ถ้าหมอแนะนำว่าให้เอาเด็กออก ช่วยคิดทีสิคะทำไงดี
#1
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 02:56 PM
ตอนนี้ก็เจาะเลือดคุณพ่อไปตรวจเพิ่มว่าจะเป็นทาลัสซีเมียเหมือนกันหรือไม่
ซึ่ง เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ เวลาทำบุญ ก็จะอธิฐานถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่, หลวงพ่อ, คุณยาย ให้ร่างกายลูกครบถ้วนสมบูรณ์
ครบทั้ง 32 ประการ เมื่อคลอดมาก็มีความตั้งใจอยากให้อยู่ใต้
ร่มเงาของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ยังเล็ก มีความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยม
แต่แล้วข่าวร้ายก็มาทำให้เกิดความไม่แน่ใจ ว่าจะสามารถมีลูกคนนี้ได้หรือไม่
เพราะมีคนที่เป็นทาลัสซีเมียทั้ง พ่อและแม่ คุณหมอแนะนำให้เอาลูกออก เพราะเสี่ยงต่อการที่ลูกจะคลอดมาแล้วไม่แข็งแรง
ก็เลยมาคิดถึงตนเอง ถ้าคุณหมอแนะนำให้ทำอย่างนั้นบ้าง จะทำอย่างไรดี เพราะไม่อยากทำ และไม่มีความคิดเลยสักนิดที่จะ
ทำ ตอนนี้ก็เลยตั้งใจจะปฏิบัติธรรมทุกวัน แต่คงรักษาศีล 8 ไม่ได้ เพราะต้องทานมื้อเย็น (เพื่อเด็กในท้อง) ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ
น้องๆ กัลยาณมิตรทุกท่าน ให้คำแนะนำดีๆ เพื่อที่จะได้แนวทางไปปฏิบัติ และขออนุโมทนาบุญทุกท่านทุกข้อเสนอแนะ
***รู้ก็รู้อยู่ว่าไม่ควรคิดนำเพราะจะทำให้จิตหมอง แต่ครั้งนี้อดคิดไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นแม่ก็คราวนี้เอง***
#2
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 03:24 PM
ถาม
.......การทำแท้งด้วยความจำเป็น เช่น ผู้หญิงที่ถูกข่มขืน หรือขณะตั้งครรภ์ เกิดป่วย เป็นโรคหัดเยอรมัน
ถ้าปล่อยให้เด็กคลอดออกมาก็จะพิการ การทำแท้งด้วย ความจำเป็นอย่างนี้ เป็นบาปหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ
.......คำถามนี้หลวงพ่อเข้าใจว่า เป็นคำถามซึ่งค้างคาใจของหลายๆ คนที่กำลังฟังอยู่เหมือนกัน
ในเรื่องของการทำแท้งนั้น ไม่ว่าจะทำแท้งเพราะถูกข่มขืน หรือว่าขณะตั้งครรภ์เกิดป่วย เป็น
โรคหัดเยอรมันก็ตาม ถ้าถามว่าบาปไหม ก็ตอบได้ชัดเจนลงไปเลยว่า เป็นบาปแน่นอน เพราะการทำแท้ง
คือ การฆ่าคน เมื่อขึ้นชื่อว่าฆ่าเสียแล้ว ย่อมเป็นบาปทั้งนั้น
ถึงจะบอกว่า ถูกข่มขืน ไม่ได้เต็มใจที่จะท้องเลย หรือว่าเต็มใจ ที่จะมีครรภ์ในครั้งนี้ แต่ว่าเกิดป่วย
เป็น โรคหัดเยอรมันขึ้นมา หากปล่อยให้เด็กคลอด ออกมา ก็เสี่ยงเหลือเกินที่เขาจะพิกลพิการ
ไม่ว่าจะเสี่ยง หรือไม่เสี่ยง จะเต็มใจที่จะมีครรภ์ หรือไม่เต็มใจ ถ้ามีการฆ่ากันเมื่อไหร่ ก็เป็นบาปเมื่อนั้น
เพราะว่านิสัยโหดร้าย ได้เข้ามาในกมลสันดาน ของมนุษย์เสียแล้ว
เนื่องจากมนุษย์นั้น มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าสัตว์ตรงที่ไม่ฆ่านี่เอง ถ้าถามว่า รักที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร
มนุษย์ทุกคนตอบเหมือนกัน ทั้งโลกนั่นแหละ ว่ารักชีวิตของตัวเองที่สุด
อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้หมูหมากาไก่ถ้ามันพูดได้ ไปถามเถอะ ว่ารักอะไรที่สุด มันก็ตอบแบบเดียว
กับมนุษย์ คือ รักชีวิตของมันที่สุด
ถึงมันจะไม่เคยบอกเรา แต่เราก็สามารถจะรู้ได้ ไม่เชื่อลองไปเงื้อมือ เงื้อเท้าทำท่าว่าจะตี จะทำร้ายมัน
มันจะรีบวิ่งหนีไปทันที แสดงว่าสัตว์ทั้งหลาย ก็รักชีวิตของมัน ไม่น้อยไปกว่าเราเลย
นั่นคือ ใครๆ ก็รักชีวิตของตนเอง เพราะฉะนั้น ใครๆ ก็ต้องไม่ฆ่าใคร ถ้าไปฆ่าใครเขาเข้า ก็เป็นบาป
เพราะฉะนั้น แม้ลูกจะอยู่ในท้องของคุณ แล้วคุณก็ไม่อยากจะให้เขาเกิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
แต่เมื่อเขามาเกิดในท้องของคุณ เขามีชีวิตแล้ว ถ้าคุณไปฆ่าเขา คุณก็ บาป
หรือว่าก็อยากจะให้เขาเกิดหรอก แต่ถ้าปล่อยให้คลอดออกมา แล้วเขาพิการจะว่าอย่างไร
พิการก็พิการ เพราะคนเราถึงพิการ อย่างไรคุณค่าของ ความเป็นคน ก็ยังดีกว่าสัตว์อยู่นั่นเอง
ยกตัวอย่าง เคยคิดกันบ้างไหม ว่าตัวของเรานี่แหละ ถ้าเกิดไปประสบอุบัติเหตุ ถึงกับต้องแขนขาด
ขาขาด แถมเสียลูกนัยน์ตาไปอีก ๑ ข้าง ซึ่งถือว่าพิการอย่างหนักทีเดียว
ถามว่าเมื่อเคราะห์หามยามร้าย ต้องพิการขนาดนี้แล้ว น่าจะฆ่าตัวตายไหม ก็ไม่น่าฆ่าตัวตายหรอก
เพราะถึงพิการอย่างไร ถ้าหากรักษา ใจ เป็น ใจก็ไม่ได้พิการไปด้วย
เมื่อใจไม่พิการ ก็สามารถสร้างบุญ สร้างกุศลต่อไปได้ เพราะว่าปากยังพูดได้ ยังสวดมนต์ได้
ศีรษะก็ไม่ถึงกับยุบ ยังสามารถศึกษาธรรมะได้ ถึงจะมีสภาพพิกลพิการอย่างไร ก็ยังดีกว่าสภาพของ
สัตว์เดรัจฉาน ซึ่งหมดสิทธิ์ในการทำความดี
** เพราะฉะนั้น อยากฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับคุณแม่ในอนาคตทั้งหลาย ไม่ว่ากรณีถูกข่มขืน
หรือว่าเจ็บไข้ได้ป่วย กลัวว่าลูกที่คลอดมาแล้วจะพิกลพิการ ลูกเอ๊ย ปล่อยให้เขาเกิดออกมาเถิด **
ในเมื่อหมูหมากาไก่ แม้กระทั่งมดปลวก ยังรักชีวิตของมันเลย แล้วลูกของเราที่อยู่ในท้อง
เขาก็กลัวตายเหมือนกันนั่นแหละ
ส่วนที่ว่าถ้ากลายเป็นปัญหาของสังคมจะทำอย่างไร ปัญหาเหล่านี้ เช่น การถูกข่มขืน
ความจริงนอกจากเป็น ปัญหาของสังคมแล้ว ยังเป็นเรื่องของ กรรมอีกต่างหากด้วย คือ
กรณีที่ ๑ การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะถูกข่มขืนนั้น สิ่งที่ตัวเองจะต้องมองก็คือ
๑. การแต่งเนื้อแต่งตัวของเราเหมาะสมหรือไม่ เราแต่งเนื้อแต่งตัว ล่อแหลมหรือไม่ เช่น ข้างบนก็เปิด
ข้างล่างก็หดสั้นขึ้นมาสุดๆ อย่างที่เรียกว่า แต่งตัวไปล่อตะเข้ อย่างนี้โอกาสที่จะถูกข่มขืนก็มีไม่น้อย
๒. การวางตัวของเราเหมาะสมหรือไม่ การแต่งเนื้อแต่งตัวก็เรียบร้อยหรอก แต่ว่ากิริยาท่าทางของเรานั้น
