... ถ้าบรรลุอรหัตตผล ร่างกายในเพศฆราวาสนี้จะไม่มีความบริสุทธิ์มากพอที่จะรับธรรมอันปราศจากกิเลสอาสวะได้ ก็จะดับไปใน 7 วันนั้นเอง แต่หากเปลี่ยนเพศจากฆราวาสเป็นบรรพชิต ร่างกายจะมีความละเอียดของธรรมะที่รองรับกันได้ ก็จะดำรงชีพอยู่ได้ ก็เหมือนลักษณะ เครื่องสื่อ กับเครื่องรับ ถ้าจูนกันไม่ติดก็สื่อสารไม่ได้ และใช้งานไม่ได้นั่นเอง
..ถ้าบรรลุโสดาปัตติผล ก็จะเกิดอีก 7 ชาติก็จะเ้ข้านิพพาน คือ นับจากนี้อีก 7 ผลจะได้นิพพาน
...ทั้งสองของการบรรลุธรรมนั้น ตายได้ แต่จะตายด้วยวิธีใดนั้นเอง จะไม่เหมือนการตายทั่วไปของปุถุชน การตายของผู้บรรลุธรรมจะตายอย่างมีสติ ตายก่อนตาย หรือดับขันธ์ของตนก่อนถึงอายุขัยก็ได้ ส่วนทางไปก็ถือสุคคติ หรือ นิพพาน ด้วยกายธรรมตามนั้น ตามกำลังแห่งความบริสุทธิ์
....การตายโดยขาดสติ หรือ ขาดความยั้งคิด หรือ ตายตามอารมณ์ หรืออยากตาย หรือ อยากทำให้ตัวเองตาย หรือยอมให้ใครฆ่าตาย จิตใจจะเศร้าหมอง จะไปสู่อบายภูมิ ไปสู่ทุคคติ ยิ่งหมองมากก็ลงไปลึกมาก และต้องเวียนว่ายตายเกิดในทุคคติจนกว่าจะมีความรู้สึกอยากเกิด อยากมีชีวิตอยู่ และจนกว่ากรรมจะเบาบาง ซึ่งเป็นภาวะจิตของผู้รับวิบากกรรมนี้ที่น่าสงสารมาก และเวียนเกิดเวียนตายยาวนานมาก กว่าจะพ้นกรรม และเมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้ว หากยังมีกรรมอยู่แล้วไปฆ่าตัวตายอีก หรือทำแบบเดิมอีก ก็จะกลับเข้าสู่วงจรเดิมอีกยาวนานแสนนาน หรือบางทีก็ไม่มีเวลาที่จะกำหนดได้เลยว่าจะพ้นกรรมเหล่านี้จริงๆ แบบถาวรได้เมื่อไหร่...
... ชีวิตที่มีอยู่ บางทีทำเพื่อตัวเองมามากแล้ว ก็ลองทำเพื่อคนอื่นดูบ้างสิครับ ทำเพื่อพระพุทธศาสนาส่วนรวมดูบ้าง หรือบวชเพื่อเป็นอายุของพระพุทธศาสนาดู อย่างนั้นก็ยังได้ชื่อว่ากระทำด้วยใจที่มีต่อผู้อื่น ต่อส่วนรวม ผลที่ได้ย่อมเกินควรเกินคาด และดีกว่าทำเพื่อตนเอง หรือครอบครัวตนเอง อย่างแน่นอน...
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....