ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

สงสัยค่ะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 รักวัด

รักวัด
  • Members
  • 58 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 August 2008 - 03:16 PM

ถ้าเรามุ่งมั่นสร้างบุญอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันกับหมู่คณะ เราควรอธิษฐานจิตติดตามหมู่คณะเพื่อเป้าหมายที่สุดแห่งธรรมดี หรือควรอธิษฐานจิตพ้นวัฏฏะให้เร็วที่สุดคือเข้านิพพานดี แบบไหนดีกว่าและปลอดภัยในเส้นทางการสร้างบารมีกว่ากันคะ ผู้้รู้ชาว dmc ช่วยอธิบายให้หน่อยค่ะ

#2 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 12 August 2008 - 04:31 PM

สวัสดีครับนักเรียนอนุบาลรักวัด

อยากให้พิจารณาข้อดีข้อเสียและความต้องการของคุณเป็นหลักนะครับ

ความต้องการ คือ ตัวคุณเองเบื่อการเวียนว่ายตายเกิด เบื่อในวัฏฏะสงสาร เป็นหลัก
หรือคุณมีใจอยากจะช่วยเหลือทุกคนให้พ้นจากภัยของวัฏฏะที่คุณเห็นแล้ว
เพราะการมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนจะเป็นตัวกำหนดแนวทางในการปฏิบัติได้อย่างดี รวมทั้งทำให้การเดินทางของคุณถูกต้อง รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่หลงวนเวียนเดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา

เมื่อคุณทราบความตั้งใจของคุณแล้ว เราก็มาดูข้อดีข้อเสียกันครับ

เมื่อคุณมีใจรักในพระรัตนตรัย รักบุญ เข้าใจที่มาแห่งบุญ ผลของบุญ ฯลฯ คุณตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเข้านิพพานแน่นอน ไม่รั้งรออะไรอีกแล้ว ประพฤติปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปดอย่างเข้มแข็ง คุณก็จะได้ผลแห่งนิพพานได้โดยเร็ว เปรียบเหมือนนักเดินทางตัวคนเดียวที่มีคู่มือและแผนที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้สามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน นั่นคือข้อดี

แต่คูมือและแผนที่ก็ไม่ได้บอกถึงความยากง่ายในการเดินทางเอาไว้ ต้องอาศัยประสบการณ์ในการเรียนรู้ ทุกจุดหมายไม่ได้มีทางเดินไปแค่ทางเดียวแผนที่บอกได้ดี แต่แผนที่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเส้นทางไหนง่าย เส้นทางไหนยาก คุณเดินทางคนเดียว ไม่มีเพื่อน ถ้าไม่สามารถหาคนพื้นถิ่นแถวๆนั้นมาแนะนำเส้นทางได้ ไหนจะหิว ไหนจะร้อน ไหนจะบาดเจ็บ ไหนจะท้อใจ การเดินทางนั้นอาจจะเป็นการเดินทางที่หฤโหดที่สุดก็ได้ นี่คือข้อเสีย

ส่วนการไปเป็นหมู่คณะนั้น ก็เหมือนการเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ ใครหิว ใครร้อน ใครบาดเจ็บ ใครหลงทาง ใครท้อใจ ก็ช่วยประคับประคองกันไป แม้เส้นทางจะหฤโหด แต่จากพลังสามัคคีทุกคนก็จะฉุดดึง ผลักดันกันจนไปถึงปลายทางกันทุกคน ไม่เหลือทิ้งใครเอาไว้ให้ทรมาน นั่นคือข้อดี

แต่ก็อย่างว่า มากคนมากความ ยิ่งต้องมีรับคนใหม่ๆเข้ามาตลอดระหว่างการเดินทางด้วยแล้ว ความปั่นป่วน ความล่าช้า ก็มีมาในระดับนึงทีเดียว ต้องอาศัยประสบการณ์และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันอย่างเต็มที่ทีเดียว กว่าขบวนจะเข้าที่เข้าทางก็สาหัสกันคนละหลายๆแผลเลย นั่นคือข้อเสีย

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ในข้อดีก็มีข้อเสีย ในข้อเสียก็มีข้อดี คงต้องถามใจตนเองแล้วหละครับ ว่าจะเลือกอย่างไหน แต่ที่แน่ๆ ห้ามทิ้งเรื่องการทำบุญโดยเด็ดขาด ทานคือเสบียง ศีลคือสิ่งแวดล้อม สมาธิคือคู่มือและแผนที่ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ไปไม่พ้นหน้าปากซอยบ้านหรอกครับ

