ผมเคยอ่านหนังสืออ่ะครับบอกว่า ในชั่วขณะ จิตเกิดดับนับแสนโกฏิครั้ง(1,000,000,000,000ครั้ง)
1.ถ้าเราเห็นเปลวเทียนในชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งเกิดจากจิตเห็นแสงสว่างจากเปลวเทียนในแต่ละตำแหน่งเช่นปลายยอดของเปลวเทียน และที่ตำแหน่งใกล้กับไส้เทียน และที่ตำแหน่งเปลวเทียนตรงกลาง และที่....(อีกมากมายมากๆ) ประมาณแสนโกฏิครั้ง จนหลอกตาเราแล้วเราเห็นเป็นภาพต่อเนื่อง(ภาพเปลวเทียน)(แต่จริงๆแล้วไม่ต่อเนื่อง)ใช่ไหมครับ?
2.มีวิธียังไงที่เราจะเห็นรูปได้ไวแสนโกฏิครั้งภายในเวลาชั่วขณะ(ประมาณ 1/4 วินาที)?
การดูจิตตัวเอง
เริ่มโดย good, Nov 06 2009 08:51 PM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 06 November 2009 - 08:51 PM
#2
โพสต์เมื่อ 06 November 2009 - 11:27 PM
1. ฌานวิสัย...เป็นหนึ่งในอจินไตย อยู่เหนือจินตมยปัญญา
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=8386
2. วิธีที่จะได้สัมผัส...อยู่ที่การปฏิบัติให้เข้าถึง...เกิดภาวนามยปัญญา
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=8386
2. วิธีที่จะได้สัมผัส...อยู่ที่การปฏิบัติให้เข้าถึง...เกิดภาวนามยปัญญา
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#3
โพสต์เมื่อ 07 November 2009 - 11:54 AM
มีวิธีใด ที่ทำให้ คนขี่จักรยานไม่เป็น สามารถขี่จักรยานได้เป็น ตอบ ฝึกขี่จักรยาน
มีวิธีใด ที่ทำให้ คนขับรถไม่เป็น สามารถขับรถเป็น ตอบ หัดขับรถ
มีวิธีใด ที่ทำให้ คนพิมพ์ดีดไม่เป็น สามารถพิมพ์ดีดเป็น ตอบ ฝึกพิมพ์ดีด
มีวิธีใด ที่ทำให้ จิตทรงพลังมีอานุภาพต่างๆ ตอบ ฝึกจิต
ดังพุทธพจน์ ที่ว่า "จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้"
มีวิธีใด ที่ทำให้ คนขับรถไม่เป็น สามารถขับรถเป็น ตอบ หัดขับรถ
มีวิธีใด ที่ทำให้ คนพิมพ์ดีดไม่เป็น สามารถพิมพ์ดีดเป็น ตอบ ฝึกพิมพ์ดีด
มีวิธีใด ที่ทำให้ จิตทรงพลังมีอานุภาพต่างๆ ตอบ ฝึกจิต
ดังพุทธพจน์ ที่ว่า "จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้"
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#4
โพสต์เมื่อ 07 November 2009 - 11:26 PM
เริ่มฝึกจิต ด้วยการเริ่มต้นนั่งสมาธิทุกๆ วัน วันละมากกว่าชั่วโมง พร้อมด้วยการทำทาน และรักษาศีล เพื่อเป็นสิ่งเสริมการนั่งสมาธิ
การจะเห็นแบบข้อ 2 ได้ คงได้ต้ององค์พระธรรมกายแล้วล่ะมั้ง จิตจึงจะละเอียดและไว พอจะเห็นได้ขนาดนั้น
การจะเห็นแบบข้อ 2 ได้ คงได้ต้ององค์พระธรรมกายแล้วล่ะมั้ง จิตจึงจะละเอียดและไว พอจะเห็นได้ขนาดนั้น
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 08 November 2009 - 08:10 AM
อนุโมทนา เจ้าของกระทู้ ที่ใฝ่ศึกษาธรรม ด้วยครับ
SaDhu.gif 22.04K
55 ดาวน์โหลด
โดยส่วนตัวผมคิดว่า
คนที่จะดูจิต ตัวเองหรือของใครได้ นั้น
ต้อง เห็น จิต ของตัวเองให้ได้ซะก่อน
ว่า
จิต อยู่ตรงไหน มีคุณลักษณะอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง ฯล
ต้องเห็น เจตสิก ทีึ่จรเข้ามาในจิตในวิถีความแปรผันต่าง ๆ
ไม่งั้น คงเพียงแค่ รู้อาการ
เมื่อจิต ถูกเจตสิก เข้ามาปรุงแต่ง ,
คงเพียงแค่ รู้อาการ
เมื่อจิต อยู่ในอาณัติ บังคับของ กุศลา ธัมมา อกุศลา ธัมมา อัพยากตา ธัมมา
