ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

มีเรื่องสงสัยในสิ่งที่เคยได้ยินมา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ยิ้มอิ่มบุญ

ยิ้มอิ่มบุญ
  • Members
  • 14 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 09:45 AM

ผมมีเรื่องที่ชวนสงสัยนิดๆ และคิดอยากรู้คำตอบเท่านั้นน่ะครับ ถ้าพี่ๆเพื่อนๆท่านใดเห็นว่าไร้สาระ ข้ามไปเลยก็ได้นะครับ
หรือถ้าพี่ๆเพื่อนๆพอจะทราบคำตอบอยู่บ้าง แต่เห็นว่าข้อสงสัยของผมไม่เหมาะสมที่จะตอบ จะช่วยไขปัญหาคาในของผม
ทางPMก็ได้นะครับ

เรื่องที่สงสัยมีอยู่ว่า

1. ผมได้ยินมาว่าพระพุทธเจ้ามีทั้งภาคโปรดและภาคปราบ ภาคโปรดมี3ประเภทคือ 1. ปัญญาธิกะ 2. ศรัทธาธิกะ และ
3. วิริยาธิกะ ซึ่งใช้เวลาสั่งสมบารมี 20,40และ80อสงไขยแสนมหากัปตามลำดับ ผมจึงสงสัยว่าภาคปราบจะต้อง
ใช้เวลาสั่งสมบารมีนานเท่าไหร่น่ะครับ

2. ผมเคยมีความคิดในสมัยตอนที่ยังเรียนพุทธศาสนาว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงมีเมตตา รื้อขนสัตว์โลกให้
หลุดพ้นจากวัฏสงสาร แล้วทำไมพระองค์ไม่เสด็จลงจากพระนิพพานมาโปรดสัตว์โลกอีก เลยมีความคิดว่า พระนิพพาน
ก็ไม่ต่างอะไรจากคุก ที่ใช้ขังผู้มีปัญญาไม่ให้ลงมาสอนมนุษย์ที่โง่เขลาอีก การที่ผมคิดดังนี้ ผมคิดถูกหรือผิดครับ

3. ผมเคยดูหนังเรื่องThe Metrix ซึ่งเนื้อเรื่องหากเอามาเทียบเคียงก็คล้ายๆเรื่องราวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ โลก
ที่เราอยู่ก็คล้ายกลับเมทริก ที่ไม่มีอะไรจริงแท้เลย แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก็เหมือนกับเป็นผู้ปลดปล่อย
และต้นเหตุที่ทำให้เกิดวัฐจักร ก็เหมือนกับผู้ที่สร้างเมทริก ซึ่งในหนังก็คือนครเครื่องจักร หากเปรียบดังนี้แล้ว มโนปณิทาน
ของหลวงปู่คือการทำลายนครเครื่องจักรที่ทำให้เกิดเมทริกใช่ไหมครับ (เป็นแค่การเปรียบเทียบให้เห็นภาพ อย่าคิดว่า
ผมไร้สาระนะครับ ^ ^")

4. ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ผมเองก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถ้าหากผมจะตั้งมโนปณิทานเหมือนหลวงปู่ คือ ทำลายต้นเหตุ
ที่ทำให้เกิดวัฐจักรกฎแห่งกรรมขึ้นจะผิดไหม ไม่ได้คิดทำตัวตีเสมอหลวงปู่ แต่เห็นหลวงปู่เป็นต้นแบบ อยากเป็นแบบ
หลวงปู่น่ะครับ

กราบอนุโมทนาและขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็นนะครับ หากWMเห็นว่าไม่เหมาะสม ลบกระทู้นี้ทิ้งได้เลยนะครับ ^ ^

#2 abigman10

abigman10
  • Members
  • 75 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 11:15 AM

1. infinite

2. ถ้าอยากทราบจริงๆ รบกวน PM มาถามน่ะครับ

3. คล้ายๆ กัน ไม่เหมือนเสียทีเดียว

4. คิดได้ ไม่ผิด คิดได้แบบนี้ สมควรบวชเป็นอย่างยิ่ง จะได้ทำหน้าทีี ที่แท้จริงต่อไป

#3 sai_sai

sai_sai
  • Members
  • 135 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 11:41 AM

สวัสดีครับ นรอ.ยิ้มอิ่มบุญ.