ใครมีเพิ่มเติมเชิญเลยนะครับ เป็นการพิมพ์สดๆอาจตกหล่นไปบ้าง หมู่คณะเดียวกันต้องช่วยกันครับ(ข้อดีของการมีหมู่คณะก้ดีอย่างนี้แหละ)

อนุโมทนาบุญด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#3 131072

131072
  • Members
  • 237 โพสต์
  • Gender:Not Telling

โพสต์เมื่อ 12 August 2008 - 08:48 PM

เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กเล็กๆ ก็คิดเพี่ยงแค่อยากถึงแค่นิพพาน แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไป แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ เช่น มดมันยังอยากที่จะพ้นทุกข์เหมือนกับเราที่อยากที่จะพ้นทุกข์ จึงอยากถึงที่สุดแห่งธรรม อยากช่วยสรรพชีวิตทั้งหลายให้พ้นจากกองทุกข์เสียก่อน เพราะฉะนั้นแล้วดิฉันจึงเลือกที่จะติดตามไปกับหมู่คณะค่ะ

#4 เศรษฐีหน้าใส

เศรษฐีหน้าใส
  • Members
  • 177 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 August 2008 - 08:43 AM

ว่าไงว่าตามกัน ติดตามครูไม่ใหญ่ไปทุกที่ เหมือนกันครับ แล้วก็เพรียบพร้อมด้วยเสบียงเต็มเปี่ยมไปทุกภพทุกชาติด้วยครับ (ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ คุณสมบัติ)

#5 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 13 August 2008 - 09:43 AM

อยู่ที่ความตั้งใจของคุณเจ้าของกระทู้เองครับ

ในความคิดด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของผมนะครับ ตอนแรกผมก็คิดเหมือนกับคุณเจ้าของกระทู้ คือจะมุ่งไปที่ไหนดี จะมุ่งนิพพานเลยหรือจะไปที่สุดแห่งธรรม 2จิต2ใจอยู่นานมากจนกระทั่งวันหนึ่งผมได้ยินเรื่องๆหนึ่งเข้า มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งบอกผมว่า จริงๆแล้วพระนิพพานก็เปรียบเสมือนกับคุกไม่แตกต่างอะไรแถมยังอยู่ภายในขอบเขตของภพ3 เพียงแต่ว่าเป็นคุกชั้นดีที่ปราศจากความทุกข์เท่านั้น ผมก็ยังนึกงงอยู่นานว่าพระนิพพานเป็นคุกตรงไหน หากพระนิพพานเป็นคุกแล้วทำไม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์เจ้าทุกพระองค์จึงมุ่งหวังไปที่นั่นอีก ทำไมท่านจึงบอกกล่าวเช่นนั้น สุดท้ายผมก็ได้คำตอบ

ไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดเมื่อเสด็จเข้าสู่นิพพานไปแล้วไม่มีองค์ไหนสามารถออกมาได้เลย ทั้งที่แต่ละพระองค์มีใจเมตตาอยากให้ชาวโลกได้พ้นทุกข์แล้วทำไมท่านถึงไม่ลงมาจากนิพพานมารื้อขนสัตว์โลกไปอีก คำตอบก็คือท่านออกมาไม่ได้นั่นเอง สถานที่ๆเข้าได้แต่ออกไม่ได้มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากคุกจริงไหมครับ

ผมจึงมีความคิดขึ้นมาอีกว่า แล้วถ้านิพพานยังเป็นคุกอยู่แล้วเราจะรอดพ้นคุกเหล่านี้ไปได้ยังไง จนกระทั่งมาอ่านในหนังสือของหลวงพ่อ และได้ฟังบางสิ่งจากคุณครูไม่ใหญ่ ทำให้ผมปิ๊งความคิดขึ้นมาทันที ว่า อืม ถ้าหากไม่ว่าอย่างไรเราก็หนีไม่พ้นคุกอยู่ดีแล้วทำไมเราไม่ทำลายคุกเหมือนอย่างที่ท่านทั้ง2คิดเลยล่ะนับแต่นั้นมาผมก็ตั้งเป้าหมายมุ่งมั่นตามหลวงปู่และคุณครูไม่ใหญ่ครับ





1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#6 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 August 2008 - 10:44 AM

ผมขอเอาคำเทศน์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมะ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะเล่าอีกที นะครับ

