วิ่งตามอะไรกันในชีวิต
#1
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:39 PM
วันหนึ่ง...พวกกรุงเทพฯ...เอากฐินไปทอดที่วัด...
จัดงานกันใหญ่โต...มีหนัง...มีลิเก...มีดนตรี...ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน...
ก่อนทอดกฐิน..ผู้คนมารวมกันเต็มศาลา...
หลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา...
บอกให้ไปเอาเนื้อจากโรงครัวมาก้อนหนึ่ง...แล้วเอาเชือกมาด้วย...
หลวงพ่อจัดการ...เอาเนื้อ...ผูกติดกับหลังหมา...
ผูกเสร็จ...ก็ปล่อยหมา ...
หมาเห็นเนื้ออยู่บนหลัง...ก็ไล่งับ...
พอหัวโดดงับ...ตัวก็ขยับหนี...
เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง...
ยิ่งโดดงับเร็ว...ก้อนเนื้อก็หนีเร็ว...
โดดไม่หยุด...เนื้อก็หนีไม่หยุด...น่าสงสารหมามาก...
หมาโดดอยู่นาน...งับเท่าไหร่...เนื้อก็ไม่เข้าปากสักที...
ผู้คนบนศาลา...พากันหัวเราะชอบใจ...
หัวเราะเยาะหมา...ว่าทำไมมันถึงโง่ยังงี้...
ไล่งับ...จะกินเนื้อ...ที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทัน ตลอดชีวิต...
หลวงพ่อ...มองดูด้วยความสนุกสนานจนหนำใจแล้ว...
ก็แก้เชือกออกมากหลังหมา...
แล้วหันมาพูดกับญาติโยมว่า...
มนุษย์เรา...มีความรู้สึกว่า...ตัวเองพร่อง...ตัวเองยังไม่เต็ม...
ต้องเติมตลอดเวลา...เติมไม่หยุด...เพื่อให้ตัวเองเต็ม...
เราอยากสวย...อยากทันสมัย...
ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด...ทันสมัยที่สุดใส่...
ดีใจได้เดือนเดียว...มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว...สวยกว่า...ทันสมัยกว่า...
อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่...
ซื้อเสร็จ ๓ เดือน...รุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว...
ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด...
๒ เดือนต่อมา...มีรุ่นใหม่กว่าออกมา...ของเราตกรุ่น...
ซื้อรถเบนซ์...ทันสมัยที่สุด...แพงมาก...
ขับได้ ๖ เดือน...มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว...
ทันสมัยกว่า...แพงกว่า...ของเรากลายเป็นเชย...
เราต้องก้มหน้าก้มตา...ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน...หาเงินมา...
เพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย...
ซื้อเสื้อผ้าใหม่...มือถือใหม่...คอมพิวเตอร์ใหม่...รถยนต์คันใหม่...
เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส...
เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น...
ปัจจุบัน...
เรากำลังไล่งับความทันสมัย...เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน...
ทั้งที่รู้ว่า...ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต...ก็ไม่มีทางตามทัน...
น่าสงสารไหมโยม...
คนเต็มศาลา...เมื่อกี้หัวเราะครึกครื้น...
ด่าว่า...หมามันโง่...
ตอนนี้เงียบสนิท...เหมือนไม่มีคนอยู่...
ไม่รู้ว่า...กำลังสงสารหมา...
หรือ...กำลังทบทวนความโง่...ตัวเอง
#2
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 02:41 PM
#3
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 05:42 PM
ชอบครับ
บทความนี้ดีมากเลย
#4
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 08:25 PM
ต้องหลักเศรษฐกิจพอเพียง นะครับ
#5
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 08:57 PM
เรากำลังไล่งับความทันสมัย...เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน...
ทั้งที่รู้ว่า...ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต...ก็ไม่มีทางตามทัน...
น่าสงสารไหมโยม...
ถูกต้องเลยครับ เป็นข้อคิดที่เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบันมากๆ เลยครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#7
โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 09:21 PM
#8
โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 01:35 AM
น้าจี้
#9
โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 02:08 PM
โลกของวัตถุ ทำให้คนเรานี้มีกิเลสหนาขึ้น
ทั้งที่รู้ว่า...ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต...ก็ไม่มีทางตามทัน.
แม้กระนั้น ธรรมะที่อยู่คู่โลกมานับพันปี เราเองสมารถบรรลุได้
แต่เสียคือเราไม่ได้ทำก็เท่านั้นเอง
#10
โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 10:07 PM
หามาให้อ่านอีกนะครับ พี่ หนูชื่อสายน้ำทิพย์
#11
โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 10:15 PM
#12
โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 04:52 PM
#13
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 01:31 PM
เป็นเหตุผลทางกายภาพ ที่สมเหตุสมผล
..............................
โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถ เสื้อผ้าหรู
เป็นความเท่ห์น่าดู ความมันส์ในอารมณ์
ไม่เป็นสิ่งจำเป็น เป็นอุปกรณ์ในบางกรณี บางคราว
คนไม่ควรไล่งับ
เพราะถึงหิวสิ่งเหล่านี้
แต่แม้ไม่ได้สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ตาย
คนไล่งับ "การได้รับการยอมรับ จากคนอื่น"
แต่ไม่ยอมรับตัวของตัวเอง
ไม่ยอมรับหน้าตาตัวเองที่ไม่ได้แต่งหน้าทำผม ไม่ยอมรับตัวเราที่ชุดไม่หรู
ไม่ยอมรับตัวเราที่ไม่ได้ถือมือถือที่ไฮเทค ไม่ยอมรับตัวเองที่ไม่ได้ขับรถไปโฉบที่ไหน ฯลฯ
เมื่อปราศจาก มือถือ คอมฯ รถ เสื้อผ้าชั้นนำ ฯลฯ
ดั่งจะ ปราศจากความมั่นใจในตัวเอง
ไม่มีอะไรในตัวที่น่าภาคภูมิใจเลยเชียวหรือ
แล้วหากตายไป ...เอาวัตถุสิ่งของเหล่านี้ไปด้วยไม่ได้แล้ว ... ตายไป จะภูมิใจอะไรได้
เมื่อตายแล้ว ... มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ที่เอาไปได้
#14
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 02:12 PM
#15
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 03:34 PM
#16
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 07:13 PM
แต่เมื่อท่านพูดบ่อยๆ มากๆ เข้า พูดทุกวัน เกือบทุกวัน (ทั้งที่ท่านเหนื่อยบ้าง ป่วยบ้าง ท่านก็อดทน)
บางท่านก็เลยรู้สึกชิน บางท่านก็เลยเฉยๆ ชาๆ ไป (บางท่านดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่)
ธรรมะ สิ่งดีๆนี้ ที่เป็นของที่หาได้ยากยิ่ง ที่ใครๆ น้อยนักที่จะได้รับโอกาสดีอย่างนี้
บางคนเสาะแสวงหามาชั่วชีวิต ก็ไม่ได้พบเจอพระสัทธรรม
บางคนออกค้นหาในป่าเขา โดนสัตว์ร้ายคร่าชีวิต ไม่มีอะไรประทังชีวิต อดอาหาร ตายก่อนจะบรรลุธรรม ก็มี
เขาเหล่านั้นไม่ได้พบคำตอบของชีวิต ไม่ได้มีโอกาสดีๆ อย่างพวกเรา
นึกถึงคนจำนวนมากในโลกนี้ ที่เขาเห็นดวงอาทิตย์-ดวงจันทร์ดวงเดียวกับเรา แต่ยังไม่มีโอกาสอย่างเรา เป็น...ล้านคน
เรานี่สิ สบ๊ายสบาย ...ดูซิ สามารถนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้าน เปิดพัดลม เปิดแอร์ นั่งดู DMC
แล้วได้รู้ความจริงของชีวิต ได้รู้เรื่องกฏแห่งกรรม เคสต่างๆ ที่หาฟังที่ไหนไม่ได้
แถมถ้าอยากรู้เรื่องของตนเอง ก็สามารถส่งเรื่องไปเป็นเคสได้อีก
โปรดอย่าได้มองผ่าน สิ่งล้ำค่า ดั่งเพชรงามล้ำค่าที่อยู่ใกล้ตัวเรา
เราต้องถนอมโอกาส ต้องรักษาไว้ ใช้โอกาสให้คุ้มค่า
ตั้งใจฟังหลวงพ่อ เก็บทุกคำที่ท่านพูด คำสอนของท่านมีคุณค่ามหาศาลทุกคำ ไม่ควรมองผ่าน
ทำอย่างที่ท่านแนะ รีบทำตามที่ท่านบอก ผลก็จะเกิดกับตัวเรา
...เพื่อใคร..คนที่ไม่มีโอกาสอย่างเรา จะได้ไม่รู้สึกเสียดายไปมากกว่านี้ค่ะ
#17
โพสต์เมื่อ 31 July 2006 - 03:18 PM
#18
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 09:17 AM
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง
#19
โพสต์เมื่อ 27 September 2006 - 08:14 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#20
โพสต์เมื่อ 16 March 2011 - 10:45 AM