สรุปกรณีศึกษากฎแห่งกรรม
วันพุธที่ 8 มีนาคม 2549
วันพุธที่ 8 มีนาคม 2549
[attachmentid=3029]
พ่อของเจ้าของเคสสืบเชื้อสายมาจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอนุชาร่วมพระชนกและพระชนนีกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นพระมหาอุปราชที่มีพระเกียรติยศเทียบเท่าพระเจ้าแผ่นดิน บ้างก็เรียกว่าพระเจ้าประเทศสยามองค์ที่สอง แต่คนทั่วไปมักเรียกว่าวังหน้า พ่อของเจ้าของเคสมีศักดิ์เป็นเหลนของพระบามสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยใช้คำนำหน้าชื่อว่าหม่อมเจ้ามาตั้งแต่เกิด แม้พ่อของเจ้าของเคสจะมีชีวิตที่สุขสบายในวัง แต่เพราะความตรง ซื้อสัตย์ไม่คดโกง หรือไม่เห็นแก่อามิสใดๆ พ่อของเจ้าของเคสจึงเป็นหม่อมเจ้าที่จนที่สุดในบรรดาราชนิกูลวังหน้า ไม่ต่างอะไรกับคนจนแสนจนในหมู่คนรวย พ่อของเจ้าของเคสรับราชการอยู่ในกรมราชทัณฑ์ กระทรวงนครบาล มีตำแหน่งเทียบเท่าผู้บัญชาการเรือนจำในปัจจุบัน ทำหน้าที่ควบคุม และบริหารงานเรือนจำ จองจำและลงโทษผู้กระทำผิด ตลอดจนดูแลการประหารชีวิตนักโทษ ซึ่งสมัยนั้นยังใช้วิธีการตัดหัด ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิงเป้าเมื่อปี 2477
เมื่อได้รับคำสั่งให้ประหารนักโทษ ก็จะเป็นหน้าที่ของพ่อของเจ้าของเคสที่จะต้องดูแลการประหารให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย เริ่มตั้งแต่สั่งให้จัดอาหารคาวหวานเพื่อเป็นอาหารมื้อสุดท้าย นิมนต์พระมาเทศน์ให้ฟัง จากนั้นนักโทษถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนอย่างแน่นหนา ก็จะถูกนำเข้าสู่หลักประหาร โดยจะถูกมัดแบบกาจับหลักคือนั่งเหยียดขาราบบนใบตองสามยอด ใช้ด้ายดิบมัดแขน ด้านหลังผูกติดกับไม้กางแขน ข้อมือจะถูกมัดกับหลักประหารในลักษณะประนมมือกำดอกไม่ธูปเทียนไว้ที่หว่างอก ใช้ผ้าปิดตารัดไว้รอบศรีษะ จากนั้นเพชรฆาตในชุดเสื้อแขนสั้น กางเกงขายาวสีแดงปักลวดลายลงยันต์ลงอาคม สวมมงคลที่ศรีษะเหมือนนักมวยด้วยความเชื่อว่าจะสามารถช่วยป้องกันภัยอันตรายการความอาฆาตแค้น เพชรฆาตจะมีทั้งหมด 3 คนคือดาบที่หนึ่ง และเพชรฆาตสำรองคือดาบที่สองและดาบที่สาม ก่อนที่ลงมือเพชรฆาตจะหยิบดาบขึ้นมาแล้วขอขมานักโทษว่าอย่าได้โกรธแค้นเลย เพราะเป็นการทำตามหน้าที่ จากนั้นจะเอาปูนแดงทาคาดรอบคอนักโทษเพื่อกำหนดแนวที่จะลงดาบ แล้วใช้ดินเหนียวเสกคาถาอุดหูและปาก จากนั้นเพชรฆาตดาบที่สองและสามก็จะรำดาบไปรอบๆ ตามจังหวะปี่และกลอง จนกระทั่งจิตของนักโทษสงบลง พอได้จังหวะเพชรฆาตดาบที่หนึ่งก็จะลงดาบฟันทันทีโดยไม่ให้นักโทษรู้ตัว ทั้งนี้มรกฏเกณฑ์ว่าจะต้องฟันให้ขาดในดาบเดียวเพื่อไม่ให้นักโทษทุกข์ทรมานมากนัก ถ้าคนที่หนึ่งฟันแล้วแต่ยังไม่ขาด ดาบที่สองจะต้องฟันซ้ำ ถ้ายังไม่ขาดดาบที่สามก็จะซ้ำอีกทีหนึ่ง จากนั้นจะใช้มีดสับส้นเท้าเพื่อถอดโซ่ตรวนออก