สมมุติมีน้ำท่วมใหญ่ มีผู้คนลอยคออยู่มากมาย มีเรือลำหนึ่ง จะมีคนถือท้ายคอยนำเรือเข้าไปรับคน โดยมีคนหนึ่งคอยชี้บอกทางเพื่อให้นายท้ายเขาไปรับคนได้ แล้ววันหนึ่งเรือลำนี้ก็ได้มาช่วยเราให้ขึ้นจากนี้รอดตายมาได้ เราก็เลยช่วยเขาพายบ้าง พอพายไปพายมาเหนื่อยจึงขอหยุดไม่อยากทำแล้ว หลวงพ่อธัมมะบอกว่า ถ้าเป็นผมผมจะไม่หยุดจะช่วยเขาต่อไป แล้วพี่เด็จละ แล้วท่านก็ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวคิดแล้วก็เดินหนีไป

#7 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 13 August 2008 - 01:01 PM

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่เหล่าท่านอิ่มอยู่ในภาวะของพระนิพพานนั้น เหล่าท่านเป็นอีกสภาวะหนึ่งที่เราไม่อาจเข้าใจได้ เป็นสภาวะที่ไม่มีความคิด ชอบ ไม่ชอบ อยาก ไม่อยาก สงสาร ไม่สงสาร อยากอยู่ ไม่อยากอยู่ อยากไปไหน ไม่อยากไปไหน ฯลฯ

ถ้าจะพูดกันแบบทางโลก เหล่าท่านมีสภาวะอยู่เพียงแค่สองอย่างเท่านั้น

หนึ่ง เหล่าท่านอยู่ในสภาวะแห่งความคงอยู่ ความปรากฏ ความมีจริง เพื่อเป็นจุดมุ่งหมายในการเดินทางให้แก่เหล่าสรรพสัตว์ ให้เหล่าสรรพสัตว์รู้ว่าผลของนิพพานมีจริง ไม่สูญสลาย เป็นบริสุทธิธาตุ

สอง เหล่าท่านอยู่ในสภาวะอิ่มบุญเต็มที่ เป็นสภาวะบุญบารมีล้วนๆ ซึ่งมากเสียจนแผ่ออกไปทั้งอนันตจักรวาล พวกเราเหล่าผู้ยึดมั่นในบุญ และผลของบุญ ก็ต้องหาทางเก็บเกี่ยวบุญบารมีที่แผ่ไพศาลเหล่านั้นไว้ให้ได้มากที่สุด นอกเหนือจากบุญที่เกิดจากวัตถุทั้งหลาย เพื่อใช้เป็นเสบียงในการพ้นวัฏฏะ

เหล่าท่านไม่มีความคิดในการลงมาสงเคราะห์สัตว์อีกเลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเหล่าท่านได้ทำการสั่งสอนอบรมไว้หมดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างพอเหมาะพอสมที่จะทำให้เราพ้นจากวงเวียนกรรมอันนี้ได้ ไม่มีน้อยไปกว่านี้ที่จะไม่พอแก่การพ้นทุกข์ ที่เหลือเป็นเรื่องของเราที่เราต้องทำเอง ไม่มีการทำแทนกันได้

อีกทั้ง ท่านเหล่านั้นหลุดพ้นภาวะแห่งการเป็นอยู่แล้ว ไม่เหลือเชื้อให้กลับมาได้อีก เหมือนตะเกียงน้ำมันที่หมดทั้งใส้หมดทั้งน้ำมัน ทำอย่างไรก็ไม่มีวันติดไฟได้อีกแล้ว

ข้อความเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นที่จะกล่าวถึงพระนิพพาน และเหล่าอรหันตขีนาสพทั้งหลาย เราต้องทำตัวเราให้มีความละเอียดทั้งกายและใจ เราก็จะรู้ถึงสภาวะของพระนิพพานและสภาวะแห่งพระอรหันต์ได้อย่างถ่องแท้ ลองทำๆกันดูนะครับ ได้ความว่าอย่างไรก็บอกกันบ้างนะครับ

อนุโมทนาบุญด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#8 Ray

Ray
  • Members
  • 168 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 August 2008 - 04:17 PM

ตอนนี้นึกไม่ออกก็นั่งนั่งไปก่อนละกัน เอาไว้ได้ธรรมกายเป็นธรรมกายค่อยคิดอีกทีว่าจะนิพพานถอดกาย หรือนิพพานไม่ถอดกาย เนอะ

