มองการเดินทางของเวลาอย่างทะลุปรุโปร่ง
หลักธรรมของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า VS หลักการของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
เรื่องราวของมิติที่ 4 ก็คือเวลาในแต่ละโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็นพันปีแล้วในทางวิทยาศาสตร์ทฤษฎีสัมพันธภาพพบว่า เวลาของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน สถานที่ใดมีมวลสารที่มีความหนาแน่นสูง สถานที่นั้นเวลาจะเคลื่อนที่ช้า
พอเราตรวจดูโครงสร้างของโลก สวรรค์ และนรก ตำแหน่งของนรกอยู่แถวๆ หลุมดำตรงกลางกาแล็กซีพอดี อย่างสุริยะจักรวาลค่อยไปทางด้านล่าง ก็มีหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง แล้วมีหลุมย่อย ๆ ออกไป ซึ่งเกือบจะซ้อนกับลักษณะของนรก แล้วในหลุมดำยังมีมวลสารที่มีความหนาแน่นมาก ขนาดแสงหลุดผ่านออกมาไม่ได้
ดังนั้น เวลาในนั้นจึงเคลื่อนที่ช้ามาก ซึ่งสอดคล้องกับเวลาในมหานรกที่เคลื่อนที่ช้ามากเช่นเดียวกัน แต่นี่เป็นการอธิบายพอให้เข้าใจเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วยังมีภพซ้อนภพ มีมิติต่างๆ ที่ยิ่งกว่ามิติที่4 ซ้อนอยู่อีก เราอย่าไปคิดอะไรแบบ3มิติ ตามความคุ้นเคยเดิมของเราเท่านั้น
เป็นเรื่องที่น่าแปลกว่า ยิ่งวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้น ก็นิ่งพิสูจน์ความถูกต้องของพุทธศาสตร์ได้ชัดเจนมากขึ้นไปอีก เพียงแต่การพิสูจน์ทางด้านวิทยาศาสตร์นั้น ยังเปรียบเสมือนเด็กอนุบาลที่ก้าวเดินเตาะแตะ คือ ยังไม่ค่อยรู้อะไรชัดเจนมากนัก ในขณะที่ทางด้านพุทธศาสตร์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้แจ้งไปเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น ถ้าใครอยากทันสมัย ก็ต้องหันมาศึกษาพุทธศาสตร์ตั้งใจเจริญภาวน ได้ไปรู้ไปเห็นด้วยตนเองเมื่อใด เราก็จะแจ่มแจ้งเอง
พวกเรามีบุญมาก เพราะได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ ได้นับถือพระพุทธศาสนา เราจึงต้องตั้งใจหมั่นศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วลงมือปฏิบัติให้คุ้มกับความมีบุญของเราทุกคน
จากหนังสือ 24 ชั่วโมงที่ฉันหายใจ
โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
(สมชาย ฐานวุฑโฒ)