มีวิบากกรรมอะไร ถึงต้องไปหาหมอนวดอยู่เป็นประจำ
#1
โพสต์เมื่อ 05 December 2006 - 03:43 PM
สาเหตุน่ะเหรอคะ คิดว่าเป็นเพราะนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันตั้งแต่เรียนจบมา และทุกวันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน วันหนึ่งๆ ก็น่าจะประมาณ 10 ชม.ได้ ก็เลยเป็นโรคปวดหลังอย่างที่ว่า อาการคือ มันจะปวดล้า เมื่อยอยู่ตลอดเวลา บางครา ยกแขนขึ้นก็แทบจะไม่มีแรง หันคอ เอี้ยวตัวก็ปวด
ในเมื่อหลีกเลี่ยงการทำงานหน้าคอมฯ ไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีแก้ โดยทำโยคะบ้าง (นานๆ ที) นอนกับพื้น ดื่มน้ำมากๆ แล้วก็ทำบุญถวายภัตตาหารทุกวัน เปลี่ยนเก้าอี้มาเป็นสิบๆ ตัว เปลี่ยนตำแหน่งจอ เมาส์ คีย์บอร์ด ก็แล้ว มันก็ยังไม่ค่อยจะดีขึ้น
จนทางเลือกสุดท้ายคือ "หมอนวด" ค่ะ
ตอนแรกที่ตัวเองเส้นติดนั้น ไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าเป็นไข้ ยกมือ ยกแขน เอามือจับเมาส์ไม่ได้เลย มันปวดหัวปวดตัว ตัวร้อน คลื่นเหียนอาเีจียน เกิดอาการคิดอะไรไม่ออก ต้องหยุดงานไปเป็นอาทิตย์ๆ ไปหาหมอ หมอก็ให้ยาอะไรมาก็ไม่รู้ จนโชคดี หัวหน้างานแนะนำให้ลองไปนวดดูสิ เผื่อจะหาย เจอหมอจับเส้นดีๆ อยู่คนนึง หลังจากที่ไป ก็หายจริงๆค่ะ แต่หายได้สักสามอาทิตย์ได้มังคะ มันก็กลับมาอีก คราวนี้ถึงรู้แล้วว่าเราเป็นโรคเส้น
ไปเจอหมอ ก็ต้องเจ็บตัว ทุกครั้ง เจอหมอดี กลับมาบ้าน ก็อาจจะระบมวันสองวัน แล้วอาการปวดหลังก็หายไปสองอาทิตย์ แต่แล้วพอกลับมานั่งทำงานหน้าคอม มันก็กลับมาปวดอีกอยู่ดี แต่ถ้าเจอหมอไม่ดี นอกจากตอนนวดจะเจ็บแล้ว กลับมาบ้านก็มาระบมต่อ แถม ไม่หายเมื่อยอีกตะหาก จะไปหาบ่อยก็ไม่ได้ ค่าหมอนวด ก็ใช่ว่าจะถูกๆ ชม.ละ 150 เป็นอย่างน้อย แถมเสียเวลาอีกตะหาก
เฮ้อ ชีวิต คิดจะเปลี่ยนอาชีพ ก็ตกหลุมรักการทำเว็บไปซะแล้วน่ะค่ะ
แบบนี้ เรียกว่าวิบากกรรมกำลังส่งผลอยู่ใช่หรือไม่คะ ถ้าใช่นี่จะเป็นวิบากกรรมอะไรหนอ หรือเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน แต่ทำไม เราถึงรักอาชีพที่ทำให้ตัวเองปวดเมื่อย ทรมานร่า่งกายได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้นะคะ
ใครมีวิธีแก้่ช่วยบอกทีค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#2
โพสต์เมื่อ 05 December 2006 - 03:56 PM
#3
โพสต์เมื่อ 05 December 2006 - 04:09 PM
หวังว่าคงจะช่วยให้ดีขึ้นได้บ้างนะค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 05 December 2006 - 05:26 PM
คุณฟ้าร้างโชคดีนะคะที่เป็นคนรักงานที่ทำ จึงมีความสุขกับงาน แต่บังเอิญว่าเป็นงานที่ทำให้ร่างกายเมื่อยล้า จึงต้องให้เวลากับสุขภาพร่างกายด้วยค่ะ
กำหนดเวลาทำงาน เวลาพักผ่อน ให้ balance กัน จะได้มีร่างกายที่แข็งแรง เพื่อทำงานที่เรารักไปนานๆนะคะ
เอาใจช่วยค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 05 December 2006 - 06:12 PM
อาการอย่างนี้รู้สึกว่าเคยได้ยินมา รู้แต่ว่าปล่อยไว้นานๆ จะไม่ดี คงต้องให้แพทย์ผู้รู้ตรวจดีกว่านะคะ จะได้รีบรักษา
#6
โพสต์เมื่อ 05 December 2006 - 07:12 PM
สาเหตุน่ะเหรอคะ คิดว่าเป็นเพราะนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันตั้งแต่เรียนจบมา และทุกวันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน วันหนึ่งๆ ก็น่าจะประมาณ 10 ชม.ได้ ก็เลยเป็นโรคปวดหลังอย่างที่ว่า อาการคือ มันจะปวดล้า เมื่อยอยู่ตลอดเวลา บางครา ยกแขนขึ้นก็แทบจะไม่มีแรง หันคอ เอี้ยวตัวก็ปวด