บาดหูบาดตาชาวบ้าน เขาเหลือเกิน เพราะพวกที่คิด ไม่ดีย่อมมีอยู่ในโลก จะไปห้ามไม่ให้เขาคิดไม่ดี
เราห้ามไม่ได้ ที่ห้ามได้คือ ห้ามตัวเองที่จะไม่ไปทำอะไรที่ล่อแหลมให้ใครๆ เห็น
๓. ไปในที่ไม่ควรไปหรือไม่ การแต่งเนื้อแต่งตัว การวางตัวก็เหมาะสมดีแล้ว แต่ความระวังตัวที่จะไป
ในที่ไม่ควรไปมีหรือไม่
๔. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีหรือไม่ มีความระมัดระวังในทุกสิ่ง ทุกอย่างดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราอยู่ในสิ่งแวดล้อม
ที่ไม่ดีหรือไม่
** ถ้าหากทั้ง ๔ ประการที่กล่าวมานี้ เหมาะสมหมดทุกอย่าง อย่างนั้นก็เป็นกรรมเก่าของเราแล้วล่ะลูก **
เมื่อเป็นเรื่องกรรมเก่าก็ต้องยอมรับ แต่ว่าอย่าได้คิดที่จะไปฆ่าใครอีกเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นบาปซ้อนบาป
ขึ้นมาอีก
คือกรรมเก่าเนื่องจากเวรกาเมฯ ที่ติดตัวมา จึงทำให้ถูกข่มขืน แล้วชาตินี้ยังมาฆ่าลูก ในท้องของตัวเอง
สร้างเวรปาณาติบาต เพิ่มเข้ามาอีก แล้วเมื่อไหร่ถึงจะหมดเวรกันเสียที
เพราะฉะนั้น ในกรณีที่ถูกขมขืน จะไปแก้ไขที่ใครคนใดคนหนึ่งนั้นไม่ได้ คงต้องมองกันถึงระดับ
ครอบครัว และระดับสังคม ว่ามีสิ่งใดบ้าง ที่จะเป็นสาเหต ุแห่งการยั่วยุทางเพศ ทำให้กามกำเริบได้ง่าย
เมื่อพบแล้วก็ต้องรีบช่วยกันกำจัดออกไป
ยกตัวอย่าง การนุ่งการห่ม การแต่งเนื้อแต่งตัวของผู้หญิงไทยในขณะนี้ ช่างขาดความระมัดระวัง
ชอบแต่งตัวโป๊ๆ เปลือยๆ กันเหลือเกิน
เมื่อเป็นอย่างนี้ แม้ว่าตัวเองจะไม่โดนข่มขืน แต่ว่าก็มีโอกาสที่ จะทำให้กามราคะของ ผู้ชายบางคนกำเริบ
แล้วไปทำร้ายผู้หญิงอื่น ทำให้ผู้หญิงอื่น ต้องถูกข่มขืน สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ทั้งนั้น
การแสดงโชว์ตามแหล่งอบายมุขต่างๆ ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นสิ่งยั่วยุให้กามราคะของมนุษย์
กำเริบได้ง่าย ก็เลยทำให้คนดีๆ พลอยถูกข่มขืนไปด้วย
ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ตัวคุณหนู หรือลูกคุณโยม หลานคุณโยม จะมาแก้ไขกันเองตามลำพัง
นี่เป็นปัญหาระดับสังคม ระดับประเทศชาติ ที่รัฐบาลและทุกคน ในประเทศต้องหันหน้ามาดูแล
และหาทางแก้ไขกันต่อไป
กรณีที่ ๒ คุณผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ แล้วเกิดมาป่วยด้วยโรคหัดเยอรมัน ถ้าปล่อยให้เด็กคลอดออกมา
เด็กอาจจะพิการได้ ในกรณีนี้ ก็อยากจะฝากไว้ว่า ต้องกู้สุขภาพกันให้ถึงที่สุด หาทางที่จะแก้ไขเจ้า
ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ กันสุดๆ ก็แล้วกัน
ส่วนช่วยได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพราะถึงลูกที่อยู่ในท้อง อาจจะพิกลพิการไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับชีวิตมด
ชีวิตปลวก ชีวิตสัตว์อื่นๆ ลูกของเราก็ยังมีคุณค่ากว่าเยอะ
เพราะฉะนั้น เปิดโอกาสให้เขาได้เกิดมาเก็บบุญ เก็บกุศล ติดตัวไปอีกสักหน่อย ถึงแม้ว่าแกอาจจะต้อง
ลาโลกไปเร็วกว่าคนอื่นบ้าง ก็ช่างเถอะ
คิดเสียว่า สงสารสัตวโลกที่จะต้องมาหมดโอกาส สร้างบุญ สร้างความดี เพราะน้ำมือของเรา
ผู้ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลย
หลวงพ่อเองก็คงจะฝากข้อคิดเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ กลับไปพิจารณาให้ดีก็แล้วกัน อย่าต้องกลายเป็น
ฆาตกรมือน้อยๆ กันเลย
................โดย พระภาวนาวิริยคุณ ( หลวงพ่อ ทัตตชีโว ) วัดพระธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 03:32 PM
#4
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 03:37 PM
กรณีที่พ่อแม่ตรวจพบลูกในครรภ์เป็นเด็กไม่สมบูรณ์ครบ 32 ประการ หรือมีโอกาสเป็น ดาวน์ นี้ คุณ
หมอแนะนำให้เอาเด็กออกเพื่อจะได้ไม่ทรมารเด็ก และผู้เป็นพ่อแม่ ที่ต้องคอยรับภาระเลี้ยงดู
ลองทบทวนข้อความต่อไปนี้จากหนังสือ lovely love ที่หลวงพ่อท่านเขียนไว้นะคะ ตอนตอนมาให้อ่านบางตอนค่ะ
... คู่รักบางคู่ อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา แม้ไม่มีความพร้อม เพราะคิดเพียงว่า.. เป็นความสนุก หรือความบันเทิง
ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ความสนุก แต่เป็นหน้าที่ เป็นขั้นตอนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้เกิดขึ้นมาในโลก
เมื่อเราอยู่ร่วมกัน.. จึงจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบ เหมือนเราทำสัญญากันเอาไว้ ลงนามทำสัญญาค้าขายร่วมกัน
เราจะเอาแต่กำไรโดยส่วนเดียว.. ไม่ได้
เพราะ บางครั้ง ...เราก็ขาดทุน
ดังนั้น บางคู่รักที่อ้างว่า...อยู่ในวัยเรียน หรือเด็กที่จะเกิดมานั้นพิการ ไม่สมควรให้ลืมตาดูโลก
ถือว่า...ไม่รับผิดชอบ เพราะเมื่อเราเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว เราต้องเลี้ยงดู ไม่ว่าลูกจะออกมาพิการ หรืออย่างไรก็ตาม
เพราะเรามีพันธสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกันและกันแล้ว ไม่สามารถปฏิเสธได้
...ถ้าหากเราไม่รับก็จะขัดกับกฎแห่งการกระทำ..คือกฎแห่งกรรม ภายใต้กฎนี้..ทุกชีวิตควรจะมีสิทธิ์ตายเอง..เมื่อถึงเวลา
พ่อกับแม่ของเด็กจึงต้องชั่งใจให้ดี เราจะดูสั้นหรือดูยาว รักยาวให้บั่น...รักสั้นให้ต่อ
ถ้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้า..แล้วทำลายชีวิตของเด็กไป โดยคิดว่า เราโชคดี ที่ไม่ต้องเลี้ยงดูคนพิการ
หรือมีภาระ เป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่ทว่าผลกรรมที่จะได้รับนั้น..อีกยาวนาน ข้ามภพ ข้ามชาติกันดีเดียว
ดูแล้วไม่น่าจะเรียกว่า..แก้ปัญหา กลับกลายเป็น สร้างปัญหาใหม่ คือตายแล้วก็ต้องไปชดใช้กรรมในอบายภูมิ
