มีเรื่องสงสัยในสิ่งที่เคยได้ยินมา
#1
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 09:45 AM
หรือถ้าพี่ๆเพื่อนๆพอจะทราบคำตอบอยู่บ้าง แต่เห็นว่าข้อสงสัยของผมไม่เหมาะสมที่จะตอบ จะช่วยไขปัญหาคาในของผม
ทางPMก็ได้นะครับ
เรื่องที่สงสัยมีอยู่ว่า
1. ผมได้ยินมาว่าพระพุทธเจ้ามีทั้งภาคโปรดและภาคปราบ ภาคโปรดมี3ประเภทคือ 1. ปัญญาธิกะ 2. ศรัทธาธิกะ และ
3. วิริยาธิกะ ซึ่งใช้เวลาสั่งสมบารมี 20,40และ80อสงไขยแสนมหากัปตามลำดับ ผมจึงสงสัยว่าภาคปราบจะต้อง
ใช้เวลาสั่งสมบารมีนานเท่าไหร่น่ะครับ
2. ผมเคยมีความคิดในสมัยตอนที่ยังเรียนพุทธศาสนาว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงมีเมตตา รื้อขนสัตว์โลกให้
หลุดพ้นจากวัฏสงสาร แล้วทำไมพระองค์ไม่เสด็จลงจากพระนิพพานมาโปรดสัตว์โลกอีก เลยมีความคิดว่า พระนิพพาน
ก็ไม่ต่างอะไรจากคุก ที่ใช้ขังผู้มีปัญญาไม่ให้ลงมาสอนมนุษย์ที่โง่เขลาอีก การที่ผมคิดดังนี้ ผมคิดถูกหรือผิดครับ
3. ผมเคยดูหนังเรื่องThe Metrix ซึ่งเนื้อเรื่องหากเอามาเทียบเคียงก็คล้ายๆเรื่องราวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ โลก
ที่เราอยู่ก็คล้ายกลับเมทริก ที่ไม่มีอะไรจริงแท้เลย แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก็เหมือนกับเป็นผู้ปลดปล่อย
และต้นเหตุที่ทำให้เกิดวัฐจักร ก็เหมือนกับผู้ที่สร้างเมทริก ซึ่งในหนังก็คือนครเครื่องจักร หากเปรียบดังนี้แล้ว มโนปณิทาน
ของหลวงปู่คือการทำลายนครเครื่องจักรที่ทำให้เกิดเมทริกใช่ไหมครับ (เป็นแค่การเปรียบเทียบให้เห็นภาพ อย่าคิดว่า
ผมไร้สาระนะครับ ^ ^")
4. ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ผมเองก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถ้าหากผมจะตั้งมโนปณิทานเหมือนหลวงปู่ คือ ทำลายต้นเหตุ
ที่ทำให้เกิดวัฐจักรกฎแห่งกรรมขึ้นจะผิดไหม ไม่ได้คิดทำตัวตีเสมอหลวงปู่ แต่เห็นหลวงปู่เป็นต้นแบบ อยากเป็นแบบ
หลวงปู่น่ะครับ
กราบอนุโมทนาและขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็นนะครับ หากWMเห็นว่าไม่เหมาะสม ลบกระทู้นี้ทิ้งได้เลยนะครับ ^ ^
#2
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 11:15 AM
2. ถ้าอยากทราบจริงๆ รบกวน PM มาถามน่ะครับ
3. คล้ายๆ กัน ไม่เหมือนเสียทีเดียว
4. คิดได้ ไม่ผิด คิดได้แบบนี้ สมควรบวชเป็นอย่างยิ่ง จะได้ทำหน้าทีี ที่แท้จริงต่อไป
#3
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 11:41 AM
ในเรื่องทีคุณสงสัย ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกอะไรหรอกครับ หลายคนก็เคยสงสัยเรื่องทำนองนี้มาก่อน ก่อนจะได้มาเรียนรู้ในโรงเรียนของเรา โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ที่นำเอาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาขยายความตาม ให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งความรู้ที่เกิดจากการเข้าถึง และรู้แจ้ง ตามแนวทางของพระพุทธองค์ด้วยครับ
