ถ้ารู้ล่วงหน้าได้ว่าอีก 7วันจะตาย คุณจะทำอะไรก่อนตายกันบ้างครับ
โพสต์เมื่อ 15 October 2013 - 06:21 AM
ถ้ารู้ล่วงหน้าได้ว่าอีก 7วันจะตาย คุณจะทำอะไรก่อนตายกันบ้างครับ
โพสต์เมื่อ 15 October 2013 - 07:12 AM
...ทำเหมือนที่ ชาวพุทธในอดีตทำน่ะคับ สมัยพุทธกาลก็มีเป็นกรณีศึกษานะ ครั้งนั้นพระศาสดาเคยเอ่ยถึงกุฏุมพี (พ่อค้าเศรษฐี) ท่านหนึ่่งว่าจะถึงความเสื่อมในอีก 7 ราตรี พระอานนท์เมื่อทราบถึงเหตุการณ์ จึงขออนุญาตไปกล่าวเตือนถึงกาลอันเสื่อมนี้แก่พ่อค้า ซึ่งพระศาสดาก็ทรงอนุญาต ครั้นพอพ่อค้าทราบว่าความเสื่อมอย่างใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นแ่ก่ตนในอีก 7 วันนี้ก็ร้องไห้เสียใจ...
...แต่เมื่อได้สติก็รีบเคลียงานการต่างๆอันค้างคาเท่าที่จะพอทำได้ (เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ผู้ใด) แล้วรีบสั่งสมบุญกุศลอย่างหนัก ด้วยตนมิค่อยได้ทำบุญกุศลเลย ด้วยทำแต่งาน หาแต่เงินหาแต่ทรัพย์เพียงอย่างเดียว
...ครั้นพอครบ 7 วันก็เกิดอาการผิดปกติกับร่างกายและละสังขารไปด้วยจิตใจที่ผ่องใสในผลบุญที่ตลอด 7 วันได้สั่งสมมา จึงไปบังเกิดเป็นเทพบุตร ณ ดาวดึงส์พิภพ
..............
... ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่อยากทำตามบุคคลอันเป็นตัวอย่างในสมัยพุทธกาลนั่นแหละ คือ ถ้ารู้ว่าจะตายจริงก็คงทำบุญแบบสุดๆเลย ก็ไม่ได้ถึงกับหวังสวรรค์ชั้นสูง แต่ก็ขอให้ไปอยู่ชั้นที่จะพร้อมลงมาเกิดสร้างบารมีอีกได้ง่ายๆนั่นแหละ ...จริงๆแล้ว ก็เปรียบได้เหมือนกับว่า ถ้าเรารู้ว่าในอีก 7 วันเราจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดแบบไม่ได้กลับมาจังหวัดนี้ เราควรเตรียมตัว เตรียมเสบียงอะไรไปบ้างนั่นแหละ ...
....แต่ครั้งนี้แตกต่างตรงที่ว่า เราจะเดินทางไปไกลแระอีกนานกว่าจะได้เป็นมนุษย์อีก ตอนนี้เราทำบุญจริงจังแค่ไหนเพื่อรับรองว่า เราจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกไม่ตกไปในอบายภูมิ ..นี่ก็ถือว่าได้เตรียมการอย่างเหมาะสมอยู่บ้างแล้ว
โพสต์เมื่อ 15 October 2013 - 09:16 AM
ต้องทำความเข้าใจในความเป็นจริงของชีวิตที่ว่า..."ความตายไม่มีนิมิตหมาย"
บุคคลใดก็ตามที่สามารถหยั่งรู้ พยากรณ์ล่วงหน้าว่า...อีกกี่วันจะตายได้อย่างแม่นยำนั้น...ย่อมแสดงถึงความเป็นผู้สำเร็จในอนาคตังสญาณนั้น ย่อมเจริญอัธยาศัยตามสภาวธรรมอันปุถุชนไม่สามารถหยั่งรู้ได้
ในระดับปุถุชน ยากที่จะรู้ว่า "พรุ่งนี้กับชาติหน้า" อะไรจะมาก่อนกัน ดังนั้นพึง"ไม่ประมาทในธรรม"จึงเป็นกิจที่เหมาะที่สุด ดังที่คุณดินสอแห่งธรรมตอบไว้
โพสต์เมื่อ 15 October 2013 - 10:46 AM
"พรุ่งนี้กับชาติหน้า" อะไรจะมาก่อนกัน ดังนั้นพึง"ไม่ประมาทในธรรม"จึงเป็นกิจที่เหมาะที่สุด
สาธุค่ะ...กราบขอบพระคุณที่เตือนสติค่ะ
โพสต์เมื่อ 15 October 2013 - 08:44 PM
เชื่อหรือไม่ว่า บุคคลที่แม้ทราบว่า อีก 7 วันข้างหน้ากำลังจะตาย เขาก็ยังคงกระทำกิจ เหมือนที่ทำอยู่ทุกวันนี้ บุคคลเช่นนั้นได้ชื่อว่า กำลังเดินไปสู่ความสุขที่เที่ยงแท้
ส่วนบุคคลที่พอทราบว่า อีก 7 วันข้างหน้า กำลังจะตาย ก็รีบเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่โดยสิ้นเชิง เช่น ปัจจุบันกำลังหมกมุ่นทำมาหากิน ไม่คิดเข้าวัด พอทราบว่าจะตาย เลยเริ่้มปล่อยวาง หันหน้าเข้าวัด
บุคคลเช่นนี้ ย่อมได้ชื่อว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งที่จะพาเขาไปสู่ความสุข สิ่งนั้นไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาเลย
โพสต์เมื่อ 15 October 2013 - 09:04 PM
คล้ายๆ กับเหตุการณ์ที่ว่า คนทั่วไปก็จะหันมาทำความดีที่พิเศษขึ้นในวันเกิด เช่น ตักบาตร ปล่อยปลา ไปวัดถวายสังฆทาน
แต่กับบางคนไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เป็นพิเศษในวันเกิดเลย เพราะสิ่งเหล่านี้ทำเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว...
