1. ผู้สูงสุดทางโลกียะหมายถึงอะไร?
2. ระดับโสดาบันอยู่ในโลกียะหรือพ้นโลกียะไปแล้ว?
3. พระเจ้าจักรพรรดิ์สามารถพิสูจน์กฏแห่งกรรมได้หรือไม่?
4. จักรแก้วทำจากวัสดุอะไรหรือทำจากอะไร?
5. ม้าแก้วมีหน้าที่ต่างจากช้างแก้วอย่างไร?
6. พระเจ้าจักรพรรดิ์สามารถทำให้วิทยาศาสตร์กับศาสนารวมเป็นหนึ่งเดียวใช่หรือไม่?
7. วิธีเรียกจักรแก้วทำอย่างไร?
8. เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิ์เกิดขึ้น จึงทำให้โลกอุดมสมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องทำไร่ไถนาได้อย่างไร?
ขอให้ผู้ตอบได้พบกับความเจริญยิ่งๆไป
พระเจ้าจักรพรรดิ์
เริ่มโดย good, Sep 27 2007 12:25 AM
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 27 September 2007 - 12:25 AM
#2
โพสต์เมื่อ 27 September 2007 - 12:32 AM
9. (ข้อนี้สำคัญ) พระพุทธเจ้าตรัสรู้(รู้แจ้ง)อริยสัจ 4 แล้วพระเจ้าจักรพรรดิ์รู้แจ้งอะไร? แล้วพระเจ้าจักรพรรดิ์มีวิธีปฏิบัติเพื่อการรู้แจ้งอย่างไร?
#3
โพสต์เมื่อ 27 September 2007 - 09:09 AM
ขอหัดตอบนะครับ ผิดพลาดประการขออภัยมาด้วย
1. ผู้สูงสุดระดับโลกียะ คือ มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาที่ไม่ได้อยู่ขั้นโลกุตระ ก็คือพระเจ้าจักพรรดิ์ เพราะ พระเจ้าจักร์พรรดิ์บังเกิดมาเพื่อประโยชน์สุขของมนุษย์โลก ดูแลทั้ง 4 ทวีป (โลกของเราทั้งใบ ทางศาสนาพุทธนับเป็น 1 ทวีป) ครับ
2. โสดาบันขึ้นไปเป็นโลกุตตระครับ ไม่มีทางถอยกลับมาเป็นปุถุชนแล้ว
3. ไม่ฟันธงนะครับ แต่พระองค์จะทำความดีเสมอ ไม่ทำความชั่วเลย และคนในยุคนั้นจะมีแต่ศีลธรรม
4. จักรแก้วเป็นของละเอียดครับ แม้จะเกิดในยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็เป็นของละเอียดครับ เป็นของทิพย์ครับ ไม่สามารถบอกได้ว่าทำจากวัสดุใดบนโลกมนุษย์ครับ
5. ไม่ฟันธงนะครับ แต่หน้าที่ไม่ต่างกัน เป็นพาหนะเหมือนกัน
6. พระเจ้าจักรพรรดิ์จะอยู่ในอาณาจักรที่จะมีหน้าที่ส่งเสริม ปกป้อง และรักษาให้พุทธจักรเจริญรุ่งเรืองครับ
7. แล้วแต่กรณีครับ ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เล่าในโรงเรียน ก็คือเมื่อถึงขีดของบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ์ จะต้องนั่งสมาธิรักษาศีลอุโบสถ 7 วันอย่างน้อย แล้วก็จะเกิดจักรแก้วก่อนครับ แล้วจึงเกิดสิ่งอื่นตามมาครับ
8. โดยอาศัยบุญของพระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นหลักครับ และรวมกับรัตน 7 ประการของพระองค์ครับ ของแนะนำไปศึกษา ซีดีเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ์ของทางวัดครับ
9. พระเจ้าจักรพรรดิ์ไม่ได้รู้แจ้งเพราะไม่ได้บรรลุธรรมเป็นแค่โลกียะครับ ยังไม่ใช่โลกุตตระครับ แต่เพราะองค์จะรู้แค่ระดับพื้นฐาน เช่น ศีล สมาธิ ครับ
