ทำไมจะต้องทำบุญแบบ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน
ก็เพราะว่า แนวความคิดการสร้างบารมี หรือ การทำบุญแบบทุ่ม ชีวิตเป็นเดิมพัน
เป็นความคิดแบบ "พระโพธิสัตว์ " ที่มุ่งจะเป็น พระพุทธเจ้า องค์หนึ่งในอนาคตกาลเบื้องหน้า
บางกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น 1 องค์
บางกัป ไม่มี พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นเลย เรียกว่า สุญญกัป
กัปป์ของเรา เรียกว่า ภัทรกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น 5 องค์ ... แต่กระนั้น โลกของเรายังวุ่นวายขนาดนี้
ดังนั้น จะต้องมีพระพุทธเจ้า หรือ พระโพธิสัตว์ บังเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน กัปละมากๆ จึงจะสามารถเอาชนะวัฏสงสารนี้ได้ (ไปถึงที่สุดแห่งธรรม)
พระพุทธเจ้า ที่มีอยู่ในจักรวาลต่างๆจะสอน 3 เรื่อง เหมือนๆ กัน นั่นคือ
1. สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง ** การไม่ทำชั่วทั้งปวง ได้อะไร "ก็ได้บุญน่ะสิ
( ใจ-ไม่คิดชั่ว , ปาก-ไม่พูดชั่ว , กาย-ไม่ทำชั่ว -----คือ มีศีล ...รักษาศีล ก็ได้บุญ )
2. การทำความดีให้ถึงพร้อม . ทำไปทำไม----- "ก็จะเอาบุญน่ะสิ"
3. ทำใจให้ใส . ทำไปทำไม----- "ก็จะเอาบุญน่ะสิ"
นั่นคือ พระพุทธเจ้าทุกพระองค็สอนเรื่อง เอาบุญ
แล้ว บารมี อยู่ตรงไหน???
คำตอบคือ ... บารมี ก็คือ บุญ แต่เป็นบุญที่มีคุณภาพพิเศษ
ทำไมจึงพิเศษ?
ก็เพราะว่า เป็นบุญ ที่เกิดจากการสร้างแบบ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน นะสิ
บุญ เป็นพลังงานบริสุทธิ์
บุญ เกิดที่ ใจ มนุษย์เท่านั้น
บุญ เกิดทุกครั้ง ที่ ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส
บุญจะเกิดทุกครั้งที่กระทำ
แต่คุณภาพที่เกิดขึ้น แต่ละครั้ง ไม่เหมือนกัน
(บางครั้งก็เกรดระดับอนุบาล แต่บางครั้งก็ระดับมหาวิทยาลัย)
บุญมีเกรดพิเศษ คือ บุญ ประเภท ทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันไปสร้างมา ซึ่งนั่นคือ บารมี
บารมี ๑๐ หรือ บุญกิริยาวัตถุ 10
(คือ ย่อ บารมี10 ให้เหลือ 3 คือ 1.ละชั่ว 2. ทำดี 3.ทำใจให้ผ่องใส)
๑. ทานบารมี-- การให้ (การทำความดีให้ถึงพร้อม)
๒. ศีลบารมี--- (การละชั่วทั้งหลาย)
๓. สัจจะบารมี --ความตั้งใจจริง (ทำใจให้ใส)
๔. วิริยะบารมีความกล้าไปแก้นิสัยของตัวเรา (ทำใจให้ใส)
๕. เนกขัมมะบารมี--การถือบวช ทรงพรหมจรรย์ (การละชั่วทั้งหลาย)
๖. ปัญญาบารมี-- ความรู้ ที่เกิดขึ้นจากการพินิจพิจารณา (ทำใจให้ใส)
๗. ขันติบารมี--ความอดทนหรืออดกลั้น ต่ออารมณ์ที่เข้ามายั่วยวน (ทำใจให้ใส)
๘. เมตตาบารมี--ความรักที่ปราศจากความใคร่ (ทำใจให้ใส)
๙. อธิษฐานบารมี-- ความตั้งใจ (ทำใจให้ใส)
๑๐. อุเบกขาบารมี-- ความวางเฉย (ทำใจให้ใส)
เราต้องเตรียมบุญ เตรียมเสบียงไว้ให้เพียงพอ สำหรับใช้ในช่วง อสงไขยกัป ในอนาคต เพราะคงไม่มีใครอยากหมดบุญ แล้วต้องลงมาเกิดในช่วง ไม่มีเนื้อนาบุญ ให้เราลงมาสร้างบุญกันหรอกใช่ไหม
ดังนั้น ในยุคปัจจุบัน ที่เรามีพระผู้เป็นเนื้อนาบุญหลายแสนรูปให้พวกเราได้สั่งสมบุญกัน
และเราคงไม่อยาก เหนื่อย ในการสร้างบารมีกันทุกๆชาติ ดังนั้น ในเมื่อ เราสามารถร่วมสร้างศาสนาสถานที่จะคงทนไปอีกหลายร้อยปี ให้ผู้คนจากทั่วทุกทิศได้มาปฏิบัติธรรมกัน
เราจะสามารถ เก็บบุญ ได้เรื่อยๆ ทุกครั้งที่มีผู้มาปฎิบัติธรรมในสถานที่ที่พวกเราได้ร่วมกันสร้างไว้นี้ ผลคือ เทวดาองค์อื่น บารมีรัศมีจะอ่อนลงไปเรื่อยๆ ตามกำลังบุญที่หมดไป แต่เทวดา (เช่นเรา) บารมีรัศมีจะเจิดจ้าขึ้นตามลำดับ เพราะมีคนมาทำความดีกันมากขึ้นเรื่อยๆ
**** สุดท้าย พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เมตตาแจกหนังสือเรื่อง" วิทยานิพนธ์ ในหัวข้อ "คำสอนเรื่องการสร้างบารมี ของวัพระธรรมกาย" ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียนได้อย่างชัดเจน เป็นหลักการทางวิชาการอย่างมาก
อยากแนะนำให้ลองไปหาอ่านดูแล้วจะพบว่า คำสอนของวัดพระธรรมกาย ถูกต้องตามหลักคำสอนอย่างแท้จริง เพราะกรรมการผู้สอบวิทยานิพนธ์ในครั้งนี้ ต่างเป็นนักวิชาการทางศาสนาที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น