ลอง search คำว่า Myofacial Pain Syndrome หรือ Fibromyalgia ดูนะ
กลไกของกล้ามเนื้อยึดนี้ พบได้ 36ตำแหน่งในร่างกาย แต่ละตำแหน่งที่เกิดมีสมมุติฐานจาก Overuse กล้ามเนื้อมัดที่ยึด ตามหัตถการ ความชำนาญในแต่ละอาชีพ(มักเป็นงานการเงิน บัญชี ไอที) ขึ้นกับอิริยาบถที่เสียสมดุลย์ ประกอบกับย่อหย่อนในเรื่อง Balance exercise ทำให้ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อลดลง
หากสมมุติฐานอธิบายได้ ควรมองว่าเป็นเหตุในปัจจุบันคืออภิสังขารมารไว้ก่อน
ถ้าเป็น Myofacial Pain รักษาง่ายกว่า Fibromyalgia เพราะอย่างหลังจะมีพังผืดยึดกล้ามเนื้อ
1. สังเกตุอิริยาบถตนเอง ที่ก่อให้เกิดอาการ เพราะผู้เป็นมักจะขยันทำงานจนลืมสรีระยนต์
2. ประมาณ 1ชั่วโมง ควรพัก 5นาที เพื่อ Balance exercise เช่น แกว่งแขน บริหารนิ้วมือ ข้อมือ ศอก ไหล่ หลัง มิฉะนั้นกล้ามเนื้อที่ใช้จะเกร็งตัวจนเกินไป
3. การนวด(หัตถเวช) กดจุด ประคบอุ่น ประคบสมุนไพร น้ำมัน ช่วยได้ แต่ต้องพบกับนักหัตถเวช(ความชำนาญมากกว่า 800ชม.) ส่วนฝังเข็มก็พอทำเนา
4. ยาแก้ปวด คลายกล้ามเนื้อในบางกรณี
5. เมื่อหลับต้องหลับให้สนิท(ในอู่ทะเลบุญ) หรือนั่งสมาธิผ่อนคลายก่อนนอน
6. เมื่อตื่นนอน(ในอู่ทะเลบุญ) ทำ Balance exercise ต่อราว 20นาที ให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น
7. ดื่มน้ำอุ่น อาบน้ำอุ่น เพิ่มการไหลเวียนโลหิต
8. ทำทุกอย่างแล้วไม่ดีขึ้น คงต้องหย่ากับคอมพิวเตอร์ตัวโปรดชั่วคราว ด้วยการพักร้อน ลากิจ ลาป่วยขึ้นพนาวัฒน์บ้างนะ
แนะนำได้แค่นี้ ที่เหลือคงต้องวานคุณหมอแล้วล่ะ หากคุณฟ้าร้างได้ลองทบทวน ปฏิบัติ ถนอมสรีระยนต์โดยรู้ขีดจำกัด ก็จะทุเลาจากโรคภัยนี้ สามารถสร้างบุญบารมีได้โดยไม่ต้องกังวลกับการปวดเมื่อยของร่างกาย
เอ จะเป็นการข้ามหน้าข้ามตาคุณหมอในเว็บไหมเอ่ย ขออภัยคุณหมอด้วยนะ
#7
โพสต์เมื่อ 05 December 2006 - 11:12 PM
แบบนี้ เรียกว่าวิบากกรรมกำลังส่งผลอยู่ใช่หรือไม่คะ
ถ้าใช่นี่จะเป็นวิบากกรรมอะไรหนอ หรือเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน
แต่ทำไม เราถึงรักอาชีพที่ทำให้ตัวเองปวดเมื่อย ทรมานร่า่งกายได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้นะคะ
การได้ทำงานในด้านที่ตนเองรัก และสนุกสนานกับงาน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับทุกคนนะครับ
หลายชีวิตยังไม่ทราบเลยว่า ตนเองชอบงานอะไร อาชีพไหนที่ทำแล้วมีความสุข
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณ ฟ้าร้างได้ทำงานที่รักและเป็นงานเผยแผ่พระธรรม สร้างสันติภาพให้โลก
มีไม่กี่คนที่ได้โอกาสนี้หรอกครับ
พอเรียกว่า วิบากกรรมได้บ้างครับ แต่เป็นวิบากแห่งกรรมหลายปีก่อน ในปัจจุบันชาติ
ที่การทำงานขาดการรักษาสมดุล ของร่างกาย
แนวทางแก้ไขก็อย่างที่เพื่อนๆให้คำแนะนำและความห่วงใย ข้างต้น โดยเฉพาะคำแนะนำของท่าน WISH สาธุ
สรุปโดยย่อว่า
1 ) จัดอุปกรณ์การใช้งาน ให้เหมาะสมกับสุขลักษณะทางกายภาพ
2 ) ฝึกการนั่ง นอน ยืน เดิน ก้ม เงย เอี้ยวตัวให้ถูกสุขลักษณะทางกายภาพ ( ข้อนี้สำคัญมาก )
3 ) ดูแลร่างกายให้สมดุล เช่น ออกกำลังกาย การบริหารสายตา ข้อมือ ไหล่ นิ้ว ฯล
4 ) บริหารเวลาการทำงาน สลับกายบริหารให้เหมาะสม
