คุณ โทษ และการสลัดออกไปจากรูป
อะไรเล่า เป็นคุณแห่งรูปทั้งหลาย คือ
หญิงสาวในสกุลต่างๆ(กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี) อายุ ๑๕, ๑๖ ปี
ไม่สูงหรือต่ำเกินไป ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป ไม่ดำหรือขาวเกินไป
ก็ในสมัยนั้น หญิงสาวผู้นั้น ย่อมเป็นผู้งดงาม เปล่งปลั่งอย่างยิ่ง
ภิกษุทั้งหลาย การที่สุข โสมนัสเกิดขึ้น เพราะอาศัยความงาม ความเปล่งปลั่ง
นี้ชื่อว่าเป็นคุณแห่งรูปทั้งหลาย
อะไรเล่า เป็นโทษแห่งรูปทั้งหลาย คือ
๑.) เมื่อสมัยอื่นหญิงสาวนี้ มีอายุ ๘๐, ๙๐ หรือ ๑๐๐ ปี โดยกำเนิด
เป็นคนแก่หง่อม มีซี่โครงดังกลอนเรือน มีหลังงอ ถือไม้เท้า เดิน งกๆ เงิ่นๆ กระสับกระส่าย
ฟันหัก ผมหงอก หัวโกร๋น หัวล้าน หนังเหี่ยว มีตัวตกกระ
ความงดงาม ความเปล่งปลั่ง ที่เคยมีแต่ก่อนนั้น หายไปแล้ว
โทษ(ของรูป)ก็จึงปรากฏชัด
แม้ข้อนี้ ก็ชื่อว่าเป็นโทษแห่งรูปทั้งหลาย
๒.) เมื่อหญิงสาวนั้นเกิดเจ็บป่วย มีทุกข์ เจ็บหนัก นอนจมขี้เยี่ยวของตน
ต้องให้ผู้อื่นพยุงลุกขึ้น ต้องให้ผู้อื่นช่วยประคอง
ความงดงาม ความเปล่งปลั่ง แต่ก่อนนั้นหายไปแล้ว
โทษก็ปรากฏชัดแล้ว
แม้ข้อนี้ ก็ชื่อว่าเป็นโทษแห่งรูปทั้งหลาย
๓.) เมื่อหญิงสาวนั้นเป็นซากศพ ตายแล้ว ๑ วันบ้าง ๒ วันบ้าง ๓ วันบ้าง
พองขึ้นอืด มีเนื้อเขียวคล้ำ น้ำเหลืองไหลน่าเกลียด
ถูกทิ้งไว้ให้สัตว์น้อยใหญ่ แทะทึ้ง กัดกิน
มีเศษเนื้อ, เส้นเอ็น เหลือติดกระดูกกะรุ่งกะริ่ง
จนเหลือแต่ โครง, กอง, หรือ ท่อน กระดูกขาวโพลน กระจัดกระจายกันอยู่
ซึ่งสุดท้าย ก็ผุป่นเป็นผุยผง
ความงดงาม ความเปล่งปลั่ง แต่ก่อนนั้น หายไปแล้ว
โทษก็ปรากฏชัดแล้ว
แม้ข้อนี้ก็ชื่อว่าเป็นโทษแห่งรูปทั้งหลาย
อะไรเล่า เป็นการสลัดออกไปจากรูปทั้งหลาย คือ
การกำจัดฉันทราคะ การละฉันทราคะในรูปทั้งหลาย
นี้ชื่อว่า การสลัดออกไปจากรูปทั้งหลาย.
ล.๑๒ น.๑๗๒-๑๗๔, มหาทุกขักขันธสูตร.