1. ผู้สูงสุดระดับโลกียะ คือ มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาที่ไม่ได้อยู่ขั้นโลกุตระ ก็คือพระเจ้าจักพรรดิ์ เพราะ พระเจ้าจักร์พรรดิ์บังเกิดมาเพื่อประโยชน์สุขของมนุษย์โลก ดูแลทั้ง 4 ทวีป (โลกของเราทั้งใบ ทางศาสนาพุทธนับเป็น 1 ทวีป) ครับ
2. โสดาบันขึ้นไปเป็นโลกุตตระครับ ไม่มีทางถอยกลับมาเป็นปุถุชนแล้ว
3. ไม่ฟันธงนะครับ แต่พระองค์จะทำความดีเสมอ ไม่ทำความชั่วเลย และคนในยุคนั้นจะมีแต่ศีลธรรม
4. จักรแก้วเป็นของละเอียดครับ แม้จะเกิดในยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็เป็นของละเอียดครับ เป็นของทิพย์ครับ ไม่สามารถบอกได้ว่าทำจากวัสดุใดบนโลกมนุษย์ครับ
5. ไม่ฟันธงนะครับ แต่หน้าที่ไม่ต่างกัน เป็นพาหนะเหมือนกัน
6. พระเจ้าจักรพรรดิ์จะอยู่ในอาณาจักรที่จะมีหน้าที่ส่งเสริม ปกป้อง และรักษาให้พุทธจักรเจริญรุ่งเรืองครับ
7. แล้วแต่กรณีครับ ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เล่าในโรงเรียน ก็คือเมื่อถึงขีดของบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ์ จะต้องนั่งสมาธิรักษาศีลอุโบสถ 7 วันอย่างน้อย แล้วก็จะเกิดจักรแก้วก่อนครับ แล้วจึงเกิดสิ่งอื่นตามมาครับ
8. โดยอาศัยบุญของพระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นหลักครับ และรวมกับรัตน 7 ประการของพระองค์ครับ ของแนะนำไปศึกษา ซีดีเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ์ของทางวัดครับ
9. พระเจ้าจักรพรรดิ์ไม่ได้รู้แจ้งเพราะไม่ได้บรรลุธรรมเป็นแค่โลกียะครับ ยังไม่ใช่โลกุตตระครับ แต่เพราะองค์จะรู้แค่ระดับพื้นฐาน เช่น ศีล สมาธิ ครับ
#4
โพสต์เมื่อ 27 September 2007 - 10:22 AM
ซื้อ CD มาสิครับ กระจ่างจินต์แน่นอน หรือเข้าไปดู Linkนี้
http://www.kalyanami...x_vdo.php?cid=1
พุทธประวัติ ตอน พระเจ้าจักรพรรดิ
พุทธประวัติชุดนี้แสดงถึง ประวัติศาสตร์การสร้างบารมีของพระบรมโพธิสัตว์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้สั่งสมข้ามชาติ จึงได้ครอบครองสมบัติทั้ง ๗ ครอบครองด้วยบุญญาธิการ
http://www.kalyanami...x_vdo.php?cid=1
พุทธประวัติ ตอน พระเจ้าจักรพรรดิ
พุทธประวัติชุดนี้แสดงถึง ประวัติศาสตร์การสร้างบารมีของพระบรมโพธิสัตว์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้สั่งสมข้ามชาติ จึงได้ครอบครองสมบัติทั้ง ๗ ครอบครองด้วยบุญญาธิการ
#5 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 24 January 2011 - 05:07 PM
ขอตอบตามความเห็น
๑.ผู้สูงสุดทางโลกียะ นั้นยังคลุมเครือ แต่ถ้าเป็นผู้สูงสุดของโลกทิพย์ในทางฆราวาส นั้นก็คือพระบรมมหาจักรพรรดิ์