เรื่องที่ท่านถามเป็นเรื่องค่อนข้างละเอียด อยู่นะครับ ขอตอบในประเด็นที่พอจะสามารถตอบได้นะครับ ส่วนอื่นๆ ท่านมีเวลานั่วสมาธิให้ใจใสๆ และค่อยหาความรู้กันต่อไป มีเวลาให้ท่านเรียนรู้อีกมากมายเลยครับ แต่สำคัญว่าเรื่องพวกนี้ เราอาจไม่คุ้นเคย และด้วยความคิดของปุถุชนธรรมดา ผู้มีธุลีในดวงตาอาจจะหาว่า เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา หรืออะไรก็ตามแต่ แต่เมื่อเรานั่งสมาธิจนในใสดีแล้ว เราจะตรองตาม ด้วยใจที่ละเอียดได้อย่างดีทีเดียวครับ
ข้อ 1
3. วิริยาธิกะ ซึ่งใช้เวลาสั่งสมบารมี 20,40และ80อสงไขยแสนมหากัปตามลำดับ
ข้อ 2 ขอผ่านนะครับ คือไม่ทราบจะเปรียบเทียบอย่างไรไม่ให้คลาดเคลื่อนครับ
ข้อ 3
ที่เราอยู่ก็คล้ายกลับเมทริก ที่ไม่มีอะไรจริงแท้เลย
ของหลวงปู่คือการทำลายนครเครื่องจักรที่ทำให้เกิดเมทริกใช่ไหมครับ
ข้อ 4
ที่ทำให้เกิดวัฐจักรกฎแห่งกรรมขึ้นจะผิดไหม ไม่ได้คิดทำตัวตีเสมอหลวงปู่ แต่เห็นหลวงปู่เป็นต้นแบบ อยากเป็นแบบ
หลวงปู่น่ะครับ
อนุโมทนาบุญนะครับ
#4
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 01:00 PM
#5
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 07:26 PM
#6
โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 08:51 PM
2,3. ไม่ถูก...อยู่เหนือความคิดและจินตนาการ
4. ไม่ผิด
#7
โพสต์เมื่อ 22 October 2010 - 09:02 PM
2. อย่างไรเสีย นิพพานก็สุขอย่างยิ่ง ไม่เหมือนคุกแน่นอน เรื่องนี้ไม่ควรเปรียบ
3. มีอีกหลายอย่างที่เรารู้แล้วต้องอึ้ง ฉะนั้น แค่หนังเรื่องหนึ่งอย่าไปใส่ใจเลย เลิกคิดถึงหนังเสียเถอะ เอามาเปรียบกันไม่ได้
4. พระโพธิสัตว์ตอนเป็นปุถุชนธรรมดา ก็ตั้งมโนปณิธานเอาไว้ ฉะนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ควรระวังให้ดี เพราะบางทีเราคิดตามที่ตัวเองได้ยินได้ฟังมา มันจะหลงได้มาก ยิ่งเป็นคนชอบคิดเปรียบเทียบกับเรื่องนู้นเรื่องนี้ด้วย ยิ่งต้องระวัง (อย่างเรื่องเมตริกซ์) เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะรู้แจ้งได้ด้วยความบริสุทธิ์ของใจ ฉะนั้น ถ้าคิดแบบนี้จริง ต้องหมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้มาก อย่าคิดฟุ้งซ่านให้มาก จะดีที่สุด
#8
โพสต์เมื่อ 23 October 2010 - 11:50 AM
#9
โพสต์เมื่อ 23 October 2010 - 03:49 PM
และได้ยินมาอีกว่า ที่บรรลุธรรมช้า เข้านิพพานได้ช้า เพราะเสพกามารมณ์
ถ้าใครอยากบรรลุธรรมเร็วๆ ก็ต้องเลิกเสพกาม
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#10
โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:57 PM