ครั้งหนึ่งมีนักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิตจากคดีฆ่าลูกตนเอง แต่เพชรฆาตดาบที่หนึ่งดื่มเหล้าย้อมใจหนักมากจึงทำให้คอนักโทษไม่ขาดในการลงดาบครั้งแรก และเกิดเสียหลักเซไปขวางทางเพชรฆาตดาบที่สองขณะกำลังเงื้อดาบ พ่อของเจ้าของเคสซึ่งยืนคุมการประหารอยู่จึงรีบเข้าไปช่วยทันที โดยถีบเพชรฆาตดาบที่หนึ่งให้ออกไปจากวงดาบของเพชรฆาตดาบที่สองได้ทันเวลา แต่เลือดจากคอของนักโทษก็พุ่งใส่พ่อของเจ้าของเคสจนเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งตัว ชีวิตบั้นปลายของพ่อของเจ้าของเคสมีความสุขตามอัตภาพ พ่อของเจ้าของเคสเสียชีวิตลงด้วยอาการสงบเมื่ออายุได้ 59 ปี
แม่ของเจ้าของเคสเกิดที่จังหวัดชัยภูมิ เข้ามาอยู่ในวังตั้งแต่เด็กๆ ด้วยการฝากฝังของพี่ชายของแม่ของเจ้าของเคสซึ่งรู้จักกับเจ้านายผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นหม่อมเจ้าอยู่ที่ท่าช้าง วังหน้า แม่เป็นคนมีผิวพรรณ และหน้าตาดี มีชายหนุ่มมาสนใจมากมาย ไม่เว้นแม้แต่หม่อมเจ้าท่านนั้น ซึ่งก็เอ็นดูแม่ของเจ้าของเคสเป็นพิเศษ ในที่สุดก็ได้แต่งงานเป็นภรรยาคนที่สาม แม้จะมีอายุห่างกันถึงสองรอบ แม่มีลูกกับหม่อมเจ้าท่านนั้นถึง 4 คนเป็นผู้ชาย 3 ผู้หญิง 1 ซึ่งเจ้าของเคสเป็นลูกสาวคนสุดท้อง แม่ของเจ้าของเคสมักจะสอนลูกทุกคนเสมอว่าอย่าถือตัวว่าเป็นหม่อมราชวงศ์ แล้วจะวางตัวสูงส่ง จะสอนให้ทำตัวเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัวและเป็นคนติดดิน
ภายหลังพ่อของเจ้าของเคสสิ้นบุญ หม่อมยายภรรยาใหญ่ของพ่อของเจ้าของเคสก็ยื่นข้อเสนอให้เลือกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือจะรับมรดกแล้วจะย้ายออกไปจากวัง และด้วยความจงรักภักดีต่อพ่อของเจ้าของเคส แม่ของเจ้าของเคสจึงตัดสินใจอยู่ต่อในวัง แต่ชีวิตก็ไม่ได้สุขสบายเหมือนแต่ก่อน เพราะหม่อมยายอุปถัมภ์ฉพาะเรื่องอยู่เรื่องกินเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นจะต้องเป็นภาระของแม่ของเจ้าของเคส แม่ของเจ้าของเคสมีฝีมือในการทำอาหารในวัง ท่านจึงตัดสินใจไปเป็นแม่ครัวในร้านอาหารไทยสำหรับชาวต่างชาติ แม่ของเจ้าของเคสมีโอกาสได้จัดสำรับคาวหวานไปถวายสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อนซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดราชบพิตรอยู่หลายครั้ง
ต่อมาแม่ของเจ้าของเคสเริ่มป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่าเป็นเพราะแม่ของเจ้าของเคสเคยสูบบุหรี่ แต่หมอก็วินิจฉัยว่าเป็นเพราะไอระเหยของน้ำมันที่แม่ของเจ้าของเคสใช้ทอดหมี่กรอบอยู่ทุกวัน ไปสะสมจับตัวกันในปอดทำให้หายใจไม่สะดวก อาการของแม่ของเจ้าของเคสก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 70 ปี โดยมีเจ้าของเคสเตือนให้ระลึกนึกถึงบุญอยู่ตลอดเวลา
เมื่อครั้งที่แม่ของเจ้าของเคสยังป่วยอยู่ ขณะรับการ x-ray ก็มีเรื่องแปลกคือฟิล์ม x-ray ที่ถ่ายออกมาถ่ายติดพระที่แม่ของเจ้าของเคสสวมใส่อยู่ โดยเห็นเป็นรูปพระธรรมกาย นั่งขัดสมาธิเด่นชัด ในขณะที่อีกสององค์ที่เหลือกลับดำสนิทจนแยกไม่ออกว่าเป็นอะไรเห็นแต่รูปทรงคร่าวๆ เท่านั้น หมอได้ถามเจ้าของเคสว่าพระที่เห็นในฟิล์มเป็นพระอะไร ซึ่งเจ้าของเคสก็ได้ตอบว่าเป็นพระของขวัญที่ได้จากวัดพระธรรมกาย ซึ่งก็ไม่สามารถอธิบายได้ จึงได้แต่พูดว่ามันแปลกดีนะ
พี่ชายของเจ้าของเคสได้รับทุนจากรัฐบาลให้ไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเรียนจบก็ได้กลับมาทำงานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่ต่อมาก็มีปัญหาเรื่องความประพฤติ จึงต้องออกจากงาน โดยเปลี่ยนมาทำงานเป็นคนเชียร์แขกในสถานบริการอาบอบนวด โดยทำอยู่ได้หลายปีจึงเปลี่ยนงานอีก พี่ชายเป็นคนว่าง่าย อ่อนโยน แต่เป็นคนเจ้าชู้ มีผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ต่อมาพี่ชายกลับเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงทิ้งไปอย่างไม่ใยดี กลายเป็นพ่อหม้ายที่ต้องเลี้ยงดูสามคนตามลำพัง
ระยะหลังพี่ชายเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทอง ซึ่งเจ้าของเคสก็ได้ให้ความช่วยเหลือไปตามสมควร นอกจากนี้เจ้าของเคสยังเจียดปัจจัยไปทำบุญ และบอกให้พี่ชายอนุโมทนา ซึ่งพี่ชายก็อนุโมทนาสาธุการ แต่เจ้าของเคสก็ไม่เคยเห็นพี่ชายขวนขวายอยากทำบุญด้วยตนเองเลย ต่อมาพี่ชายของเจ้าของเคสก็ล้มป่วยด้วยโรคปอด และอีกสารพัดโรค ในช่วงที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล เจ้าของเคสพยายามกระซิบบอกให้พี่ชายนึกถึงบุญที่เคยบวชมา 1 พรรษา รวมทั้งบุญอื่นๆ ตามหลักวิชาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนแต่ก็ไม่ทราบว่าพี่ชายทำตามหรือเปล่า ต่อมาพี่ชายของเข้าของเคสก็เสียชีวิตด้วยอาการสงบเมื่ออายุได้ 62 ปี ต่อมาไม่นานเจ้าของเคสก็ฝันเห็นพี่ชาย โดยพี่ชายสวมเสื้อสีขาวสะอาดตา กางเกงสีน้ำเงิน ซึ่งเจ้าของเคสก็ได้ดุพี่ชายว่าทำไมไม่ไปเวียนประทักษิณที่มหาธรรมกายเจดีย์ตามที่ได้บอกไว้ ซึ่งพี่ชายก็ไม่ได้ตอบอะไร เมื่อตื่นขึ้นเจ้าของเคสและสามีก็พยายามสันนิษฐานไปต่างๆ นาๆ
QUOTE
หลับตา ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาวหนึ่งที แล้วนำมาเล่าใหฟังเป็นนิยายปรัมปรา