ในเรื่องทีคุณสงสัย ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกอะไรหรอกครับ หลายคนก็เคยสงสัยเรื่องทำนองนี้มาก่อน ก่อนจะได้มาเรียนรู้ในโรงเรียนของเรา โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ที่นำเอาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาขยายความตาม ให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งความรู้ที่เกิดจากการเข้าถึง และรู้แจ้ง ตามแนวทางของพระพุทธองค์ด้วยครับ

เรื่องที่ท่านถามเป็นเรื่องค่อนข้างละเอียด อยู่นะครับ ขอตอบในประเด็นที่พอจะสามารถตอบได้นะครับ ส่วนอื่นๆ ท่านมีเวลานั่วสมาธิให้ใจใสๆ และค่อยหาความรู้กันต่อไป มีเวลาให้ท่านเรียนรู้อีกมากมายเลยครับ แต่สำคัญว่าเรื่องพวกนี้ เราอาจไม่คุ้นเคย และด้วยความคิดของปุถุชนธรรมดา ผู้มีธุลีในดวงตาอาจจะหาว่า เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา หรืออะไรก็ตามแต่ แต่เมื่อเรานั่งสมาธิจนในใสดีแล้ว เราจะตรองตาม ด้วยใจที่ละเอียดได้อย่างดีทีเดียวครับ

ข้อ 1
QUOTE
ผมได้ยินมาว่าพระพุทธเจ้ามีทั้งภาคโปรดและภาคปราบ ภาคโปรดมี3ประเภทคือ 1. ปัญญาธิกะ 2. ศรัทธาธิกะ และ
3. วิริยาธิกะ ซึ่งใช้เวลาสั่งสมบารมี 20,40และ80อสงไขยแสนมหากัปตามลำดับ
ถูกต้องนะครับ พูดง่ายๆว่า คล้ายกับเป็นเพ็กเกจการหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร ถ้าอยากสร้างบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ลองเลือกเอาว่าเราจะเอาเพ็กเกจไหน 20, 40, 80 อะไรประมาณนี้อ่ะครับ เวลาต่างกัน บุญบารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ ในการพาหมู่สัตว์ข้ามวัฏฏะสงสารก็ต่างกันครับ
QUOTE
ผมจึงสงสัยว่าภาคปราบจะต้อง ใช้เวลาสั่งสมบารมีนานเท่าไหร่น่ะครับ
ในอดีต สร้างมานานๆๆๆๆๆ มากจนไม่สามารถนับได้แล้วครับ ในอนาคต สร้างอีกนานๆๆๆๆ เท่าไหร่ก็ไม่ทราบครับ ก็ต้องเอาจนกว่าจะสำเร็จหละครับ

ข้อ 2 ขอผ่านนะครับ คือไม่ทราบจะเปรียบเทียบอย่างไรไม่ให้คลาดเคลื่อนครับ

ข้อ 3
QUOTE
ผมเคยดูหนังเรื่องThe Metrix ซึ่งเนื้อเรื่องหากเอามาเทียบเคียงก็คล้ายๆเรื่องราวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ โลก
ที่เราอยู่ก็คล้ายกลับเมทริก ที่ไม่มีอะไรจริงแท้เลย
หุหุ ผมจำเนื้อเรื่องไม่ได้ ^^ แต่ก็ประมาณนั้นแหละครับ ไม่มีอะไรจริงแท้ ทุกอย่างไปสู่จุดสลาย ตามกฏไตรลักษณ์ครับ
QUOTE
แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก็เหมือนกับเป็นผู้ปลดปล่อย และต้นเหตุที่ทำให้เกิดวัฐจักรก็เหมือนกับผู้ที่สร้างเมทริก ซึ่งในหนังก็คือนครเครื่องจักร
พระองค์ก็เคยเป็นเหมือนเราเนี่ยแหละครับ แต่ได้เห็นทุกข์ภัยในชีวิตแล้วก็มีมโนปณิธานว่า ถ้าพระองค์พ้นทุกข์ก็จะนำพาหมู่สัตว์ให้พ้นตามครับ แล้วก็สร้างบารมีจนเต็มเปี่ยมแล้วก็ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธจ้า แต่ไม่ได้เป็นต้นเหตุของวัฏจักร เพราะวัฏจักรมีมาก่อนแล้วครับ
QUOTE
มโนปณิทาน
ของหลวงปู่คือการทำลายนครเครื่องจักรที่ทำให้เกิดเมทริกใช่ไหมครับ
พูดง่ายๆก็ใช่ครับ ก็ทำลายวงจรการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ครับเพราะ วัฏฏะสงสารก็เหมือนที่คุมขัง ให้สรรพสัตว์เวียนว่ายตายเกิด นั่นเองครับ