5 ) รักษาโรคเส้นติด ด้วยหัตถเวช
6 ) ทำบุญกองทุนภิกษุอาพาธ + อธิษฐาน
7 ) Meditation for mind & healthly
ต้องทำควบคู่กันไป ในระยะเวลาพอสมควรกับอาการหนัก-เบา
**** อย่าลืมปรึกษาแพทย์ นะครับ
อ้อ หากเกี่ยวกับกระดูก ก็ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง โรคกระดูก นะครับ
มีคุณหมอด้านโรคกระดูก เป็น แฟนพันธุ์แท้ dmc อยู่ด้วย
ป.ล. มีความรู้เกี่ยวกับ การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์
ท่ากายบริหารและแนวทางแก้ไขอาการปวดหลัง
file attachment : health and computer user.doc
ลองศึกษา พิจารณาเลือกนำไปใช้ให้เหมาะสมกับตนเองนะครับ
ไฟล์แนบ
#8
โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 07:23 AM
#9
โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 08:14 AM
ทำใจให้เบิกบานด้วยนะครับนะจะช่วยได้
#10
โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 11:31 AM
#11
โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 12:51 PM
ลองอ่านบทความนี้ดู
http://www.dmc.tv/pa...06-12-02-1.html
การนั่งทำงานนาน ๆ แล้วได้นอนพักผ่อนถ้านอนในแบบที่สบายที่สุด ก็จะทำให้หายปวดเมื่อยได้
เคยเป็นเหมือนกัน พอนอนตื่นขึ้นมาก็หาย
#12
โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 02:05 PM
#13
โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 02:49 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#14
โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 04:22 PM
Someday I'm gonna be free.
#15
โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 10:04 PM
แต่ถ้าศีรษะอาสนะ ก็ต้องระวัง
#16
โพสต์เมื่อ 08 December 2006 - 02:52 AM
คือชอบนั่งทำงานเล่นคอมเล่นอินเตอร์เน็ตทีนึงเป็นเวลานานๆมากๆ มากกว่า10 ชั่วโมงอีกค่ะโดยเฉพาะวันเสาร์เนี่ยแหละ
แต่ก็ถือว่ายังน้อยไปค่ะ เพราะว่า 2 วันเต็มๆไม่หลับไม่นอนก็ยังเคยมาแล้วค่ะ (ตอนนั้นม.4เป็นช่วงที่ติดเกมแผ่นมากๆค่ะ) เล่นได้เเบบว่าไม่พักเลย เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้หนูจะพยายามเล่นและใช้เวลาเกี่ยวกับตรงนี้ให้น้อยลงและน้อยลงไปเรื่อยๆค่ะ
ว่าแต่ทำไมคุณฟ้าร้างอาการหนักจังคะ ถึงขั้นเป็นไข้ คลื่นไส้อาเจียนออกมาเลยหรอคะ ไม่ทราบมีอาการของโรคอื่นด้วยหรือเปล่าคะ ต้องหมั่นไปให้หมอตรวจสุขภาพบ้างนะคะคุณฟ้าร้าง แต่สำหรับตัวหนูเอง
แต่พอมาทราบเรื่องจากคุณฟ้าร้างแบบนี้แล้ว หนูคงต้องรู้จักระมัดระวัง พร้อมทั้งแก้ไขอิริยาบทท่านั่งซะใหม่ เพื่อสุขภาพและร่างกายของตนเองในอนาคตข้างหน้า เด๋วจะกลายเป็นโรคปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวเอาได้ ขอขอบคุณนะคะ
วิธีแก้ไข : คงต้องทำบุญคิลานเภสัชสม่ำเสมอมั๊งค๊ะ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณฟ้าร้างหายจากโรคภัยนี้เร็วๆด้วยเถิดนะคะ...อิอิ
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะคะที่มาเล่าสู่กันฟังเป็นบุญทาน.....ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงแท้หนอ
ปล. ฮือๆๆๆ คุณTanay007 ภาพข้างบนน่ากลัวจังเลยค่ะ..เหอๆ
"ถ้าหากข้าพเจ้า ผิดพลาดแต่ประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"
ความคิดอันวิเศษ มาจากใจที่สงบ
ความอดทนอันสูงสุด มาจากใจที่หยุดนิ่ง
น้องขวัญ
...A LiTTle GuiDE...