Q: เหตุใดพ่อของเจ้าของเคสจึงต้องมามีอาชีพผู้บัญชาการเรือนจำ จะมีวิบากกรรมอย่างใด การกระทำตามหน้าที่เพื่อความสงบของบ้านเมืองจะเป็นบุญบ้างหรือเปล่า หรือจะชดเชยวิบากกรรมได้มากน้อยเพียงใด
[attachmentid=2999][attachmentid=3003]
A: พ่อของเจ้าของเคสจึงต้องมามีอาชีพผู้บัญชากการเรือนจำเพราะในอดีตเคยเกิดเป็นกุมภัณฑ์ รับหน้าที่ลงโทษสัตว์นรกมาก่อน จะมีวิบากกรรมให้ต้องอยู่ในวงจรการลงโทษ หรือเป็นผู้พิพากษาในยมโลก หรือเจ้าหน้าที่คุมการลงทัณฑ์ในยมโลก ยกเว้นจะทำบุญพิเศษขณะลงมาเกิดเป็นมนุษย์หรือได้รับบุญพิเศษที่อุทิศไปให้ จึงสามารถตัดวงจรดังกล่าวได้
[attachmentid=3004]
การกระทำหน้าที่เพื่อความสงบจะเป็นบุญปนบาป จะส่งผลให้อยู่ในวงจรดังกล่าวข้างต้น
Q: ในแง่ของกฏแห่งกรรม การตัดสินประหารชีวิตเป็นการเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร การประหารนักโทษคนหนึ่ง ใครบ้างที่มีส่วนในบาปนั้น และใครจะได้รับวิบากกรรมมากที่สุด
[attachmentid=3005][attachmentid=3006]
A: ในแง่ของกฏแห่งกรรมการตัดสินประหารชีวิตยังถือว่าเป้นการกระทำที่ผิดศีลข้อ 1 เพราะมีเจตนาสั่งฆ่า แม้ว่าจะถูกกฏหมายก็ตาม ผู้ที่ตัดสินให้ประหารชีวิตนักโทษจะมีส่วนในบาปมากที่สุด รองลงมาจะเป็นผู้ประหารชีวิต ต่อมาก็จะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จะมีวิบากกรรมคืออายุขัยจะสั้นเนื่องจากกรรมปาณาติบาต หากดื่มสุราย้อมใจไปด้วยก็จะมีกรรมสุราติดไปด้วย จะส่งผลให้มีอาการบ้า ใบ้ ปัญญาอ่อนเป็นต้น
Q: กรณีที่นักโทษได้กินอาหารจนอิ่ม ได้ฟังเทศน์ แบะได้รับการขอขมาจากเพชรฆาต ซึ่งนักโทษก็ให้อภัยด้วย กรณีนี้เพชรฆาตจะมีบาปหรือไม่ และนักโทษจะมีโอกาสไปสุขติภูมิหรือไม่
[attachmentid=3007]
A: เพชรฆาตจะมีวิบากกรรมเบาบางคือจะไม่มีกรรมส่วนอาฆาตจองเวร แต่ยังมีวิบากกรรมที่ทำให้อายุสั้นเพราะยังถือว่าทำปาณาติบาตคือฆ่ามนุษย์อยู่
[attachmentid=3008]
นักโทษอาจมีสิทธิไม่ไปอบายเพราะก่อนตายมีสภาพจิตที่ดีขึ้น แต่ไม่อาจไปในที่สูงได้ อาจจะไปได้แค่ภุมมะเทวา เนื่องจากมีกรรมชั่วหยาบเยอะ แต่ถ้าจิตยังหมองก็จะไปทุกขติได้ โดยสรุปก็จะขึ้นอยู่กับสภาพจิตก่อนละโลก
Q: วิธีประหารชีวิตคือใช้ดาบตัดคอ และฉีดยาให้ตายเช่นในปัจจุบันจะมีผลต่อผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
[attachmentid=3009][attachmentid=3010]
A: จะมีผลต่อผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่าต่างกันเพราะใช้ความพยายามในการฆ่าต่างกัน เช่นการใช้ดาบตัดคอจะใช้ความพยายามมากกว่าการฉีดยา จึงย่อมมีวิบากกรรมมากว่าคือเมื่อกรรมมาส่งผลเพชรฆาตก็จะตายด้วยเหตุที่ร้ายแรงกว่า และกรรมที่ส่งผลให้อายุสั้นก็มากน้อยกว่ากันตามความพยายามในการฆ่า
[attachmentid=3015]
Q: วิธีลงทัณฑ์ด้วยอุปกรณ์พิเศษเช่น (1) จับนักโทษยัดใส่ตะกร้อหวาย แล้วใช้ช้างเตะกลิ้งไปกับพื้น โดยปล่อยให้เหล็กแหลมทิ่มแทงนักโทษ (2) ใช้เบ็ดเหล็กเกี่ยวใต้คางทะลุจนถึงใต้ลิ้น แล้วชักรอกรั้งคางจนปลายเท้าลอยพ้นจากพื้นดิน (3) ให้นักโทษนอนในหีบที่ปิดฝา แล้วจับตั้งไว้กลางแดด และผู้ที่ถูกลงทัณฑ์อย่างนี้เป็นเพราะวิบากกรรมอะไร
[attachmentid=3011][attachmentid=3012]
A: เพราะเคยมีทำกรรมคล้ายๆ กันนี้กับคนหรือสัตว์ (1) เพราะมีวิบากกรรมหลากหลายเช่น เคยทรมานคนด้วยวิธีคล้ายๆ หรือใกล้เคียงเช่นนี้ เกิดจากกรรมปาณาติบาตเช่นฆ่าสัตว์ทำอาหารบ้าง เกิดจากวจีกรรมทิ่มแทงผู้อื่นมาส่งผลบ้าง รวมกับกรรมที่ทำในปัจจุบันเช่นการฆ่าคนด้วยความทารุณเป็นต้น มารวมส่งผล
[attachmentid=3013][attachmentid=3014]
(2) เพราะเคยมีทำกรรมคล้ายๆ กันนี้กับคนหรือสัตว์ และมีวจีกรรมอีกแบบคือพูดประจายให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ ซึ่งต่างจากวจีกรรมของช้างเตะตะกร้อคือใช้วจีกรรมพูดประจานผู้อื่น และชักชวนคนให้มารุมด่าประจานผู้อื่น
Q: พ่อของเจ้าของเคสมีคตินิมิตรอย่างไร ตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่ มีอะไรฝากบอกหรือไม่
[attachmentid=3017][attachmentid=3018]
A: ก่อนละโลกมีคตินิมิตรไม่ใส แต่ก็ไม่หมอง ตายแล้วเจ้าหน้าที่ก็มาเชิญตัวไปยมโลก โดยไปเป็นหัวหน้าผู้คุมการลงทัณฑ์ในยมโลก ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว บุญส่งผลให้พ่อของเจ้าของเคสมีระยะเวลาที่ต้องทำงานในยมโลกลดลง มีข้อความฝากขอบคุณเจ้าของเคสที่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ และอยากให้ทำให้อีกจะได้พ้นจากยมโลก
Q: เหตุใดพ่อของเจ้าของเคสเกิดในตระกูลสูงแต่ก็เป็นหม่อมเจ้าที่จนที่สุด ส่วนแม่ของเจ้าของเคสมีชีวิตที่สุขสบายในวังตั้งแต่เด็ก แต่ต้องมาลำบากในเวลาต่อมา พ่อและแม่ของเจ้าของเคสเคยสร้างบุญมาด้วยกันหรือไม่ และสร้างบุญมาแตกต่างกันอย่างไร
[attachmentid=3019][attachmentid=3020]
A: ในอดีตพ่อของเจ้าของเคสมีบุญอ่อนน้อมถ่อมตน จึงเกิดในตระกูลสูง แต่ก็ทำทานไว้ไม่มากจึงทำให้แม้เกิดในตระกูลสูงก็ยากจน แม่ของเจ้าของเคสทำทานมาในอดีตไม่สม่ำเสมอ ในช่วงที่บุญส่งผลก็จะมีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ช่วงที่ไม่ได้ทำก็ทำให้ตกระกำลำบาก
[attachmentid=3021]
พ่อและแม่ของเจ้าของเคสเควยร่วมสร้างบุญกันมาในช่วงสั้นๆ เลยทำให้อยู่ด้วยกันเพียงช่วงสั้นๆ ทั้งสองท่านสร้างบุญต่างกันคือพ่อของเจ้าของเคสเป็นผู้นำ ส่วนแม่ของเจ้าของเคสเป็นผู้ตาม
Q: สาเหตุที่แม่ของเจ้าของเคสเป็นโรคถุงลมโป่งพองนั้นเป็นเพราะเคยสูบบุหรี่ หรือเพราะไอระเหยของน้ำมันทอดหมี่กรอบ แม่ของเจ้าของเคสตายแล้วไปไหน บุญถวายภัตตาหารด้วยความประณีตต่อสมเด็จพระสังฆราชจะส่งผลอย่างไร
