บ่ ฮัก บ่ ต้องสงสาร
[attachmentid=1014]
เจ้าของเคส เป็นหญิงไทย ได้รู้จักวัดพระธรรมกายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยครอบครัวของเธอเกิดที่ จ.ลำปาง เธอเป็นลูกสาวคนที่ 3 ของครอบครัวที่มีลูกหญิงล้วนถึง 4 คน
“บิดา” ของเธอ อายุ 71 ปี เป็นคนดีที่ชอบ ทำบุญ สร้างโบสถ์ นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถ้าเป็นช่วงเข้าพรรษา พ่อของเธอก็จะไปนอนที่วัดเพื่อถืออุโบสถศีล และพ่อก็ยังเป็นมัคทายกของวัดอีกด้วย
พ่อมักเป็นห่วงว่าพระจะบิณฑบาตไม่ได้อาหารในวันที่ฝนตก ดังนั้น วันใดที่ฝนตก พ่อก็จะนำอาหารไปถวายที่วัดเสมอ ปัจจุบัน พ่อของเธอป่วยเป็นโรคปวดตามเนื้อตัว ปัสสาวะออกมามีเม็ดหินเล็กๆออกมาด้วย
ส่วน “มารดา” ของเจ้าของเคส ก็ชอบทำบุญเคียงข้างสามี เช่นกัน ชอบทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เป็นนิจ แต่ทว่าเมื่อมารดาของเธออายุ 60 ปี มารดาของเธอก็เริ่มป่วย โดยมีอาการส่ายหัวไปมา เหมือนถูกผีเข้า จำใครไม่ได้เลยแม้กระทั่งลูกๆ สื่อสารกับใครๆก็ไม่รู้เรื่อง เมื่อไปตรวจ หมอลงความเห็นว่าเป็น "โรคเส้นเลือดในสมองฝ่อ" และเป็นเบาหวานด้วย ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาหลายครั้ง แต่อาการ ก็ไม่ดีขึ้น เจ้าของเคส เธอจึงเล่าเรื่องบุญให้มารดาฟังเสมอ มารดาเธอก็กล่าวว่า “สาธุ” ปัจจุบันมารดาของเธออายุได้ 65 ปีแล้ว
“พี่สาวคนที่ 2” มีชีวิตครอบครัวที่ลำบาก เพราะมีสามีชอบดื่มเหล้าและเจ้าชู้ ต่อมาพี่สาวทราบว่าสามีไปมีภรรยาน้อยเป็นตัวเป็นตนและยังสร้างบ้านใหม่ให้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พี่สาวของเธอตรอมใจ จนร่างกายผ่ายผอม ป่วยกระเสาะกระแสะเรื่อยมา ต่อมาพี่สาวป่วยโดยมีอาการถ่ายท้องตลอด เข้าโรงพยาบาลบ่อยจนหมอไม่อยากรับรักษา ทำให้พี่สาวคนโตพาไปรักษากับร่างทรง ซึ่งร่างทรางก็นำเอาไข่ไก่มาคลึงๆ ตามร่างกาย (วิธีแบบเก่าๆ) เมื่อกะเทาะเปลือกไข่ออกก็มี ผม+ตะปู+เส้นด้าย ซึ่งร่างทรงก็บอกว่าโดนภรรยายน้อยทำคุณไสยใส่เธอ
หลังจากนั้นพี่สาวก็อาการดีขึ้น (เพราะสบายใจ) แต่ต่อมาก็อาการแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อไปหาหมออีกครั้ง ผลการตรวจพบ “มะเร็งในกระเพาะอาหาร” พี่สาวป่วยอยู่ปีกว่าๆ ก็เสียชีวิต เมื่ออายุ43 ปี หลังจากเธอเสียชีวิตได้ 1 เดือน “น้องสาวคนเล็ก” ได้ฝันว่าพี่สาวมาหา และบอกว่า ที่จริงในวันที่เธอเสียชีวิตนั้น เธอยังไม่ตายแต่หมอฉีดยาให้ตาย ซึ่งช่วงหลังจากเธอเสียชีวิตนั้น สุนัขที่บ้านเธอมักจะหอนทุกวัน อีกทั้งข้างของในบ้านก็มักจะตกลงมาแตกเองหลายครั้ง
