เราจะรู้ได้อย่างไรครับ ว่าเราเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ
จะรู้ได้ยังไงคับว่าเราเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว
เริ่มโดย จีวร, Jun 28 2010 10:02 PM
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 28 June 2010 - 10:02 PM
#2
โพสต์เมื่อ 28 June 2010 - 10:59 PM
เข้าถึง รู้เห็น และเป็น ครับ
พระพุทธพจน์ว่า... ชานตา ปัสสตา อรหัตตา สัมมาสัมพุทเธนะ รู้ เห็น จึงปฏิญาณเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เข้าใจง่ายๆว่า....
ณ 072
เห็นดวงแก้วสว่างชัดเจน เห็นเองโดยไม่ได้ตรึกนึกแล้ว ทั้งลืมตาและหลับตา (ดวงปฐมมรรค)
เห็นองค์พระธรรมกายชัดเจน เห็นเองโดยไม่ได้ตรึกนึกแล้ว ทั้งลืมตาและหลับตา
ชัดยิ่งกว่าอะไร แจ่มยิ่งกว่าภาพในความฝัน สว่างไสวและปีติสุขอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นอะไรแบบนี้ได้ เหนือจินตนาการ เพราะมันเห็นจริงๆ และมันก็เป็นไปแล้วครับ และสามารถเห็นได้แบบ TV 360 องศา ทุกอณู ทุกมุมมองขององค์พระธรรมกายอย่างชัดเจนเลยทีเดียวเชียวครับ
หลังจากนั้นก็ไปหาพระอาจารย์ให้ท่านต่อวิชชาให้นะครับ
พระพุทธพจน์ว่า... ชานตา ปัสสตา อรหัตตา สัมมาสัมพุทเธนะ รู้ เห็น จึงปฏิญาณเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เข้าใจง่ายๆว่า....
ณ 072
เห็นดวงแก้วสว่างชัดเจน เห็นเองโดยไม่ได้ตรึกนึกแล้ว ทั้งลืมตาและหลับตา (ดวงปฐมมรรค)
เห็นองค์พระธรรมกายชัดเจน เห็นเองโดยไม่ได้ตรึกนึกแล้ว ทั้งลืมตาและหลับตา
ชัดยิ่งกว่าอะไร แจ่มยิ่งกว่าภาพในความฝัน สว่างไสวและปีติสุขอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นอะไรแบบนี้ได้ เหนือจินตนาการ เพราะมันเห็นจริงๆ และมันก็เป็นไปแล้วครับ และสามารถเห็นได้แบบ TV 360 องศา ทุกอณู ทุกมุมมองขององค์พระธรรมกายอย่างชัดเจนเลยทีเดียวเชียวครับ
หลังจากนั้นก็ไปหาพระอาจารย์ให้ท่านต่อวิชชาให้นะครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 28 June 2010 - 11:27 PM
................สันทิฏฐิโก..............
มีผู้ศึกษาและปฏิบัติทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต อุบาสก อุบาสิกาแพร่หลายแทบทั่วประเทศไทย
ซึ่งได้รับผลของการปฎิบัติยืนยันได้ด้วย "ตัวของท่านเอง" ซึ่งเรียกว่า สันทิฏฐิโก อันผู้ได้
บรรลุจะพึงเห็นเอง.
...................จากหนังสือทางมรรคผล.
หรือดูจากบทสวดมนต์ ทำวัตรเช้าค่ะ
"โยโส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฎฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ"
...............................แปลจากภาษาบาลีมาเป็นภาษาไทยได้ดังนี้
"พระธรรมอันใด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๑.ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ๒. เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึง
เห็นได้ด้วยตนเอง ๓. เป็นสิ่งที่ปฎิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ๔. เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้
อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด ๕. เป็นสิ่งที่ควรนอบน้อมเข้ามาใส่ตัว ๖. เป็นสิ่งที่ผู้รู้จะพึงรู้ได้เฉพาะตน"
........