ส่วนบุคคลที่พอทราบว่า อีก 7 วันข้างหน้า กำลังจะตาย ก็รีบเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่โดยสิ้นเชิง เช่น ปัจจุบันกำลังหมกมุ่นทำมาหากิน ไม่คิดเข้าวัด พอทราบว่าจะตาย เลยเริ่้มปล่อยวาง หันหน้าเข้าวัด
บุคคลเช่นนี้ ย่อมได้ชื่อว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งที่จะพาเขาไปสู่ความสุข สิ่งนั้นไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาเลย
ดังนั้น ถ้าตอนนี้เราเห็นตามแล้วว่า สิ่งที่เราก็ทำอยู่ในปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่พาไปสู่ความสุข ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง ถือว่าวันนี้เราก็รู้ตัวเร็วแล้ว ก็รีบมากระทำในสิ่งที่เราคิดว่าเราจะทำในอีก 7 วันข้างหน้าก่อนตายกันตั้งแต่วินาทีนี้เลยดีกว่านะคะ
โพสต์เมื่อ 15 October 2013 - 09:42 PM
ประเด็นนี้ขอผ่านนะครับ เพราะทำตัวเสมือนไม่มีพรุ่งนี้อยู่แล้วครับ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จัดการ จัดสรรไว้แล้ว บางเรื่องก็เตรียมไปเผื่อถึงคนอื่นที่ต้องอยู่ต่อไปด้วย คงไม่มีอะไรต้องคิดต้องทำเพิ่มให้เป็นภาระครับ
โพสต์เมื่อ 15 October 2013 - 10:03 PM
... กระทู้นี้ดีนะ ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้
...คนกับประมาท กับคนไม่ประมาท หัวข้อกระทู้นี้ แยกแยะได้ชัดเจนที่สุด
โพสต์เมื่อ 23 October 2013 - 09:22 AM
ขอบคุณครับ ทุกท่าน ลุยครับ
โพสต์เมื่อ 23 October 2013 - 09:47 AM
ทำประกันครับผม
โพสต์เมื่อ 24 October 2013 - 12:50 PM
เดี๋ยวนี้ประกันชีวิต มักจะไม่จ่ายทุนประกัน(ให้ง่ายๆ) หรือไม่รับทำประกันตั้งแต่แรก กรณีผู้ใดทำประกันแล้ว เสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้นน่ะครับ
หากเป็นกรณีอุบัติเหตุ ก็ต้องพิสูจน์กันไปตามขั้นตอนว่า อุบัติเหตุหรือ ตั้งใจ(ตาย) น่ะครับ
หากไม่ใช่อุบัติเหตุ เขาจะเพียงคืน เบี้ยประกันให้น่ะครับ (ไม่ใช่ทุนประกัน) เช่น ส่งเบี้ยมาแล้ว 1 เดือน สมมุติ 8 พัน แล้วทำให้ตัวเองตาย แต่จงให้เหมือนอุบัติเหตุ ซึ่งถ้าประกันสืบทราบจนพบ เขาก็จะเพียงคืนเบี้ยประกันให้ แค่ 8 พันเท่านั้น ส่วนที่จะไปหวังจะได้ทุนประกันเป็น แสน นั้น ก็เข้าตามหลักเกณฑ์ของการประกันเป๊ะๆ น่ะครับ