“น้องสาวคนเล็ก” เป็นคนเจ้าอารมณ์ หงุดหงิดง่าย แต่ก็ชอบทำบุญใส่บาตรเสมอ แต่ทว่าก่อนใส่บาตรเธอมักจะหงุดหงิด และเมื่อใส่บาตรเสร็จ เธอก็จะหงุดหงิด ดุด่าพูดตะคอกใส่คนรับใช้ แม้กระทั่งบิดา-มารดา ก็ไม่ละเว้น
ตัว”เจ้าของเคส” เองนั้น เรียนจบ ปวช.. แล้วก็ทำงานที่ร้านเสริมสวย ร้านของชำที่ลำปาง จนกระทั่งถึง พ.ศ. 2534 เมื่อเธออายุได้ 28 ปี ก็มีเพื่อนชักชวนให้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น โดยไปทำงานในร้านขายเครื่องดื่ม (ที่ไม่มีบริการอย่างอื่น) จนกระทั่งได้พบสามีชาวญี่ปุ่นซึ่งมาดื่มที่ร้านที่เธอทำงานอยู่ (สามีเป็นลูกกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุ 6 ขวบ) หลังจากคบหากันได้ปีกว่า ทั้งคู่ก็ได้ตกลงแต่งงานกัน และเริ่มต้นอาชีพประกอบธุรกิจ นวดแผนโบราณแทนนับแต่นั้น
เมื่ออยู่กินฉันท์สามี-ภรรยามาได้เพียง 2 ปี ทั้งคู่ก็เปลี่ยนมาอยู่กันแบบ “พี่-น้อง” แทนมาตลอด จนถึงปัจจุบันกว่า 10 ปี โดยไม่มีลูกด้วยกัน แต่เธอจะรู้สึกว่า “สามี เป็นเสมือนลูกชาย” เพราะเธอจะต้องคอยช่วยเหลือ ปกป้อง ให้ความอบอุ่น หาอาหารให้ทาน ทำความสะอาดบ้าน ดูแลเครื่องนุ่งห่ม เมื่อป่วยก็พาไปหาหมอ ป้อนข้าวป้อนน้ำ
ตัวเธอเป็นกัลยาณมิตรให้กับสามี โดยชักชวนให้มาร่วมปฎิบัติธรรมที่ศูนย์โตเกียว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ซึ่งสามีของเธอก็ส่งเสริมเธอในการทำบุญ และไปศูนย์ฯ ทุกๆวันอาทิตย์ เขามุ่งมั่นที่จะสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น โดยตอนแรกอ่านจากภาษาญี่ปุ่น แต่ต่อมาก็สามารถสวดมนต์ได้ โดยไม่ต้องดูหนังสือเลย
สามีเธอชอบฟังคำเทศนาสั่งสอนของคุณครูไม่ใหญ่มาก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2542 เขาก็ลาออกจากงานและมาบวชที่วัดพระธรรมกาย โดยในพรรษาที่ 2 พระมหาสมชาย ฐานะวุฒโท ได้เมตตาให้ท่านไปรับบุญช่วยงานเผยแพร่ที่ศูนย์ฯ โตเกียว โดยทำหน้าที่ชักชวนอาจารย์ และชาวบ้านมาร่วมปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ฯ อีกทั้งยังรับงานแปลเคส สตัดดี้ไปเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย
แต่ต่อมา โรคของสามีก็กำเริบ คือ โรคความดันสูงและโรคไต ทำให้น้ำหนักลดลงจาก 70 กก. เหลือเพียง 50 กก. ทำให้ท่านต้องลาสิกขาในพรรษาที่4 ซึ่งสามีป่วยหนักมาก จนต้องฟอกไตวันเว้นวัน เขาบอกกับเจ้าของเคสว่า “อยากหายเต็มที อยากกลับไปบวช” เขาจึงไปปรึกษาหมอ หมอก็แนะนำให้เปลี่ยนไต เขาจึงไปหามารดาของเขาเพื่อขอไตจากเธอ แต่มารดาของเขาก็ปฏิเสธ เพราะกลัวจะลำบากภายหลัง
เขาจึงมาขอบริจาคไตจากเจ้าของเคส ซึ่งเธอก็ทั้งรักและสงสารสามีมาก อีกทั้งเห็นว่าสามีช่วยงานพระศาสนาอย่างเต็มกำลัง มุ่งมั่นศึกษาพระธรรม แม้จะเจ็บป่วยก็ยังไม่หยุดงานแปลเคสไปเป็นภาษาญี่ปุ่น เธอจึงตอบตกลงจะให้ไตแก่เขา
แต่ทว่าสุขภาพของเจ้าของเคสก็ไม่ได้แข็งแรง เธอมีอาการเหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยตามตัว เพราะเป็นกระดูกทับเส้นประสามคอ อีกทั้งหมอก็ห้ามเธอทำงานหนักเพราะอาจป่วยเป็นโรคมดลูกบวมได้ แต่กระนั้น เธอก็ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว โดยรักษาทุกวิธีเพื่อให้อาการทุเลา และเธอก็ไม่เคยท้อถอยในการสร้างบารมี
คำถาม
1. บุพกรรมอะไร ที่ทำให้บิดาของเธอป่วยเป็นเก๊าท์ และปัสสาวะมีหินก้อนเล็กๆ ออกมาด้วย ทำอย่างไรจึงจะหาย บุญที่บิดาทำไว้จะช่วยอย่างไรได้บ้าง และต้องทำอย่างไรบิดาจึงจะหายป่วย
2. ทำไมมารดาของเธอจึงป่วยด้วยอาการดังกล่าว จำใครไม่ได้ และจะหายได้หรือไม่
3. ทำไมพี่สาวของเธอ จึงต้องมีสามีเจ้าชู้ และพี่สาวตายเพราะสาเหตุใด เป็นเพราะคุณไสยหรือว่าหมอฉีดยาให้ตาย หลังจากเธอตาย เธอทำให้ของตกลงมาแตกใช่ไหม และเธอได้รับบุญที่อุทิศให้หรือไม่
4. น้องสาวคนเล็ก ทำไมจึงเป็นคนเจ้าอารมณ์ ผลบุญ-ผลกรรม ของการโมโหก่อนและหลังการทำบุญจะส่งผลอย่างไร
5. ทำไมสามีของเธอ จึงเป็นกำพร้าแต่เล็ก ทำไมจึงสนใจในพุทธศาสนา ทำไมจึงต้องป่วยด้วยโรคไต และเจ้าของเคส มีวิบากกรมโรคไตร่วมกับสามีหรือไม่ และเหตุใดสามีจึงนอนสะดุ้งผวา เพราะฝันเห็นสัตว์ใหญ่ 4 เท้า มาทับร่างกายจนหายใจไม่ออก บุญที่สามีช่วยงานแปลที่สามีทำนั้นจะไปตัดรอนวิบากกรมได้หรือไม่ เจ้าของเคสและสามี จะได้ไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์หรือไม่
“ หลับตา.. ฝันเป็นตุเป็นตะ..ตื่นขึ้นมา ... หาว 1 ที ... แล้วนำมาเล่าเป็นนิทานปรัมปรา”
[attachmentid=1004]
1. บิดาของเจ้าของเคส ป่วยดังกล่าวเพราะ กรรมในอดีตชอบปัสสาวะไม่เป็นที่เป็นทาง เคยไปปัสสาวะรดกำแพงวัด มารวมกรรมทำปาณาติบาตร ฆ่าสัตว์มาทำอาหารมาส่งผล โดยบุญทุกบุญที่ทำ จะไปตัดรอนวิบากกรรมเก่าจากหนักเป็นเบา มีโอกาสหายได้ โดยให้อธิษฐานจิตขอให้ได้พบหมอดีมาช่วยรักษา
[attachmentid=1005]
2. แม่ของเจ้าของเคส มีกรรมในอดีตที่ชอบโกหก มารวมกับกรรมปาณาติบาตร ฆ่าสัตว์มาทำอาหารมาส่งผลรวมกัน ให้แก้ไขโดยการสะสมบุญใหม่ให้มากๆ เพื่อให้ไปตัดรอนวิบากกรมเก่าจากหนักให้กลายเป็นเบา แต่หายยากเพราะกรรมยังหนักอยู่