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับจขกท และผู้เข้าถึงธรรมด้วยค่ะ สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 29 June 2010 - 03:34 AM
ตัวผมเองก็มีบุญได้แค่ " สมถะกรรมฐาน " นอกจากนั้นก็หาอ่านจากหนังสือ วิชชาธรรมกาย ของหลวงปู่
ลองเข้าไปใน google แล้ว search คำว่า วิชชาธรรมกาย
มีอยู่เวปนึง ชื่อเวปกายาธรรม kayadham รวมหนังสือ เกี่ยวกับ วิชชาธรรมกาย เยอะมากๆ
..................ลองหาดูเจอแน่นอน ครับ
ลองเข้าไปใน google แล้ว search คำว่า วิชชาธรรมกาย
มีอยู่เวปนึง ชื่อเวปกายาธรรม kayadham รวมหนังสือ เกี่ยวกับ วิชชาธรรมกาย เยอะมากๆ
..................ลองหาดูเจอแน่นอน ครับ
#5
โพสต์เมื่อ 30 June 2010 - 02:04 AM
ความคิดผม คิดว่า วิชาธรรมกาย ทาง วิทยาศาสตร์ เป็นพลังงาน พลังงานหนึ่ง ที่อยู่ในตัว ของคนเราเอง จะมาก จะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน และ จิต ของแต่ละคน
การเข้าถึง เราจะรับรู้ พลังงาน นั้นเอง เหมือนมีพลังงานที่เรารับรู้ได้ จนเกิดความปิติ ความอิ่มเอิบ ความชุ่มชื่นหัวใจ เหมือนเราได้พลังงานมาใช้ ในชีวิต ของเรา (เท่าที่ฟังคนที่ เข้าถึง พระธรรมกายพูดหลายๆคน น่ะครับ)
...ถ้าคุณรับรู้ และได้รับ ถึงพลังงาน นั้นได้ ผมว่า คุณเข้าถึงพระธรรมกาย แล้ว
การเข้าถึง เราจะรับรู้ พลังงาน นั้นเอง เหมือนมีพลังงานที่เรารับรู้ได้ จนเกิดความปิติ ความอิ่มเอิบ ความชุ่มชื่นหัวใจ เหมือนเราได้พลังงานมาใช้ ในชีวิต ของเรา (เท่าที่ฟังคนที่ เข้าถึง พระธรรมกายพูดหลายๆคน น่ะครับ)
...ถ้าคุณรับรู้ และได้รับ ถึงพลังงาน นั้นได้ ผมว่า คุณเข้าถึงพระธรรมกาย แล้ว
#6
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 12:44 AM
เบื้องต้นก็คือรู้ได้ด้วยตัวเอง เหมือนเราตื่นนอน เราก็รู้ว่าเราตื่น ไม่ต้องมีใครมาบอก
แต่ในทางปฏิบัติจริง ๆ โดยมากจะสำคัญผิด ทางที่ดีคือ ความไม่ประมาท
เพราะแม้แต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ก็ยังไม่ได้มีความประมาททึกทักว่าตนเองคือพระพุทธเจ้าแล้ว
หากอ่านในพระไตรปิฎกดูจะรู้ว่า กว่าพระองค์จะปฏิญญาตนว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องมีเงื่อนไขมากมายที่จะยอมรับได้
หมายถึงว่าตัวเองต้องพิสูจน์ตัวเองได้อย่างหมดจด แม้แต่ให้ผู้อื่นพิสูจน์ก็ไม่หวั่น
หากเข้าถึงพระธรรมกายจริง ก็ไม่ต้องกลัวอะไร ในเมื่อผู้ที่จะยืนยันเรื่องนี้ได้มีอยู่
เราก็เข้าไปหา เข้าไปถาม ไม่มีอะไรเสียหาย ขาดตกบกพร่องอะไรจะได้แก้ไข
เพราะเข้าถึงธรรมกายแล้วก็ใช่ว่าจะถึงที่สุดแห่งทุกข์ ก็ยังต้องฝึกฝนต่อไป
แม้เข้าถึงแล้ว แต่ประมาท ไม่หมั่นรักษาใจ ไม่หมั่นทบทวน ไม่หมั่นฝึกฝน
กิเลสก็ฟูขึ้นอีกจนสุดท้ายก็หายไปได้เหมือนกัน เพราะยังไม่ใช่พระอรหันต์
ฉะนั้น ไม่ว่าจะนั่งสมาธิได้ระดับไหน สิ่งที่ไม่ควรเกิดคือความประมาท
รักษากาย รักษาใจ ให้ดีตลอดเวลา ไม่ว่าเมื่อไร จะไม่ผิดหวังกับสิ่งที่หวังแน่นอน
แต่ในทางปฏิบัติจริง ๆ โดยมากจะสำคัญผิด ทางที่ดีคือ ความไม่ประมาท
เพราะแม้แต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ก็ยังไม่ได้มีความประมาททึกทักว่าตนเองคือพระพุทธเจ้าแล้ว
หากอ่านในพระไตรปิฎกดูจะรู้ว่า กว่าพระองค์จะปฏิญญาตนว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องมีเงื่อนไขมากมายที่จะยอมรับได้
หมายถึงว่าตัวเองต้องพิสูจน์ตัวเองได้อย่างหมดจด แม้แต่ให้ผู้อื่นพิสูจน์ก็ไม่หวั่น
หากเข้าถึงพระธรรมกายจริง ก็ไม่ต้องกลัวอะไร ในเมื่อผู้ที่จะยืนยันเรื่องนี้ได้มีอยู่
เราก็เข้าไปหา เข้าไปถาม ไม่มีอะไรเสียหาย ขาดตกบกพร่องอะไรจะได้แก้ไข
เพราะเข้าถึงธรรมกายแล้วก็ใช่ว่าจะถึงที่สุดแห่งทุกข์ ก็ยังต้องฝึกฝนต่อไป
แม้เข้าถึงแล้ว แต่ประมาท ไม่หมั่นรักษาใจ ไม่หมั่นทบทวน ไม่หมั่นฝึกฝน
กิเลสก็ฟูขึ้นอีกจนสุดท้ายก็หายไปได้เหมือนกัน เพราะยังไม่ใช่พระอรหันต์
ฉะนั้น ไม่ว่าจะนั่งสมาธิได้ระดับไหน สิ่งที่ไม่ควรเกิดคือความประมาท
รักษากาย รักษาใจ ให้ดีตลอดเวลา ไม่ว่าเมื่อไร จะไม่ผิดหวังกับสิ่งที่หวังแน่นอน
#7
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 10:42 AM
ขอบคุณมากครับสำหรับทุกคำตอบ ผมจะตั้งใจปฏิบัติธรรมต่อไป
#8
โพสต์เมื่อ 05 August 2010 - 04:38 PM
ขอบพระคุณทุกคำตอบเเละผู้ตั้งคำถามครับ