ทำไมควายถึงไม่กลัวผี ครับ
#1
โพสต์เมื่อ 17 August 2008 - 10:42 PM
ถ้ามาพูดถึงเรื่องควายแล้วขอโทษ ควายนี้มันดีกว่าเราเว้ย ! มันกินหญ้าสบาย มันไม่มีอะไรจะเป็นอะไรมันกินหญ้าสบาย แต่เราเป็นมนุษย์อยู่บนหลังควายกลัว ตัวสั่น เอ้อ ! อันนี้เราจะเป็นมนุษย์ได้อย่างไรนี่ ? มันจะดีกว่าควายอย่างไรนี่ ? มันโง่กว่าควายนี่ คิดไปคิดมาแล้วก็ละอายตัวเอง ละอายควาย เอ้อ เราขึ้นบนหลังควายก็ได้ หักไม้แส้มาเฆี่ยนควายก็ได้ อะไรก็ได้ แต่มันกลัวผี แต่ควายน่ะมันเฉยมันสบาย ก็เห็นว่าผีมันเกิดที่ไหน ? ผีมันเกิดอยู่ที่ความมืด เกิดอยู่ที่ความกลัว ที่ตรงใหน
ขอคำตอบ แบบหลักธรรม ด้วยครับ ขอบคุณครับ
#2
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 08:02 AM
#3
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 08:51 AM
#4
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 08:55 AM
#5
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 12:02 PM
....ล้อเล่นขำๆ....
#6
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 12:23 PM
ส่วนควายก็อาจจะมองเห็นในย่านความถี่น้อยกว่ามนุษย์ก็ได้ ดัีงนั้นควายจึงไม่เห็นอะไรน่ะครับ
อีกประการหนึ่ง ทำไมคนจึงกลัีวผี เพราะถูกรับรู้เรื่องผี จากการเล่า ดูทีวี อ่านหนังสือเรื่องผี แต่หากคนเราไม่เคยรับรู้เรื่องผีมาก่อน เขาก็จะไม่กลัวผีครับ
#7
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 02:38 PM
และอีกอย่าง ควายมันคงไม่กลัวเพราะผีทำร้ายมันไม่ได้ ถึงเห็นผีควายก็คงไม่กลัว ผีไม่ใช่เสือจึงจะต้องกลัว
#8
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 02:39 PM
อาจเป็นได้ว่าควายมันมองไม่เห็นหรือมองเห็นไม่ชัดเลยไม่สนใจครับ มั่วเลยเหะเรา - -"
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#9
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 02:55 PM
#10
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 06:39 PM
#11
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 07:29 PM
#12
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 07:32 PM
#13
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 08:51 PM
ทำดีได้กับตัว ทำชั่วไม่ได้ดี
#14
โพสต์เมื่อ 18 August 2008 - 10:19 PM
#15
โพสต์เมื่อ 19 August 2008 - 12:55 AM
เพราะขนาดหมา ตัวเล็กกว่าควาย ยังกลัวผีเลยคับ
#16
โพสต์เมื่อ 19 August 2008 - 07:55 AM
#17
โพสต์เมื่อ 20 August 2008 - 03:40 PM
#18
โพสต์เมื่อ 20 August 2008 - 10:46 PM
แต่ว่า ผมรู้ว่าผีน่ะไม่น่ากลัวหรอก เพราะผีก็คืออตีดมนุษย์นั่นเอง
ตอนเด็กๆ ผู้ใหญ่เคยเล่าเรื่องผีให้ฟังบ่อย บ้านผมก็ตั้งโดดเดี่ยวอยู่ในป่าลึกหลังวัด แต่ก็ไม่เคยรู้สึกกลัวผีเลย
ก็เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่กลัวผีเหมือนคนอื่นเขาบ้างวะ(ผมอาจเหมือนควายของท่านเจ้าของกระทู้ก้ได้)
แต่พอได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมเลยได้รู้ว่า ที่คนอื่นเขากลัวน่ะคือความมืด เพราะความมืดทำให้ไม่เห็น
เมื่อไม่เห็นก็รู้ เมื่อไม่รู้ก็จะทำให้เราเดินผิดพลาด(หลงทาง)ซึ่งมีหลุมบ่อ สัตว์มีพิษ เศษแก้ว ฯลฯ รออยู่
แต่ถ้ามีไฟฉาย ก็พอช่วยได้ ถ้ามีดวงอาทิตย์ ล่ะก็เราก็คงไม่กลัวจะเดินไปเจอสิ่งเหล่านี้
แต่มนุษย์เรานี่แปลก เรากลัวแต่ความมืดตอนลืมตา(ความมืดภายนอก)
ซึ่งที่จริงก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากนักและความมืดภายนอกกว่าจะมืดก็ต้องรอตอนกลางคีน หรือตอนเข้าถ้ำเท่านั้น
พอเช้าหรือออกจากถ้ำ ก็สว่างเหมือนเดิม
แต่เราไม่เคยกลัวความมืดตอนหลับตาเลยแปลกมะ!! ทั้งๆที่ความมืดตอนหลับตานั้นน่ากลัวกว่านักทีเดียว
และเพียงแค่หลับตาก็มืดอย่างง่ายดาย แถมยังชอบความมืดแบบนี้กันทุกคนเสียด้วย(การนอน)
ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จะกลางวันหรือกลางคืน จะนอกหรือในถ้ำ หลับตาทีไรก็... มืดสนิททุกทีสิ
แล้วถ้าหลับตาแล้วยังมืดเนี่ยนะ แสดงว่าหลับตาแล้วยังมองไม่เห็น(ธรรมกาย) เมื่อไม่เห็นก็ไม่รู้
เมื่อไม่รู้(ความจริงของชีวิต)ก็จะทำให้เราดำเนินชีวืตผิดพลาด ซึ่งจะมี อบายภูมิ ทุคติ วินิบาต นรก รองรับอยู่
แล้วไฟฉายก็ช่วยอะรไไม่ได้ซะด้วย ต่อให้เอาดวงอาทิตย์สิบดวงช่วยส่อง หลับตาทีไรก็ยังมืดอยู่ดี
ทางเดียวที่จะหลับตาแล้วสว่าง คือต้องหยุดใจให้นิ่งในนิ่งในนิ่งๆๆๆ จนดวงอาทิตย์ภายในสว่างขึ้นมา
ถึงเวลานั้น แม้หลับตาก็จะไม่มืดอีกต่อไป แต่จะสว่างยิ่งกว่าสว่าง เมื่อสว่างก็จะเห็น เมื่อเห็นก็รู้ เมื่อรู้ก็จะดำเนินชีวิตได้
อย่างถูกต้อง ถูกวัตถุประสงค์ของการมาเกิดเป็นมนุษย์ ซึ่งจะมีสุคติ นิพพาน และที่สุดแห่งธรรมเป็นเป้าหมาย
ฉะนั้นเลิกกลัวความืดภายนอกเถอะ เพราะไฟฉายช่วยได้ แต่ความมืดภายในนี่สิเมื่อไหร่จะสว่างน้า...........
หากมืดตื้อมืดมิด รีบใช้สิทธิ์เข้าถึงธรรม เพราะเราทุกคนยังทำได้ ถ้า ยังไม่ตาย ยังไม่บ้า ก็ยังโอกาสเข้าถึงธรรม