คห.ที่ 21 ตอบได้ดีมากครับ โมทนาสาธุด้วยครับ
QUOTE
รู้แล้วได้อะไร ไม่รู้แล้วได้อะไรครับ
คุณ คห.ที่ 23 รู้แล้วได้ปัญญา ไม่รู้ก็โง่ดักดานต่อไป(แก้เป็น "รู้แล้วได้ปัญญา ไม่รู้ก็เป็นอวิชชาต่อไป") ศาสนาของพระพุทธเจ้าคือศาสนาของผู้รู้ พุทธะแปลว่าผู้รู้ ดังนั้นรู้ไว้ใช่ว่าดีกว่าใส่บ่าแบกหามครับ
QUOTE
พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ ต้องฝึกตอบคำถามพวกนี้ด้วยหรือครับ นึกว่าทำใจหยุดใจนิ่งซะอีก
ตอบ ศีล สมาธิ ปัญญา หยุดการสร้างบาปอกุศลทั้งปวง(ศีล) หยุดจิตให้สงบนิ่งระงับจิตระงับใจไม่ขุ่นมัวคิดต่อว่าผู้อื่น(สมาธิ) หยุดบาปอกุศลเจริญปัญญามีความรู้แจ้งโลก ภพ3 โลกันต์ นิพพาน (ปัญญา)
การหยุดการนิ่งมีหลายระดับ ถ้าเป็นการหยุดการนิ่งแบบพรหม จะเป็นการหยุดนิ่งเป็นสมาธิแนบแน่น แต่ปัญญาไม่เกิด ธรรมจักขุไม่มี ความรู้เห็นในสัจธรรมหรือความจริงยังไม่ปรากฎ แต่การหยุดนิ่งที่พระพุทธเจ้าเราทรงเข้าถึงนั้นเป็นการหยุดนิ่งที่ประกอบไปด้วยธรรมจักขุ มีรู้และญาณทัศนะเครื่องกำจัดอวิชชา คือความไม่รู้ครับ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ล้วนมุ่งที่จะหยุดกิเลสในตนและมุ่งเข้าถึงความรู้แจ้งเห็นแจ้งครับ
QUOTE
หยุดแล้วไม่รู้ เรียกว่า อวิชชา
หยุดแล้วรู้ เรียกว่า วิชชา