คงเพียงแค่ รู้อาการ
เมื่อจิต กำลังแปรผันไปตาม กิเลส ที่จรมา
คงเพียงแค่ รู้อาการ
เมื่อจิต กำลังโดนวิบากกรรม ส่งผล จากของ กุศลกรรม อกุศลกรรม
คงเพียงแค่ รู้อาการ
ว่าในขณะวิถีจิตนั้น ๆ เป็น กุศลจิต อกุศลจิต
ดังนั้น การที่จะเข้าใจ แจ่มแจ้ง เรื่อง อภิธรรมก็ดี ,ปรมัตถ์สัจจะก็ดี , การเกิดดับของจิตก็ดี ,
ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อริยสัจ ๔ อินทรีย์ ๒๒ ปฏิจจสมุปบาท ๑๒ สติปัฏฐาน ๔
หรือธรรมะใด ๆ ทั้งรูป นาม , จิต เจตสิก นิพพาน ฯลฯ
ต้องทั้งรู้ ทั้งเห็น และเข้าถึง เป็นหนึ่งเดียวกับสภาวะธรรมอันปราณีตนั้น ๆ จริง ๆ
จึงจะแจ่มแจ้ง ครับ
ลำัพังความรู้ ความเข้าใจ จากการสุตะ จากการฟังธรรมจากอาจาริยวาท จากการศึกษาคันถะธุระ
จากจินต ไตร่ตรอง หรือ วิปัสสนึก ตีความเข้าใจไปเอง
ก็คงเข้าใจธรรมะต่าง ๆ ได้ตามสมควรแก่ปัญญาของแต่ละท่านเท่านั้น
สรุปว่า
ผมคิดว่า
ต้องทั้งเห็นแจ้ง ( วิปััสสนา ) และเข้าถึง เป็นหนึ่งเดียวกับสภาวะธรรมอันปราณีตนั้น ๆ จริง ๆ
จึงจะเข้าใจแจ่มแจ้ง ครับ
ถ้าความคิดเห็นส่วนตัวของผม ทำให้ท่านใดขัดเคืองใจ ก็ขออภัยทาน มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
photo_2683.gif 4.29K 52 ดาวน์โหลด
โดยส่วนตัวผมคิดว่า
คนที่จะดูจิต ตัวเองหรือของใครได้ นั้น
ต้อง เห็น จิต ของตัวเองให้ได้ซะก่อน
ว่า
จิต อยู่ตรงไหน มีคุณลักษณะอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง ฯล
ต้องเห็น เจตสิก ทีึ่จรเข้ามาในจิตในวิถีความแปรผันต่าง ๆ
ไม่งั้น คงเพียงแค่ รู้อาการ
เมื่อจิต ถูกเจตสิก เข้ามาปรุงแต่ง ,
คงเพียงแค่ รู้อาการ
เมื่อจิต อยู่ในอาณัติ บังคับของ กุศลา ธัมมา อกุศลา ธัมมา อัพยากตา ธัมมา
คงเพียงแค่ รู้อาการ
เมื่อจิต กำลังแปรผันไปตาม กิเลส ที่จรมา
คงเพียงแค่ รู้อาการ
เมื่อจิต กำลังโดนวิบากกรรม ส่งผล จากของ กุศลกรรม อกุศลกรรม
คงเพียงแค่ รู้อาการ
ว่าในขณะวิถีจิตนั้น ๆ เป็น กุศลจิต อกุศลจิต
ดังนั้น การที่จะเข้าใจ แจ่มแจ้ง เรื่อง อภิธรรมก็ดี ,ปรมัตถ์สัจจะก็ดี , การเกิดดับของจิตก็ดี ,
ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อริยสัจ ๔ อินทรีย์ ๒๒ ปฏิจจสมุปบาท ๑๒ สติปัฏฐาน ๔
หรือธรรมะใด ๆ ทั้งรูป นาม , จิต เจตสิก นิพพาน ฯลฯ
ต้องทั้งรู้ ทั้งเห็น และเข้าถึง เป็นหนึ่งเดียวกับสภาวะธรรมอันปราณีตนั้น ๆ จริง ๆ
จึงจะแจ่มแจ้ง ครับ
ลำัพังความรู้ ความเข้าใจ จากการสุตะ จากการฟังธรรมจากอาจาริยวาท จากการศึกษาคันถะธุระ
จากจินต ไตร่ตรอง หรือ วิปัสสนึก ตีความเข้าใจไปเอง
ก็คงเข้าใจธรรมะต่าง ๆ ได้ตามสมควรแก่ปัญญาของแต่ละท่านเท่านั้น
สรุปว่า
QUOTE
2.มีวิธียังไงที่เราจะเห็นรูปได้ไวแสนโกฏิครั้งภายในเวลาชั่วขณะ
ผมคิดว่า
ต้องทั้งเห็นแจ้ง ( วิปััสสนา ) และเข้าถึง เป็นหนึ่งเดียวกับสภาวะธรรมอันปราณีตนั้น ๆ จริง ๆ
จึงจะเข้าใจแจ่มแจ้ง ครับ
ถ้าความคิดเห็นส่วนตัวของผม ทำให้ท่านใดขัดเคืองใจ ก็ขออภัยทาน มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
photo_2683.gif 4.29K 52 ดาวน์โหลด
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
#6
โพสต์เมื่อ 10 November 2009 - 12:10 PM
สาธุ