ข้อ 4
QUOTE
ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ผมเองก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถ้าหากผมจะตั้งมโนปณิทานเหมือนหลวงปู่ คือ ทำลายต้นเหตุ
ที่ทำให้เกิดวัฐจักรกฎแห่งกรรมขึ้นจะผิดไหม ไม่ได้คิดทำตัวตีเสมอหลวงปู่ แต่เห็นหลวงปู่เป็นต้นแบบ อยากเป็นแบบ
หลวงปู่น่ะครับ
ดีสิครับ ถ้าจะมีมโนปณิธานเหมือนพระเดชพระคุณหลวงปู่ ทีนี้วิธีการก็คือ ทำตามคำสอนของท่าน ตามหลักวิชชา แล้วก็สร้างบารมีร่วมทีมกันไป ไม่ผิดสักนิดเลยครับ แต่ถ้าอยากจะเป็นทัพหน้าไปเรียน ไปรู้ ไปเห็น ร่วมกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ ก็ต้องหมั่นนั่งธรรมะนะครับ แล้วไปศึกษาความรู้ภายในเอา ทีนี้ละครับทุกปัญหาก็จะถูกเฉลย แล้วก็ได้ทำตามใจหวังด้วย ดีมั้ยครับ

อนุโมทนาบุญนะครับ

#4 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 01:00 PM

สาธุ สาธุ สาธุ

#5 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 07:26 PM

ก็คิดได้ครับ แต่ถ้าจะให้สำเร็จต้องหยุดคิด ทำจิตให้สงบ แล้วจะพบทางออกด้วยตนเองน่ะครับ ปัจจุบันพบทางออกเพราะคนอื่นบอกมาครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#6 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 08:51 PM

1. >5000
2,3. ไม่ถูก...อยู่เหนือความคิดและจินตนาการ
4. ไม่ผิด
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#7 slumpmax

slumpmax
  • Members
  • 19 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 October 2010 - 09:02 PM

1. ไม่มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ที่แน่นอนคือทำได้ยิ่งเร็วยิ่งดี เวลาคร่าว ๆ คือ 5,000 อสงไขย (ก็ฟังต่อมาอีกที)
2. อย่างไรเสีย นิพพานก็สุขอย่างยิ่ง ไม่เหมือนคุกแน่นอน เรื่องนี้ไม่ควรเปรียบ
3. มีอีกหลายอย่างที่เรารู้แล้วต้องอึ้ง ฉะนั้น แค่หนังเรื่องหนึ่งอย่าไปใส่ใจเลย เลิกคิดถึงหนังเสียเถอะ เอามาเปรียบกันไม่ได้
4. พระโพธิสัตว์ตอนเป็นปุถุชนธรรมดา ก็ตั้งมโนปณิธานเอาไว้ ฉะนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ควรระวังให้ดี เพราะบางทีเราคิดตามที่ตัวเองได้ยินได้ฟังมา มันจะหลงได้มาก ยิ่งเป็นคนชอบคิดเปรียบเทียบกับเรื่องนู้นเรื่องนี้ด้วย ยิ่งต้องระวัง (อย่างเรื่องเมตริกซ์) เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะรู้แจ้งได้ด้วยความบริสุทธิ์ของใจ ฉะนั้น ถ้าคิดแบบนี้จริง ต้องหมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้มาก อย่าคิดฟุ้งซ่านให้มาก จะดีที่สุด

#8 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 23 October 2010 - 11:50 AM

ผมก็ได้ยินมาน่ะครับว่า 5000 อสงไขย นั้นสำหรับเพียงแค่ นิพพานด้วยกายมนุษย์ แต่หากจะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมแล้วล่ะก็ ต้องดังที่ท่านอื่นๆ โพสมา หรือ ถ้าเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือ อสงไขยนั้นนับเป็นหนึ่งแล้วนับไปอีกเป็นอสงไขยน่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#9 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 23 October 2010 - 03:49 PM

(ได้ยินมาเหมือนกัน) เวลา 5000 นั้นจะต้องไม่มีคู่ครอง(ไม่มีกาม) หรือประพฤติพรหมจรรย์ ความบริสุทธิ์จึงจะมีมากพอ ที่จะเข้านิพพานด้วยกายเนื้อ -->นี่คงเป็นการเข้าฯคนเดียว

และได้ยินมาอีกว่า ที่บรรลุธรรมช้า เข้านิพพานได้ช้า เพราะเสพกามารมณ์
ถ้าใครอยากบรรลุธรรมเร็วๆ ก็ต้องเลิกเสพกาม

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#10 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 24 October 2010 - 08:57 PM

....ทุกคำถาม มีคำตอบครับ แต่ต้องศึกษาอีกระยะหนึ่งทีเดียว ให้ใจเย็นๆและศึกษาต่อนะ หุหุ บางเหตุผลถ้าดวงบุญเรายังไม่ถึง กับความสามารถของใจเรายังไม่ดีพอ บางเรื่องสู้ไม่รู้ก็น่าจะดีกว่า เพราะหลายท่านที่รู้มากๆ ตอนนี้อยู่ข้างนอกโน่น เหอๆ กินเหล้า เข้าผับ ฯลฯ ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะคิดว่าเป็นอุปโลกไง หุหุ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....