อาสาสมัครแผนกมัคคุเทศก์
สังกัดกองปฏิสันถาร สำนักศรัทธาภิบาล
#17
โพสต์เมื่อ 09 December 2006 - 02:37 AM
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#18
โพสต์เมื่อ 19 June 2009 - 08:25 PM
ประสพการณ์ตรงที่แปลกแต่จริง
ผมนั่งอยู่เฉลยๆหันไปทางขวาก็เกิด เจ็บกลางหลังค่อนไปด้านบนเหมือนเส้นยึด ซึ่งเคยเกิดบ่อยๆเหมือนกัน แต่คราวนี้เจ็บอยู่นานสองอาทิตย์ ไปหาห้องพยาบาลของโรงานเขาก็ให้ยาทาแก้ปวด และยาคลายเส้น กินอยู่สองวันไม่หาย แถมบางที่ร้าวไปทางแขนขวา จนแขนขวาไม่มีแรง บางเวลาก็หาย วิดพื้นได้สบาย
นานมาแล้วเคยเป็นมาทีหนึ่งไปหาหมอที่ศรีราชาเขาก็เอาความร้อนนวดที่หลัง ก็หายไปจึงคิดว่าครั้งนี้ต้องไปหาหมอดีกว่า
ในที่สุดก็ไปหาคุณหมอสมบูณย์ มะลิขาว แพทย์ทางกระดูกอยู่หน้าบ้าน คุณหมอบอกว่าอาการมันหลอก ความจริงแล้วมันเป็นเพราะการอักเสพของหมอนรองกระดูกที่คอต่างหาก คุณหมอทดลองให้ดู โดยบิดหัวไปทางซ้ายทีขาวที่หลังก็เจ็บ หลังจากนั้นคุณหมอก็ยกหัวขึ้นเล็กน้อย บิดทางซ้าย หรือทางขาวก็ไม่เจ็บ คุณหมอบอกว่าบริเวญการดูกสันหลังจะมีเส้นประสาทมาก เวลาอักเสพจึงส่งผลแบบนั้น บางทที่ราวไปถึงแขน หรือขึ้นมาถึงหัวด้วย
หลังจากการทดลองให้ดูและการที่คุณหมอรู้ว่าจะมีอาการร้าวไปที่มือ ทำให้แน่ใจว่าคำวินิฉัยโรคนั้นน่าจะถูกต้อง ทำให้เบาใจเรื่องการรักษา เพราะโรคทุกวันนี้การรักษาไม่ยาก คุณหมอบอกว่ารักษาไม่ยาก ทานยาก็หาย หากต้องการให้หายเร็วก็ทำกายภาคบำบัดด้วยก็ดี
คุณหมอแนะนำว่าการก้มหน้าทำงานมากๆ นาน เช่นเวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์ Notebook หรือการนั่งต้วเอนๆ แล้วยกหัวตั้งขึ้นมาเพื่อดูจอคอมพิวเตอร์ หรือดูโทรทัศน์ทำให้งอ และอักเสพได้ วันนี้ก็เลยกลับมายกจอคอมพิวเตอร์ให้สูงขึ้นจะได้ไม่ต้องก้ม และต้องนั่งตัวตรงไม่นั่งแอ่นพุงแบบสบายๆอีกต่อไป
ขณะนี้อาการยังไม่ดี แต่ก็มีกำลังใจครับ
#19
โพสต์เมื่อ 25 July 2009 - 09:36 AM
ร่างกายมันเตือนเราว่ามันนานเกินไปแล้ว แต่ด้วยความโลภ หรือเป้าหมายของเราบอกว่าเรายังหยุดไม่ได้ เราจึงเป็นโรคนี้ครับ