#9 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 13 August 2008 - 05:24 PM

คุณเจ้าของกระทู้สามารถรับฟังความคิดเห็นได้เต็มที่จากผู้อื่นครับ เพื่อมาประกอบการตัดสินใจ แต่สุดท้ายไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ผมอยากจะบอกคุณเจ้าของกระทู้ว่า เราเท่านั้น ที่เป็นผู้รับผลการตัดสินใจของเราครับ ถ้าเราตัดสินใจแล้ว พบกับความสุข เราก็ได้ึความสุขนั้น แต่หากเราตัดสินใจแล้วพบกับความทุกข์ เราก็ต้องรับทุกข์นั้น ผู้อื่นที่เขาช่วยแนะนำเรานั้น ก็เป็นเพียงผู้ช่วยชี้ทางเท่านั้น แต่ทางนั้น เมื่อเราเลือกแล้วเราต้องเดินเองครับ ไม่มีใครมารับสุขทุกข์นั้นแทนเราได้ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#10 รักวัด

รักวัด
  • Members
  • 58 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 August 2008 - 02:38 AM

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบค่ะ พอดีได้อ่านเรื่องราวการบรรลุธรรมของพระอรหันต์ในอดีต เลยอยากบรรลุธรรมโดยเร็วบ้าง เพราะบางครั้งก็เหนื่อยเหลือเกินกับอุปสรรคและปัญหาในชีวิต แม้จะรู้ว่าอุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด แต่พอเหนื่อยมากก็อยากเข้านิพพานโดยเร็ว จะได้ไม่ต้องเกิดเพื่อผจญกับความทุกข์อีกต่อไป และเคยรู้มาว่าพญามารจะชอบกลั่นแกล้งหมู่คณะเราเป็นพิเศษ (ไม่รู้จริงมั้ย) เพราะกลัวเรารวมกันได้และไปปราบเค้า เลยทำให้แอบท้อใจนิดๆ แต่เพราะรักครูไม่ใหญ่มากๆ เลยทิ้งท่านไม่ลงคงต้องพยายามและรักที่จะสร้างบารมีติดตามท่านไปจนถึงที่สุดแห่งธรรม

#11 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 14 August 2008 - 11:47 AM

หากคุณรักบุญ ตัดสินใจที่จะรีบพ้นวัฏฏะโดยเร็ว ก็ต้องทำใจเตรียมรับผลกระทบไว้สองแนวทางน่ะครับ

แนวทางที่ 1 ถ้าุคุณสามารถทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาได้ทุกภพทุกชาติ คุณก็จะรอดปลอดภัยได้ทุกชาติจนกว่าจะถึงนิพพาน

แนวทางที่ 2 ถ้าบางชาติคุณพลาดพลั้ง ไปเกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีหมู่คณะ โอกาสที่จะไม่รู้ว่าอะไรบุญอะไรบาปมีสูงมาก ถึงตอนนั้นก็เตรียมรับความทุกข์ในอบาย ที่มีมากมายยิ่งกว่าทุกข์ในเมืองมนุษย์อย่างเทียบกันไม่ได้ด้วยล่ะครับ

แล้วโอกาสจะเป็นแบบไหนมากกว่ากัน คำตอบคือ หากนับจากสถิติจะพบว่า คนไปสวรรค์และนิพพาน เท่ากับเขาโค ในขณะที่คนที่ไปอบายเท่ากันขนโค ตัวอย่างพระอรหันต์ที่เราได้อ่านก็คือ หนึ่งในปริมาณเขาโคเท่านั้น แต่ปริมาณคนที่ลงอบาย ที่เราไม่รู้ เพราะไม่ได้อ่าน ทำไมไม่ได้อ่าน เพราะเป็นยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาเกิด จึงไม่มีพระไตรปิฎกให้เราได้อ่าน ในยุคเหล่านี้ มีจำนวนคนที่ต้องไปอบายมากมายกว่า คนไปสวรรค์นิพพานอย่างเทียบกันไม่ได้เลย

ดังนั้น ผมว่า หากเลือกไปที่สุดแห่งธรรมกันเป็นหมู่คณะแล้วล่ะก็ ไม่ใช่เราช่วยหลวงพ่อครับ แต่เป็นหลวงพ่อช่วยเราต่างหาก ช่วยคุ้มครองให้เราได้อยู่ในเส้นทางที่ปลอดภัยจากอบายไปตลอดเส้นทาง OK ว่าพอมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องเจอทุกข์ของมนุษย์ แต่ทุกข์นั้นเทียบไม่ได้กับทุกข์ในอบายครับ

ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#12 รักวัด

รักวัด
  • Members
  • 58 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 August 2008 - 01:32 PM

ขอบคุณมากที่ช่วยเตือนสติคะ่ ทำให้เห็นถึงความสำคัญของหมู่คณะซึ่งคอยช่วยประคับประคองให้สามารถเดินในเส้นทางการสร้างบารมีอย่างมีสติ อืมถ้าไม่มีหลวงพ่อเราอาจไหลตามกระแสกิเลส เดินตามกระแสของสังคมทางโลกและอาจพลาดพรั้งไปทำชั่วก็ได้

#13 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 August 2008 - 08:42 PM

เรื่องที่บอกว่า.. และนิพพานเหมือนคุกน่ะ..
คุก = สถานที่กักกันโดยมีอาณาบริเวณจำกัด.. ผู้อยู่อาศัยที่นั้นล้วนมีความปรารถนา
ที่จะหลุดพ้นจากสถานที่กักกันนั้น..
แล้วลองอ่านคำตอบคุณ ทัพพีในหม้อ ดูดีๆ.. ว่าผู้ที่อยู่แดนอายตนนิพพานมีความอยากทำอะไรอีกหรือเปล่า.. ?
และที่บอกว่านิพพานยังอยู่ในภพสามน่ะ.. ลองเช็คข้อมูลดูดีๆเด้อ..
(ไม่ต้องบอกเราก็ได้เพราะคงไม่ได้เข้ามาอ่านอีก เพราะช่วงนี้ยุ่งมาก)
คือสิ่งเหล่านี้ถ้าผิด หรือใช้คำไม่เหมาะอาจติดวิบากกรรมได้นะท่าน..
คำบางคำอาจจะเหมาะกับบางคนพูด.. แต่อาจจะไม่เหมาะกับอีกคนพูดนะท่าน..
บวก ลบ คูณ หาร ดูให้ดีเถิด..
อย่าโกรธกันล่ะ คือ เราไม่อยากให้ติดวิบากกรรมโดยไม่จำเป็นน่ะ..
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#14 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 August 2008 - 09:58 PM

นิพพาน อยู่นอกพสามครับ ไมไ่ด้อยู่ในภพสาม

นิพพาน ไม่ใช่คุกหรอกครับ แต่เป็นห้องเย็นสำหรับพักรบ ถ้านักรบชุดพิเสษแพ้ ชุดที่อยู่ในนิพพาน (ถอดกาย) ที่เปรียบเหมือนปูที่ถอดกระดอง ก็คงไม่เหลือ

พูดแค่นี้นะ ไม่รู้จะโดนลบหรือเปล่า คิดดูแล้วกันครับว่าจะรออยู่ห้องเย็นดี หรือว่าไปเป็นกองหน้าดีี กองทัพได้ทหารมาเพิ่มอีก 1 ก็ดีขึ้นไม่ใช่เหรอครับ

#15 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 15 August 2008 - 12:04 PM

ความจริงก็ไม่ควรจะเปรียบเป็นห้องเย็นอย่างนั้นเสียทีเดียวน่ะครับ เพราะมันเหมือนที่ครูไม่ใหญ่เคยบอกว่า ทำกันคนละหน้าที่ หากไม่มีธรรมะที่ถูกต้อง(จากการที่มีพระูพุทธเจ้ามาตรัสรู้ธรรม)เป็นช่วงๆ ในสังสารวัฏ หมู่คณะของเราก็ย่อมลงมาสร้างบารมีไม่ได้ หรือ ถ้ามาได้ก็สร้างได้ยากลำบากมาก เนื่องจาก ผู้คนไม่มีใครรู้ธรรมะ

แต่เหตุที่หมู่คณะของเราสามารถสร้างบารมีได้ง่ายขึ้นเยอะๆ ไม่ต้องเสียไพร่พล(เพราะไปทำผิดศีลผิดธรรม เลยต้องไปอบาย)ไปเยอะ ก็เนื่องจากเลือกลงมาเกิดในยุคที่ยังมีพุทธศาสนาอยู่นั่นเอง ดังนั้น ไม่ว่าทำหน้าที่ใด ทุกหน้าที่ล้วนสำคัญทั้งนั้นครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร