อันตรายมากคือ “ลุ้น” เป็นศัตรูทางใจ ที่ทำให้ประสบการณ์ไม่ก้าวหน้า
วิธีแก้ลุ้น ต้อง “หยุด นิ่ง เฉย ๆ ไ เห็นอะไรก็ดูไปเรื่อย ๆ ดูธรรมดา ๆ เหมือนดูก้อนอิฐก้อนหิน
เรานั่งทำใจสบาย ๆ ไม่ต้องลุ้น นี่ก็ได้บุญแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะช้า ลุ้นช่วยอะไรไม่ได้
“หยุด นิ่ง เฉย” อย่างเดียว ต้องใช้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ไม่เห็นอะไรเลยจนกระทั่งเห็นธรรมภายใน
ยามใดที่ใจเราบริสุทธิ์ อารมณ์สบาย จิตใจละเอียดอ่อน การเห็นภาพภายในเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
อย่าสงสัยว่า “ใช่ หรือไม่ใช่” “เราเห็นจริงหรือเรานึกเอาเอง”
ให้ข้ามความสงสัยไปเสีย อย่าตั้งคำถาม สร้างปัญหาให้ตัวเอง
เพราะจะทำให้จิตหยาบ เดี๋ยวภาพที่เห็นอยู่หายไป ภพที่เห็นภายในกลางกาย จะชัดหรือไม่ชัดก็ตาม
นั่นคือ “ภาพที่เห็นได้จริง ๆ “ ถ้าเราหยุดนิ่งมาก เดี๋ยวก็ชัดเจนมาก
ภาพที่เห็นจะสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ จน ชัด ใส สว่าง เองจริง ๆ
ยามใดที่เราฟุ้งซ่าน อย่าโมโห หรือรำคาญตัวเอง เป็นคนต้องคิดอยู่แล้ว
เพราะความคิดเป็นกระบวนการหนึ่งของใจ ฟุ้งได้ฟุ้งไป อย่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์ ดูเรื่องราวนั้นผ่านไปเรื่อย ๆ
เหมือนมองนกที่บินผ่านไป บางครั้งเป็นฟุ้งหยาบ คิดเรื่อยเปื่อย ไร้สาระ
หักห้ามมันไม่ได้ ก็ปล่อยมันผ่านไปเฉย ๆ บางครั้งเป็นฟุ้งละเอียด อยากให้มันหยุด
อยากให้เห็นนั่น เห็นนี่ เป็นความฟุ้งภายในขณะทำสมาธิ แม้จิตจะอยู่ภายใน แต่ก็ยังไม่ละเอียดเต็มที่
ยังกระเพื่อมอยู่ ให้ “ดูเฉย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น” ทำจิตให้บริสุทธิ์อย่างเดียว ไม่ปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น
อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้า มั่นหมายอะไร “ เราไม่มั่นหมาย แต่มีเป้าหมาย” ว่า
“หยุด นิ่ง เข้าสู่ภายในอย่างเดียว” ขอให้ทำใจเฉย ๆ ไม่ใส่ใจ ไม่ไปไล่มัน
อย่าต่อต้านเดี่ยวเครียด ให้ปล่อยผ่านไปอย่างสบาย ๆ ถ้าเราปล่อยวาง จะเบาสบาย ถ้าเบาสบายใจจะหยุด
ถ้าหยุดจึงจะเห็นชัด !
ถ้าไม่ปล่อยวาง จะไม่เบาสบาย
ถ้าไม่เบาสบาย ใจจะไม่หยุด
ถ้าไม่หยุดจะเห็นไม่ชัดเด็ดขาด !
นั่งแล้วหลับ แสดงว่าเราเผลอสติ ย่อหย่อนเกินไป
ไม่เป็นไร หลับยังดีกว่าฟุ้ง ปล่อยหลับไปเลยถ้าไม่ไหว
ไม่ต้องไปฝืน พอตื่นขึ้นมา ให้ทำความรู้สึกเบา ๆ
ตรงกลางกาย ให้มีสติเบา ๆ เดี๋ยวจิตจะละเอียดอ่อน
เห็นดวงธรรม องค์พระภายในไดเหมือนกัน
เพราะสภาพใจที่เพิ่งตื่น จิตจะบริสุทธิ์ อารมณ์แจ่มใส
อารมณ์สบาย สิ่งที่เห็นในสภาวะนี้คือ ของจริง