ที่สุดแห่งธรรม น่าจะดีกว่า ที่สุดแห่งรวย
#1 *Guest*
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 01:03 PM
แต่ว่าที่ให้ร่วมเชียร์แบบนี้มันเหมือนกับว่าย้ำให้เราจำเพียงอย่างเดียวว่า เรามาวัดเพื่อหวังรวยแต่อย่างเดียว ไม่ได้พัฒนาจิตใจด้านอื่นบ้างเลย ทางวัดน่าจะลด Degree ตรงนี้ลงบ้าง แล้วหันมาหาสิ่งอื่นหรือคำพูดอื่น ให้พวกเรายึดถือมากกว่าคำว่ารวย เช่น ให้พวกเราย้ำว่าจุดมุ่งหมายของชีวิต คือที่สุดแห่งธรรม (แทนที่จะเป็นที่สุดแห่งรวย)
จาก
คนอยากรวย แต่อยากพัฒนาจิตใจให้เข้าถึงที่สุดแห่งธรรมมากกว่ารวยเพียงอย่างเดียว
#2
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 01:50 PM
#3 *Guest*
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 01:51 PM
#4
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 03:27 PM
#5
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 04:13 PM
ความจริงแล้ว มักมีคนให้ความเห็นว่า พุทธศาสนานิกาย เถรวาท ไม่เน้นความรวย และคนที่ให้ความเห็นมักเป็นคนที่ทรงอิทธิพลทางวิชาการศาสนาด้วย ทำให้มีอิทธิพลต่อความคิดของคนส่วนใหญ่
แต่ความสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ แล้ว ถ้าเป็นฆราวาส ทรงสอนให้ตั้งใจทำมาหากินจนร่ำรวยนะครับ จะได้ช่วยประโยชน์ต่อสังคมได้เต็มที่ เช่น หลักคำสอนหัวใจเศรษฐี
อุปฐานสัมปทา ขยันหาทรัพย์
อารักขสัมปทา ขยันเก็บรักษาทรัพย์ (เมื่อเก็บก็ต้องรวย)
กัลยาณมิตตตา สร้างเครือข่ายคนดี
สมชีวิตา เลี้ยงชีพตามฐานะที่สมควร
ส่วนบรรพชิต นั้นทรงสอนให้ไม่สะสมทรัพย์ ถูกต้องแล้วครับ
ซึ่งที่คนภายนอกไม่เข้าใจ เพราะเข้าใจไปว่า พระของวัดฯ สะสมทรัพย์ใหญ่โต แต่ในความเป็นจริง นั่นคือ สมบัติของวัด ของพระศาสนา ไม่ใช่สมบัติของพระรูปใดรูปหนึ่งครับ ส่วนตัวพระวัดพระธรรมกาย ล้วนเป็นอยู่เรียบง่ายทั้งนั้นน่ะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 04:23 PM
คำว่า รวย นี้ บางทีอาจทำให้บางท่านรู้สึกไม่สบายใจว่าโลภในทรัพย์หรือเปล่า แต่ รวย ในที่นี้หมายถึง รวยบุญ รวยบารมี ซึ่งครอบคลุมทั้ง รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ซึ่งจะเป็นเครื่องอำนวยประโยชน์ให้ไปสู่ที่สุดแห่งธรรมได้น่ะครับ
อย่างที่คุณหัดฝันว่าไว้ก็ทราบอยู่ค่ะ แต่ว่ามีกี่คนทั้งในวัดและนอกวัดที่ทราบและเข้าใจเช่นนั้น
#7 *Guest*
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 04:28 PM
#8
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 05:09 PM
#9
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 05:17 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#10 *Guest*
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 07:19 PM
เพื่อความเข้าใจและยอมรับได้กับคนส่วนใหญ่ด้วย
#11 *Guest*
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 09:56 PM
And please someone take this matter seriously because many people have been concerned about it for many years. There are a few people who I have taken to the temple in the past few years (both at home and abroad) never want to go back again because of this activity. I have been a super faithful follower of this temple for nearly 20 years and understand the temple well. But it's really difficult to explain to the new comers for what could be regarded as unnecessary activity. (Well it's not that difficult to explain but it's hard for them to appreciate.)
.......................
Quote Khun หัดฝัน &Khun แจ่ม [คำว่า รวย นี้ บางทีอาจทำให้บางท่านรู้สึกไม่สบายใจว่าโลภในทรัพย์หรือเปล่า แต่ รวย ในที่นี้หมายถึง รวยบุญ รวยบารมี ซึ่งครอบคลุมทั้ง รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ซึ่งจะเป็นเครื่องอำนวยประโยชน์ให้ไปสู่ที่สุดแห่งธรรมได้น่ะครับ] [...]
Khun แจ่ม [อย่างที่คุณหัดฝันว่าไว้ก็ทราบอยู่ค่ะ แต่ว่ามีกี่คนทั้งในวัดและนอกวัดที่ทราบและเข้าใจเช่นนั้น]
Yes, even though we all understand that the word รวย has its obvious and strong meaning. The word รวย, by itself, never conveys the meaning of "รวยบุญ รวยบารมี ซึ่งครอบคลุมทั้ง รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ" etc..
I understand that this activity makes many people feel more "alert", but it ruins the perfect-ness of sacred atmosphere we built up all day.
Please, please, please change the wording for this activity!!!!!! For the "perfect" image of our temple.
#12 *Guest*
โพสต์เมื่อ 12 October 2005 - 11:09 PM
Branding & Image management strategy is something to be done seriously.
#13
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 12:39 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#14 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 01:41 AM
ทำไมเราใช้ "ศีล" "ธรรม" หรือ "ทีสุดแห่งธรรม" เป็นจุดเด่นไม่ได้หรือคะ ต้องไปเอาคำทำนายทายทัก เอาสิ่งที่ไม่ใช่พระพุทธศาสนา เอาสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในพระไตรปิฏก มาใช้โฆษณาชวนเชื่อ ฟังแล้วไม่เจริญใจเลยค่ะ เพราะนอสตราดามุส ก็ไม่ต่างอะไรไปจากคำว่ารวยเลยค่ะ
#15
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 09:23 AM
#16 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 09:38 AM
#17 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 10:28 AM
#18 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 11:57 AM
ดิฉันเข้าใจดีอยู่แล้วว่าต้องรวยเพื่อจะได้นำทรัพย์สินมาสร้างพระพุทธศาสนาให้เป็นหลักยึดเหนี่ยวของคนทั้งโลก และกำลังพยายามทำอยู่
แต่ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็คงไม่ช่วยอะไรถ้าเราไม่สามารถทำให้ผู้คนนอกเหนือจากคน หนึ่งล้านคนที่มาวัดปัจจุบันให้หันมาศรัทธาวัด และศรัทธาพระพุทธศาสานาได้
และทุกคนคงทราบดีว่าคงมีคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะหันศรัทธาวัดของเราหากเขาได้ยินว่าชาววัดท่องแต่คำว่า "ขอให้รวยขอให้รวย" หรือ "โอนี่ต้องใช่แน่ ๆ เห็นไม๊ ขนาดนอสตราดามุสยังบอกเลย"
ดังนั้นดิฉันจึงคิดว่า
1. ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปทำให้นอสตราดามุสมีชื่อเสียง โดยการบอกคนอื่น ๆ ว่า นอสตราดามุสทายแม่นจริง ๆ นี่ไง เป็นตามนี้เลย เห็นไม๊
2. ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปอ้างว่านี่เราเป็นผู้ที่นอสตราดามุสทำนาย ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม เพื่อสร้างศรัทธา เพื่อความสนุกสนาน คึกคะนองใจ หรือแม้แต่สร้างกำลังใจว่าพวกเรากำลังเดินมาถูกทางแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้กับความงมงายมันห่างกันเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
3. ไม่จำเป็นที่เราจะต้อง เน้นคำว่า "รวย" กันอย่างเอิกเกริก ถ้าหากว่าผู้คนส่วนใหญ่ยังติดคิดว่า "รวย" นั้นคือรวยทรัพสินเงินทองเพียงอย่างเดียว ไม่ได้คิดไปว่าคำว่า "รวย" คือรวยบุญบารมี
ถ้าคนนอกวัด ที่เขายังไม่ศรัทธาได้ฟังแล้วเขาก็คงได้แต่ส่ายหัว (เหมือนอย่างที่ดิฉันได้เคยเห็นมาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน ขนาดตัวเองเข้าวัดมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังส่ายหัวเหมือนกันกับคนอื่น ๆ เลย) แล้วก็ได้แต่แก้ต่างให้วัดต่าง ๆ นา นา ว่า ไม่หรอก วัดนี้เขาไม่ได้สอนให้คนโลภหรือหลงติดอยู่กับวัตถุหรอก...ect... ต่าง ๆ นา นา จนเหนื่อยไม่รู้จะแก้ต่างอย่างไรแล้ว
แล้วถ้าเป้นอย่างนี้เมื่อไหร่เราถึงจะสามารถเผยแพร่พระศาสนาของเราได้ให้กว้างไปกว่าคนหนึ่งล้านคนที่อยู่ตรงนี้หละ
#19 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 12:00 PM
ฝากบอกคุณหัวหน้าชั้นเบา ๆ แต่ฝากบอกคณะทำงานแรง ๆ เพื่อจะได้มีแนวทางร่วมกันในการทำงานในอนาคต
#20
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 12:05 PM
การสร้างบารมีย่อมมีอุปสรรค ทำใจใสใสไว้ดีกว่าครับ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
#21
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 12:52 PM
#22 *Nothing Perfect*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 03:03 PM
แต่ก็คิดว่าถ้ามีคนทักท้วงมาขนาดนี้ก็คงต้องหันมาพิจารณาแล้วล่ะ
จิ้งจกทัก คนโบราณยังบอกให้หยุดฟัง
นี่คนทัก..ก็ต้องยิ่งฟังใหญ่เลยเนอะ...
#23 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 03:29 PM
ปล. จากลูกพ่อขุน ปี หนึ่ง น่ารัก
#24
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 03:30 PM
ในเรื่อง "นอสตราดามุสทำนาย" มี2ส่วน ส่วนแรกการประชาสัมพันธ์ให้บุคคลภายนอกเข้าใจ ก็ฟังดูดีนะ ส่วนหลังถ้าเน้นประเด็นนี้มากไป ก็จะดูไม่ดี ....... ความเห็นผมนะเฉยๆ ไม่เห็นจะเป็นประเด็น เพราะมีข้อดีข้อเสีย
แต่ประเด็นเรื่องหัวหน้าชั้นนะ มีความคิดเห็นดังนี้ครับ
1. ต้องทำความเข้าใจเรื่อง "หน้าที่ กันก่อน." ต้องมีความเคารพในการทำหน้าที่ของบุคคล ยกตัวอย่างนะครับ "ถ้าหน้าที่นั้นเป็นของเรา เราจะทำได้ดีเท่านี้หรือไม่." ถ้าไม่ดีกว่า ผมจะไม่วิจารณ์เรื่องนั้นๆ กลัวว่าจะคล้ายเคสการต่อว่าภิกษุผู้มีศีล จะมีวิบากกรรม เพราะอย่างไรศีลท่านก็มากกว่าเรา ผู้ถือศีล 5 ศีล 8
2. "เรื่องส่วนตัว ให้วางอุเบกขา เรื่องพระศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง"
3. "ทิฐิ" อันนี้ผมก็มีอยู่มาก แต่ฟังเคทของผู้ที่พลัดออกจากหมู่คณะ ซึ่งมีจำนวนมาก ผมไม่อยากเป็นเช่นนั้น ก็เลยวางเฉย ในหลายๆเรื่อง
ผมเล่าเรื่องที่เคยได้สัมผัสกับตัวเองให้ฟังครับ เรื่องมีอยู่ว่า "เมื่อปีกลาย ได้ไปร่วมทำบุญที่วัดและเข้าโรงเรียนอนุบาล ได้รู้จักผู้มีบุญท่านหนึ่ง ผมเห็นแล้วชื่นชมเพราะท่านนั้นได้เป็นเจ้าภาพบุญในหลายๆบุญ แต่ในวันนั้น ที่โรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน เขาบอกกับผมว่า เขาไม่ชอบหัวหน้าชั้น ซึ่งลึกๆผมก็รู้สึกเหมือนกัน เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปและผมนั่งสมาธิมากขึ้น ผมเริ่มรู้สึกว่าที่ผมไปคิดตามเช่นนั้น (มองแง่ลบ)บุญผมหายไปมากต่อมากๆ (ภาชนะรองรับบุญไม่เปิดกว้าง) ใจผมใสน้อยลง (ขุ่นมัว) จึงได้เลิกคิดเช่นนั้น (Positive Thinking) และในภายหลังจึงได้เข้าใจการทำหน้าที่มากขึ้นครับ
เร่งสร้างบารมี ทำใจให้ใส เปลี่ยนความคิดลบ เป็นคำอนุโมทนาบุญในทุกบุญ และอธิษฐานจิต "ให้ได้ตามติด ติดตามหลวงพ่อ..ใกล้ชิด."
ไม่ได้มีเจตนาให้ท่านใดใจหมองนะครับ แต่ขอแสดงความเห็นไว้เตือนสติ(ตนเอง) ผมไม่อยากหลุดออกจากหมู่คณะ บุญใดที่จะบังเกิดขึ้นได้ขอให้บุญนั้นจงถึงแด่เพื่อนร่วมวงบุญ หากคำกล่าวใดผิดพลาดพลั้งไปก็ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ครับ
กราบอนุโมทนาบุญครับ
#25 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 04:01 PM
ใจขุ่นก็ได้บุญน้อย...
ผ่านมา
#26
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 05:24 PM
คำว่า รวย ใช้ทั้งสองกรณีค่ะ
คือ รวย ทางโลก กับ รวยทางธรรม ก็ให้อธิษฐานเอาว่าจะรวยแบบไหน
บางคนทางโลกมีพร้อมแล้วก็อยากรวยทางธรรม..
บางคนก็เหมือนเรา(ตัวเราเอง) รวยก็ยังไม่รวยเท่าไหร ทางธรรมก็ยังไม่เท่าไหร
ก็จะเอาทางโลกก่อนแล้วก็ทางธรรมตามทีหลัง ...ไม่ค่อยได้นึกเท่าไหร...
เพราะฉะนั้น คุณชวนใครมาวัด ถือว่า เป็นสิ่งดี ๆ นะค่ะ
อนุโมทนาบุญค่ะ...
แต่ หากเค้าสงสัยสิ่งใด ควรอธิบายให้เค้าฟัง
เพราะคนเราแต่ละคนมีอินทรีย์ต่างกันนะค่ะ
แต่ว่า พอเปลี่ยนมารวยบุญ รวยบารมี ก็จะโดนอีกนะค่ะ
เออ! ทำบุญหวังให้รวยบุญ รวยบารมี...
คนเรานานาจิตตังนะค่ะ
แต่เราว่า หาคำใหม่ ๆ เปลี่ยนให้ ที่คนทั่วไป ๆ คนใหม่ ๆ หรือแม้คนเก่า ๆ ได้หัวใจพอง ๆ
ดีกว่าค่ะ..เพราะคำว่า รวย ส่วนใหญ่ คงคิดว่า รวยทรัพย์สินเงินทอง มากกว่าค่ะ
เช่น ทุ่มชีวี..สร้างบารมี..รวยถึงที่สุดแห่งธรรม ขอมีแจมคำรวยหน่อย ๆ นะค่ะ...