[attachmentid=3022][attachmentid=3023]
A: เพราะกรรมปาณาติบาตฆ่าสัตว์ทำอาหารทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมกับกรรมที่เคยรมควันสัตว์เช่นรวมควันตีผึ้ง มารวมส่งผลให้ต้องเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ตายแล้วไปเป็นเทพธิดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เฟสสาม มีวิมานทองไม่ใหญ่นักด้วยบุญที่ทำในพระพุทธศาสนา บุญถวายอาหารที่ปราณีตแด่สมเด็จพระสังฆราชก็ส่งผลให้แม่ของเจ้าของเคสมีทิพยสมบัติที่ปราณีตด้วย
Q: ภาพพระที่ปราฏกในฟิล์ม x-ray เป็นเพราะอานุภาพของพระของขวัญใช่หรือไม่ และเหตุใดจึงไม่เห็นภาพหลวงปู่ด้วย และเพราะเหตุใดภาพ x-ray ครั้งถัดมาจึงไม่เห้นภาพพระเหมือนเดิม
[attachmentid=3024]
A: เพราะอานุภาพของพระของขวัญ โดยจะแสงดอานุภาพเมื่อเหมาะสม เมื่อสภาพจิตเป็นกลางๆ ซึ่งจะเห็นเป็นภาพหลวงปู่หรือภาพพระธรรมกายก็แล้วได้
Q: เจ้าของเคสเจียดเงินส่วนตัวทำบุญแทนพี่ชายแล้วบอกให้พี่ชายอนุโมทนา พี่ยจะได้รับบุญหรือไม่ และบุญจะช่วยตัดรอนวิบากกรรมเจ้าชู้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และเล่นการพนันของพี่ชายได้หรือไม่ ขณะละโลกพี่ชายของเจ้าของเคสมีคตินิมิตรเป้นอย่างไร นึกถึงบุญที่เคยบวชพระได้หรือไม่ พี่ชายตายแล้วไปไหน และที่เจ้าของเคสฝันเห็นพี่ชายนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าจริงพี่ชายของเจ้าของเคสได้ทำตามหลักวิชาที่เจ้าของเคสแนะนำหรือไม่
[attachmentid=3025][attachmentid=3026]
A: พี่ชายได้บุญในส่วนของการอนุโมทนา ซึ่งจะไปตัดรอนวิบากกรรมได้บ้าง ก่อนตายพี่ชายมีคตินิมิตรใสบ้างพอปิดอบาย เพราะทำตามคำบอกของเจ้าของเคสได้บ้าง ทั้งนี้เนื่องจากพี่ชายของเจ้าของเคสยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการนึกถึงเรื่องบุญ ตายแล้วไปเกิดเป็นภุมมะเทวาระดับทั่วไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
[attachmentid=3027][attachmentid=3028]
ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ส่งผลให้มีสภาพที่ดีขึ้น ให้เจ้าของเคสหมั่นทำบุญอุทิศส่วน่กุศลไปให้อีกบ่อยๆ ที่เจ้าของเคสฝันเห็นพี่ชายนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะพี่ชายมาลาก่อนที่จะจากไป
ชาตินี้เมื่อมาเจอกันแล้วก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีในทุกๆ บุญอย่างเต็มที่
และอฐิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรี อย่าได้พลัดกันอีกเลย
และอฐิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรี อย่าได้พลัดกันอีกเลย