หลังจากนั้น..เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องมาอยู่ในครรภ์ของแม่ที่แก็ปัญหาเฉพาะหน้า ถูกทำลายชีวิตเอาบ้างมากหมาย
หลายครั้ง.....เพราะฉะนั้น เราควรถอยหลังลงคลอง คือคลองธรรม...คลองแห่งความถูกต้องดีงาม
.........ชื่อเจ้าของกระทู้ "ยึดมั่นความดี" ก็ขอให้ยึดมั่นจริง ๆ ดังชื่อนะคะ
อยู่กับยาย เชื่อว่าคุณอ่านข้อความข้างต้นแล้ว คุณจะพบทางออกค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 04:41 PM
คัดลอกคำสอนคุณยายมาให้บางส่วนค่ะ
"เมื่อทำอะไรผิดพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะ มารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที
ยิ่งคิดยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกฝังสำเร็จได้ทันที ทำให้เรื่องที่ยัง
ไม่มีอะไรกลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดยิ่งจะเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย
อย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)"
ดังนั้นอะไรที่ยังไม่เกิดขึ้นก็อย่าไปคิดเผื่อไว้นะคะ คิดแต่สิ่งที่ดี ๆ ทำบุญเยอะ ๆ หนักก็จะเป็นเบา เบาก็จะหายค่ะ
อธิษฐานจิตวางผังสำเร็จให้ลูกผู้มีบุญคนนี้ได้เกิดมาดูโลกอย่างสมบุญแข็งแรง เอาบุญเป็นที่ตั้งอย่างเดียวพอ
อย่างอื่นไม่ต้องไปคิดให้เปลืองสมอง เสียเวลาเปล่า ๆ ค่า สู้ ๆ นะคะว่าที่คุณแม่ คุณพ่อ
#6
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 04:46 PM
จริงๆ แล้วยังไงก็คงไม่เอาออกหรอกค่ะ เพราะว่า ยังไงก็คงต้องกู้สุขภาพให้ถึงที่สุด
เพียงแต่ว่า อยากสอบถามความคิดเห็นของเพื่อนๆ พี่ๆ กัลฯ ว่ามีแนวความคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
และหากว่า เกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง จะมีความคิดเช่นไร แม้เราจะรู้อยู่ว่า เรามีกรรมเก่ามา ชาตินี้เราจึง
พบกับเรื่องแบบนี้
ถ้าจะถามว่าตั้งกระทู้เพื่อถามว่า เอาออกดีไม๊ นั้น ไม่ใช่เลยค่ะ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น
เพราะอย่างที่บอกไว้แล้วในข้อความว่า ไม่คิดเลยสักนิดว่าจะทำ และก็จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด
เพราะตั้งแต่เกิดมา แค่จะตบยุง บี้มด ยังกลัวบาป แล้วนี่ชีวิตของมนุษย์เชียวนะคะ ลูกของเราด้วย
เพียงแต่เพราะว่าเมื่อทราบเรื่องว่าเราเป็นโรคอะไร ต้องมีบ้างที่เสียใจ เพราะใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิดกับตัวเองใช่ไหมคะ
****ขออนุโมทนาบุญสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ ******สาธุ
#7
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 05:01 PM
ไม่กี่เดือนมานี้ก็มี case หนึ่ง แม่ท้องได้ไม่ถึงแปดเดือน ถุงน้ำคร่ำรั่วขนาดที่ถ้าปล่อยไว้อาจเสียชีวิตทั้งแม่และลูก คุณหมอจึงผ่าตัดทำคลอดก่อนกำหนด เด็กหนักแค่ 1.1 ก.ก. ซึ่งอันตรายมาก แต่ด้วยบุญรักษา ขณะนี้เด็กแข็งแรงดี เพียงแต่ตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันเพราะคลอดก่อนกำหนดมาก พัฒนาการปกติสมบูรณ์ทุกอย่าง หน้าตาน่ารัก เป็นเด็กอารมณ์ดี และส่อแววว่าเป็นเด็กฉลาด นี่แหละค่ะที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนเสมอว่า บุญรักษา ก็ขอให้บุญรักษา คุณยึดมั่นความดี และลูก ให้สมบูรณ์ แข็งแรง และปลอดภัยทุกประการนะคะ แต่ต้องอย่าลืมหลักวิชชานะคะ อยู่ในบุญ อยู่เสมอ และสั่งสมให้มากๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา พร้อมอาราธนาบารมีธรรม พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ และคุณยายาอาจารย์ ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองรักษานะคะ
จะคอยติดตามฟังข่าวดี เมื่อผู้มีบุญได้ลืมตาดูโลกเพื่อมาสร้างบารมีค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 05:07 PM
#9
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 05:44 PM
แต่ถึงแม้ว่าลูกคุณจะออกมาไม่แข็งแรงหรือสมบูรณ์ก็ตามเค้าเกิดมาก็จะได้กายนี้มาสร้างบุญสร้างบารมีต่อเพื่อที่จะได้หมดกรรมเร็วยิ่งขึ้นเหมือนที่เคยอ่านในหนังสืออนุภาพแห่งบุญของคุณยายอาจารย์ที่ไปพบเด็กพิการที่แม่พาเข้าวัดมาทำบุญ คุณยายก็ทักว่า "นี่แหละกรรมของสุรา แต่ไม่เป็นไรได้เกิดมาเป็นลูกธรรมกายจะได้หมดเวรเสียแต่ชาตินี้ "
ที่เล่ามานี้ก็ไม่อยากให้คุณใจเสียน๊ะค๊ะเพียงแต่ให้คุณคิดในแง่ดีไว้ก่อนไม่ว่าผลจะออกมาเป้นอย่างไรก็ตาม
เราก็ขอเอาใจช่วยคุณยึดมั่นความดี ขอให้คุณคลอดลูกที่ฉลาดและ แข็งแรงทุกประการ น๊ะค๊ะ สาธุ
100กะรัต
#10
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 07:16 PM
- เรื่องเชื้อไวรัสบี สามารถให้ภูมิคุ้มกันทารกแรกคลอดได้ทันที
- เรื่องธาลัสซีเมียของคุณ ควรถามสูติแพทย์ว่าว่าเป็นชนิด"แฝง"หรือเป็น"โรค"เพราะโอกาสทางกรรมพันธุ์นั้นต่างกัน และคงต้องรอผลการตรวจของสามี แล้วจะสามารถประเมินโอกาสได้ชัดเจน
- อาจต้องรับการตรวจน้ำคร่ำเพื่อวิเคราะห์ทารกในครรภ์หรือเปล่า
ยิ่งคิดยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกฝังสำเร็จได้ทันที ทำให้เรื่องที่ยัง
ไม่มีอะไรกลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดยิ่งจะเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย
อย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)"
#11
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 07:43 PM
#12
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 07:55 PM
เมื่อช่วงวันวาเลนไทน์
คุณครูไม่ใหญ่ เปิดเรื่องราวที่คุณอิริก (เจ้าของแคลิฟอเนีย ฟิตเนส) เป็นกัลฯ ให้ชาวไต้หวัน (หรือเกาหลีหว่า?)
โดยบอกว่าไม่ให้ทำแท้ง
และตอนนี้คุณแองเจิล ก็ได้ ซูเปอร์เบบี้หน้าตาน่ารัก
ส่วนคุณครูไม่ใหญ่กับคุณอิริก ก็เป็นซูเปอร์ทีชเช่อร์ (Super Teacher)
เธอติดกระดาษจดหมายคุณครูไม่ใหญ่ไว้
เธอบอกลูกเสมอว่าถ้าไม่คุณครูไม่ใหญ่ ลูกก็คงไม่ได้เกิดมาแล้วจ๊ะ
#13
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 09:12 PM
#14
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 09:46 PM
ให้เอาบุญทุกบุญช่วยนะครับ
ขอบารมีหลวงปู่และคุณยายอาจารย์ให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง
ผมเชื่อว่าน้องต้องปลอดภัย
นายใจใส ยิ้มละไม
#15
โพสต์เมื่อ 06 March 2008 - 10:25 PM
ตรึก ระลึกถึงบุญบ่อยๆสม่ำเสมอนะคะ
สู้ๆคะ..
.....บุกเบิกไปให้ก้าวไกล ถึงคราวพวกเราเติบใหญ่ ชาติไทยได้พัฒนา....
#16
โพสต์เมื่อ 07 March 2008 - 02:10 AM
#17
โพสต์เมื่อ 07 March 2008 - 02:35 AM
#18
โพสต์เมื่อ 07 March 2008 - 08:19 AM
อาจมีอะไรดีๆ เข้ามาทดแทนสิ่งที่ไม่ดีบ้างก็ได้นะคะ
#19
โพสต์เมื่อ 07 March 2008 - 01:52 PM
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยอีกคน สู้ต่อไป ทาเคชิ! ^ ^
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#20
โพสต์เมื่อ 08 March 2008 - 02:17 AM
#21
โพสต์เมื่อ 08 March 2008 - 09:33 AM
ให้มีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขนะครับ
อนุโมทนา คำแนะนำที่ดีมาก ๆ ของทุกท่านด้วยครับ
ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลย
Every things are difficult ; before they are easily.
#22
โพสต์เมื่อ 08 March 2008 - 11:05 AM
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก จงปกป้อง คุ้มครอง ครอบครัวของคุณยึดมั่นความดี ให้ลูกน้อยที่จะออกมาลืมตาดูโลก ได้มีโอกาสสร้างบุญบารมีในชาตินี้ เพื่อทำกรรมเก่าให้หมดไป มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่า และดียิ่งๆขึ้นไป
บุญรักษา ค่ะ
#23
โพสต์เมื่อ 09 March 2008 - 08:36 PM
อย่าได้เป็นกรรมใหม่ของคุณแม่เลย อย่าได้ไปฆ่าเขาเลย
เป็นกำลังใจให้นะครับ
#24
โพสต์เมื่อ 01 April 2008 - 02:19 PM
#25
โพสต์เมื่อ 01 April 2008 - 02:25 PM
ลูกจะมีโอกาสแค่1ใน 4 ที่อาจจะเป็นพาหะ(ดูว่าไท๊ป์ไหน) หมายถึงการตั้งท้องทุกท้องจะมีโอกาสแค่1ใน4ที่ลูกจะเป็นพาหะ
แม่เป็นเก๊าะเป็นไป ถ้าไม่มีคู่ให้จับก็สบายใจได้ค่ะ