เพราะคำว่า สร้างบารมี ก็รวม ๆ คำว่ารวยบุญ รวยบารมี..ส่วนรวยหลัง เจาะจงไปว่า รวยทรัพย์สินเงินทองซะมากกว่าค่ะ
#27
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 06:09 PM
น้อยคน ที่จะเชื่อว่า จะมีคนที่รวยโดยที่มีจิตใจบริสุทธิ์ และไม่เคยโกงมา ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว มีคนที่รวยอย่างนั้นจริง และสร้างประโยชน์ให้โลก และสังคมมหาศาล ทั้งในอดีต เช่น ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี และนางวิสาขา มาจนถึงปัจจุบัน อีกจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ผมเชื่อมั่นว่า หากได้เผยแผ่ ธรรมะที่ถูกต้อง (ไม่ถูกปลอมปนโดยนักวิชาการศาสนายุคปัจจุบันกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมักได้รับการเผยแผ่ข้อคิดจากสื่อมวลชน) ไปยังชนหมู่มาก ให้เขารู้ว่า รวยอย่างถูกต้อง สวยหล่ออย่างถูกต้อง และฉลาดอย่างถูกต้อง อีกทั้งจะย้อนกลับมาเป็นประโยชน์ให้สังคมนั้นมีอยู่ ดังเช่น บัณฑิตในอดีตกาล เมื่อนั้น ทัศนคติที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นในใจคนทั้งหลาย
#28 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 07:36 PM
ผมเองเข้าวัดมาสิบกว่าปีแล้ว เข้าใจเข้าใจโครงงานหลวงพ่อทุกอย่าง แต่ทุกครั้งที่ต้องมาตะโกนร้อว่า รวยเร็ว รวยแรง รวยรวด และอีกสารพัดรวย รู้สึกว่าใจมันจะตกยังไงก็ไม่รู้ครับ รู้สึกไม่ดีเท่าไร จริงๆก็เห็นด้วยนะครับที่รวยแล้วดี รวยแล้วสร้างบารมีสะดวก แต่ก็ไม่ควรตะโกนพูดแบบนั้น มันรู้สึกว่าไปหวังผลว่าบุญจะส่งให้รวย ทำบุญเพื่อให้รวยมากๆๆๆ จริงๆแล้วหลวงพ่อเองท่านก็สอนแค่ว่าทำทานแล้วก็จะรวย เพราะเป็นหน้าที่ของบุญ เรามีหน้าที่อธิษฐานให้บุญส่งผลไปในทางเสริมการสร้างบารมีของเรา แต่ส่นตัวผมคิดว่าไม่เหมาะเท่าไรที่จะไปตะโกนอย่างนั้น ยังมีคำดีๆที่ส่งเสริมกำลังใจอีกหลายคำ อยากให้ลองเปลี่ยนดูบ้างน่ะครับว่าจะเหมาะมั้ย
เห็นด้วยกับบางท่านที่บอกว่า ไม่อยากตอบคำถามเวลาพาคนใหม่ไปวัดแล้วเขาสงสัยกิจกรรมอย่างนั้น จะมีสักกี่คนกันเล่าทั้งในและนอกวัดที่เข้าใจงานของหลวงพ่อที่แท้จริง ไม่อยากให้เรื่องเล็กๆน้อยๆมากระทบให้หลวงพ่อท่านเสียเวลาทำงานใหญ่น่ะครับ
#29 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 09:01 PM
ใจขุ่นก็ได้บุญน้อย...
That's right. But to make thousands of people shout the word that make some people doubt about our temple and make them ใจขุ่น may not do any good for any body.
May be it’s better to yell out a “purer” word, and we can still keep wishing for richness quietly by heart. That would make everybody happy, wouldn’t it?!
{I’m sorry that I cannot type in Thai (though my English may not be that good). I would appreciate if someone could translate this into Thai}
#30 *Guest*
โพสต์เมื่อ 13 October 2005 - 10:08 PM