๒.ระดับพระโสดาบันอยู่ในโลกุตรภูมิ แต่ยังเกี่ยวข้องในโลกอยู่บ้างแต่ใจท่านสัมผัสกระแสพระนิพพานแล้ว เมื่อใจสัมผัสแล้วย่อมรู้ความสุขในนิพพานอันเหนือกว่าโลกียะอยู่มาก ใจนั้นจึงไม่หวนคืนจะกลับมาสู่ทุกข์ทางโลกอีก
๓.พระเจ้าจักรพรรดิ์ สามารถพูจน์กฎแห่งกรรมได้ เพราะเป็นผู้กำหนดกฎสวรรค์
๔.จักรแก้วทำจากอาวุธทั้ง ๔ ทิศ อันมีคุณสมบัติที่ปราบมารได้ และในพวกมารนั้นมีคุณไสยฯรวมอยู่ด้วย จึงมีคุณลักษณะหรือวัสดุที่เปรียบเสมือนแก้วเพราะแก้วสามารถสะท้อนความมืดให้หายไป เฉกเช่นเดียวกับทำความสว่างให้เกิด อธรรมหรือสิ่งมืดชั่วร้ายย่อมหายไป
๕.ช้างแก้วแตกต่างจากม้าแก้วในแง่ การใช้งาน (ช้างแก้วนั้นพระเจ้าจักรพรรดิ์จะทรงนำไปในงานที่มีพิธีการซักหน่อย เช่นการเคลื่อนขบวนเพื่อกระทำพิธีกำหนดหรือสถาปนาบุรุษเทพ ในทวีปทั้ง ๔ ส่วนม้าแก้ว เป็นพาหนะทรงที่ใช้ในการทั่วไป ซึ่งบุคคลอื่นไม่สามารถขึ้นได้ นอกจากพระเจ้าจักรพรรดิ์และนางแก้ว)
๖.สามารถทำให้เข้าใจกันได้ใน ๒ ทางระหว่างวิทยาศาสตร์และพุทธเพราะมากล้นด้วยปัญญาญาณ
๗.การเรียกจักรแก้ว ใช้ใจท่านที่เป็นแก้วสารพัดนึกในการกำหนด
๘.จะสามารถทำให้โลกสมบูรณ์ได้โดยการป้องกันภัยใน ๔ ทิศนั้นได้ โดยการป้องกันภัยจากต่างโลกและป้องกันภัยพิบัติธรรมชาติโดยการสร้างความสมดุลทางธรรมชาติให้เกิด(โดยการสร้างสมดุลในรูปและนาม/โลกทิพย์และโลกมนุษย์)
๑.ผู้สูงสุดทางโลกียะ นั้นยังคลุมเครือ แต่ถ้าเป็นผู้สูงสุดของโลกทิพย์ในทางฆราวาส นั้นก็คือพระบรมมหาจักรพรรดิ์
๒.ระดับพระโสดาบันอยู่ในโลกุตรภูมิ แต่ยังเกี่ยวข้องในโลกอยู่บ้างแต่ใจท่านสัมผัสกระแสพระนิพพานแล้ว เมื่อใจสัมผัสแล้วย่อมรู้ความสุขในนิพพานอันเหนือกว่าโลกียะอยู่มาก ใจนั้นจึงไม่หวนคืนจะกลับมาสู่ทุกข์ทางโลกอีก
๓.พระเจ้าจักรพรรดิ์ สามารถพูจน์กฎแห่งกรรมได้ เพราะเป็นผู้กำหนดกฎสวรรค์
๔.จักรแก้วทำจากอาวุธทั้ง ๔ ทิศ อันมีคุณสมบัติที่ปราบมารได้ และในพวกมารนั้นมีคุณไสยฯรวมอยู่ด้วย จึงมีคุณลักษณะหรือวัสดุที่เปรียบเสมือนแก้วเพราะแก้วสามารถสะท้อนความมืดให้หายไป เฉกเช่นเดียวกับทำความสว่างให้เกิด อธรรมหรือสิ่งมืดชั่วร้ายย่อมหายไป
๕.ช้างแก้วแตกต่างจากม้าแก้วในแง่ การใช้งาน (ช้างแก้วนั้นพระเจ้าจักรพรรดิ์จะทรงนำไปในงานที่มีพิธีการซักหน่อย เช่นการเคลื่อนขบวนเพื่อกระทำพิธีกำหนดหรือสถาปนาบุรุษเทพ ในทวีปทั้ง ๔ ส่วนม้าแก้ว เป็นพาหนะทรงที่ใช้ในการทั่วไป ซึ่งบุคคลอื่นไม่สามารถขึ้นได้ นอกจากพระเจ้าจักรพรรดิ์และนางแก้ว)
๖.สามารถทำให้เข้าใจกันได้ใน ๒ ทางระหว่างวิทยาศาสตร์และพุทธเพราะมากล้นด้วยปัญญาญาณ
๗.การเรียกจักรแก้ว ใช้ใจท่านที่เป็นแก้วสารพัดนึกในการกำหนด
๘.จะสามารถทำให้โลกสมบูรณ์ได้โดยการป้องกันภัยใน ๔ ทิศนั้นได้ โดยการป้องกันภัยจากต่างโลกและป้องกันภัยพิบัติธรรมชาติโดยการสร้างความสมดุลทางธรรมชาติให้เกิด(โดยการสร้างสมดุลในรูปและนาม/โลกทิพย์และโลกมนุษย์)