[attachmentid=1006]
3. พี่สาวเจ้าของเคส มีวิบากกรรมจากชาติที่เกิดเป็นผู้ชายเจ้าชู้มาส่งผล เธอตายเพราะมะเร็งในกะเพาะเป็นสาเหตุหลัก และถูกฉีดยาให้ตายเป็นส่วนเสริม รวมทั้งหมดอายุขัยด้วย ไม่ได้ตายเพราะโดนคุณไสย ซึ่งเมื่อตายแล้วเธอได้เป็น”ภุมมเทวา” อยู่ที่บ้านนั่นเอง
[attachmentid=1007]
และเธอก็มาเข้าฝันน้องสาวจริงๆ และทำของตกในบ้านจริงๆ เพราะตอนแรกเธอยังรับไม่ได้ที่ว่าตัวเองตายแล้ว แต่เมื่อได้รับผลบุญที่อุทิศให้ ใจเธอจึงสงบลงและมีสภาพดีขึ้น แต่ก็ยังอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม
[attachmentid=1008]
4. น้องคนเล็ก เจ้าโทสะ เพราะติดนิสัยเก่าที่เป็นเทวดาสายยักษ์มาเกิด ซึ่งบุญที่ได้รับจากการทำบุญด้วยจิตที่หงุดหงิด ทั้งก่อน-หลังทำบุญ จะส่งผลให้ไปเกิดเป็นยักษ์ไฮโซ ถ้าแก้ไขนิสัยนี้ได้อย่างเด็ดขาด ก็จะไม่ไปเกิดเป็นยักษ์
[attachmentid=1009]
5. ส่วนสามีเจ้าของเคส ในอดีตชาติ เมื่อทะเลาะกับบิดาก็จะพูดว่า “ชาติต่อไป อย่าได้มีพ่ออย่างนี้เลย” มาส่งผล และสามีเคยบวชช่วงระยะสั้นๆ หลายครั้งกับหมู่คณะมาเป็นส่วนใหญ่ มากกว่าบวชระยะยาวๆ
[attachmentid=1010]
ที่สามีเป็นโรคไต และความดัน เพราะวิบากกรรมในอดีตที่เป็นพ่อค้าแล้วเอาของไม่ดี มาปลอมปนสอดไส้ รวมกับกรรมปาณาติบาตร ฆ่าสัตว์มาทำอาหารมาส่งผล ซึ่งผลบุญที่ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาที่ทำมาจะไปช่วยตัดรอนวิบากกรรมเก่าให้เบาลง ทำให้จะได้สร้างบารมีต่อไปอีก ให้สะสมบุญทุกๆบุญต่อไป
[attachmentid=1011]
เจ้าของเคสไม่มีวิบากกรรมโรคไตร่วมกับสามี ซึ่งเธอรักษาสุขภาพดี ก็สามารถบริจาคไตได้ ซึ่งการบริจาคนี้จะเป็น”อุปบารมี”กับตัวเธอ ให้ทั้งคู่ดูแลสุขภาพให้ดี
[attachmentid=1012]
สามีนอนสะดุ้งฝันร้ายดังกล่าว เพราะ”ธาตุวิปริต” เพราะสุขภาพและอากาศถ่ายเทไม่ดี ให้เขาท่อง ”สัมมา อรหัง” ก่อนนอนก็จะหายเอง บุญที่สามีแปลเคสเป็นภาษญี่ปุ่น จะไปตัดรอนวิบากกรรมเก่า และยืดอายุของเขา เพราะการให้ธรรมะเป็นทาน เป็นสุดยอดของทานทั้งปวง เพราะช่วยให้คนปิดอบายได้ไปสวรรค์
[attachmentid=1013]
ทั้งสองเคยเป็นสามี-ภรรายามาหลายชาติ แต่ชาติที่เกิดเป็นลูกชายมีจำนวนชาติมากกว่า ทั้งสองเคยทำบุญกับหมู่คณะแบบกองเสบียงมาหลายชาติ แต่ชอบทำบุญแบบตามอารมณ์ บางที่ก็ทำบุญแบบ”เต็มที่” บางทีก็ทำบุญแบบ”เต็มที” ทำให้บุญส่งผลไม่ได้เต็มที่
[attachmentid=995]