอะๆ ทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ

.."การนั่งธรรมะ คือ ความสุขที่เป็นยิ่งกว่าความสุขทั้งมวล"..

#23 ธนพล

ธนพล
  • Members
  • 34 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 July 2010 - 12:37 AM

ลองอ่านดูครับ

http://www.dmc.tv/fo...st=#entry138188

#24 ธาตุล้วนธรรมล้วน

ธาตุล้วนธรรมล้วน
  • Members
  • 255 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 July 2010 - 12:53 AM

เป็นโรคทางจิตใจอย่างหนึ่ง เข้าใจครับ ผมก็เคยเป็น

เวรจากสุราเมรยมัชชะปมาทัฏฐานาด้วยครับ

คนเหล่านี้บางทีฝึกแต่สติ หรือฝึกให้บังคับความคิดมากๆ ฝึกตามดูความคิด หรือไปกำหนดมากไป ก็จะยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่ แต่ต้องนึกธรรมะแทนที่ครับ

...................................................

แก้ง่ายมากครับเคศนี้ จากประสบการณ์จริง แนะนำมาหลายท่านแล้ว หาย จนกลายเป็นเรื่องชิวๆ ขำๆ ไปเลย


ต้อง "หยุดในหยุด" ครับ หยุดเป็นตัวสำเร็จ หยุดชนะทุกอย่าง


วิธีการหยุด

1 นึกดวงแก้วสว่างแทน ณ 072

2 กำหนดลมหายใจกระทบดวงแก้ว

3 ภาวนา "สัมมาอะระหัง"

สุดท้ายใจมันจะปล่อยวางไปเอง

ให้ทำกิจกรรมธรรมะภาคขาวแทนที่

เช่น ฟังเพลงธรรมะ แล้วร้องตามด้วยใจสบายๆ ฟัง และ ท่องบ่นบทสวดมนต์ ทำทั้งวันครับ เรื่อยๆ หา mp3 dvd เอาไว้เลย เปิดตาม ฮัมเพลง ฮัมบทสวดมนต์แทน

คนเป็นโรคนี้อย่าไปตามดูจิตมาก อย่าไปตามดูอารมณ์มาก ให้เอาอารมณ์ดีๆเป็นธรรมะเข้าไปแทนที่ซะ หยุดแล้วปล่อยวางไปเองไม่ต้องกำหนดมัน

หากอะไรที่คิดไม่ดีไปแล้ว ให้บอกตัวเองว่า เราไม่ได้คิดหรอก ภาคมารมันคิด เราถือเอาแต่ความคิดที่ดีเป็นภาคขาวแทนถ้าภาคมารมันกระซิบอีกก็ช่างหัวมัน อย่าไปสนใจ ให้มันพูดไปเถอะ เราจะร้องเพลงธรรมะ เราจะท่องบทสวดมนต์ให้มันฟัง

แล้วปล่อยวางไปเองโดยอัตโนมัติ อย่าคิดว่าเป็นเวรกรรมอะไรเลยครับ เพราะภาคมารเขาส่งเสียงมา เราไม่เกี่ยว เราจะยังเสียงธรรมะขึ้นมาแทนคู่ไปกับมัน แล้วมันจะกลบเสียงมันไปเอง อย่าไปใส่ใจ ภาคมารมันไม่เหนื่อยส่งเสียงมาก็เรื่องของมัน ก็แค่เสียงนกเสียงกา สว่างๆๆๆ ใสๆๆๆ

.................................................

ทางวิชชาธรรมกายเรียกสิ่งนี้ว่า อวิชชา ที่เขาสอดละเอียดมาเป็น เสียง ยืด ใย ยนต์ วิทยุ อายตนะ ลั่น แลบ ระเบิด

ดังนั้นอย่าไปตามอวิชชาครับ เรายังธรรมขาวอย่างเดียว หยุด ปล่อยวางไปเอง เอาธรรมะมาแทนที่ ไม่ต้องไปสนใจเขา


.................................................

ฟากการบ้าน 10 ข้อ ห้องมหาสิริมงคล 5 ข้อ และเทคนิกการปฏิบัติธรรม 5 ข้อ ไปหาดูนะครับ

สาธุครับ


ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ

ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ

เราตถาคต คือธรรมกาย

#25 ตะกร้าอีกใบ

ตะกร้าอีกใบ
  • Members
  • 1297 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 July 2010 - 09:37 AM

ต้องให้ทาน ถือศีล นั่งธรรมะ เป็นปกติ แล้วจะหายไปเอง เคยฟังจากเคสมาครับ ที่สำคัญคือนั่งธรรมะนะครับ
อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง

7 ส.ค. 48



#26 บ่าวอุบล

บ่าวอุบล
  • Members
  • 632 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 July 2010 - 02:54 PM

ขอให้หายไวๆ

#27 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 12 July 2010 - 04:27 PM

สวดมนต์ นั่งสมาธิให้แยะๆ แล้วอธิษฐานจิต ให้หายหรือพ้นจากวิบากกรรมนี้

ส่วนที่ว่าพอนั่งสมาธิแล้วฟุ้ง คิดโน่นคิดนี่ ก็ไม่ต้องกังวล มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่จะฟุ้ง ก็ปล่อยไป อย่าไปกดดัน แรกๆ ก็เป็นแบบนี้ นั่งสมาธิไม่ต่อเนื่องทุกวันก็เป็นแบบนี้ เมื่อสวดมนต์และนั่งสมาธิมากๆ เข้า ความฟุ้งที่ว่ามันจะหายไปเอง

และเมื่อรู้ตัวว่าเริ่มจะคิดไม่ดี ก็ให้ท่อง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง.... ไปเรื่อยๆ ท่อง สัมมาอะระหัง ไป จนกลบเสียงทางความคิดที่ไม่ดี

สู้ๆ นะคะ ยังไง เจ้าความคิดไม่ดี ต้องแพ้ สัมมาอะระหัง แน่ๆ

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#28 usr35692

usr35692
  • Members
  • 13 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 September 2010 - 10:23 PM

มัน เป็นวิบากกรรมที่ เราเคย ปรามาชพระไว้ในอดีต ครับ ไม่ใช่ทีคุณเป็นเดียว ทุกคนก็เป็นได้ มันเหมือนไวรัส การที่คุณห้ามไม่ให้คิดเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นกรรมเก่า เหมือนกันฝนจะตก คุณไปห้ามมันได้ไหม ก็ไม่ได้ เมื่อเป็นกรรมเก่า มันก็ไม่บาป เพราะใจคุณไม่มีจิตยินดีที่จะคิด วิธีแก้ที่ได้ผลที่สุด คือ เมื่อคิดก็ให้ปล่อยว่าง ช่างมัน เดี๋ยวมันจะหายไปเอง เมื่อหมดกรรม

#29 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 15 September 2010 - 03:51 AM

QUOTE
เมื่อเป็นกรรมเก่า มันก็ไม่บาป
อ้นนี้ไม่ถูกต้องค่ะ เมื่อกรรมเก่าบีบคั้นให้ทำบาป ก็ยิ่งสร้างบาปมากขึ้น วิธีแก้ไขต้องรีบสั่งสมบุญค่ะ โดยการ ทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิค่ะ และสิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้ผ่านไป อย่าเก็บเอามาคิดโทษตัวเองค่ะ เพราะเราไม่อาจตามไปแก้ไขสิ่งที่ทำไว้ในอดีตได้

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป