เมื่อจักวาลแตกดับ วิญญาณเราจะอยู่ไหนครับ ?
#1
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 02:52 PM
ใน สวรรค์ หรือ นรก อีกคำถามนะครับ อีกนานไหมครับกว่าจักวาลจะแตกดับ ขอเป็นระยะเวลาได้ไหมครับ
ขอบพระคุณมากครับ
#2
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 04:27 PM
#3
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 04:44 PM
ข้อแรกอ่านได้ในบทที่ 6
http://main.dou.us/v...ent.php?s_id=73
ส่วนข้อสอง เรื่องระยะเวลา อ่านได้ในบทที่ 4 ครับ
http://main.dou.us/v...ent.php?s_id=57
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#4
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 06:49 PM
ขอบคุณครับ
#5
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 07:09 PM
#6
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 07:19 PM
...ระยะเวลาการสะสมบารมีอย่างน้อยคือ 20 อสงค์ไขย 100,000 มหากัปป์ แปลว่า หากระยะห่างของรอยต่อยาวนานที่สุดต่อการเว้นช่วงก็อาจต้องรอถึง 100,000 กัปป์เป็นอย่างน้อย
#7
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 08:08 PM
#8
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 08:26 PM
#9
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 11:03 PM
เวลาทั้ง 4 ส่วนแบ่งเป็น โลกกำลังถูกทำลาย โลกถูกทำลายเรียบร้อยแล้ว โลกเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่ สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
#10
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 11:18 PM
1มหากัป (โลกตั้งอยู่และดับไป) มีระยะเวลานาน เท่ากับ 4 อสงไขยกัป (256อันตรกัป)
1อสงไขยกัป มีระยะเวลานาน เท่ากับ 64 อันตรกัป
1 อันตรกัป มีระยะเวลานาน เท่ากับ เวลาที่มนุษย์อายุ 1 อสงไขยปี (คุ้นๆว่า 10ยกกำลัง16)
แล้วลดลงเรื่อยๆ ทุกๆ ร้อยปี ลดหนึ่งปี จนเหลืออายุเพียง 10 ปี อันนี้คือ กัปลง (เหมือนที่ นรอ. หัดฝัน บอกครับ)
เอ๋....แล้วกัปลง+ขึ้น นับเป็น 1อันตรกัปใช่ไหมครับ แล้วเริ่มนับอีกทีเมื่ออายุลดลง หรือว่า เท่ากับ 2 อันตรกัป งงไปใหญ่เลยทีนี้ (ผู้รู้อยู่ไหนครับ)
แล้วตอนนี้เราอยู่ อันตรกัปที่เท่าใด แล้วอีกกีอันตรกัป จักรวาลจะถูกทำลายหน๋อ ยิ่งคิดยิ่งสงสัย.....ใครรู้บอก ข่อยที
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#11
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 11:25 PM
#12
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 11:31 PM
ระยะรอยต่อของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 1 อัตรกัปเองมิใช้เหรอครับ
เพราะว่า พระศรีอารย์ จะมาโปรดหมู่สัตว์ ในอัตรกัปข้างหน้านี้แล้ว
แต่เป็นไขลง ถ้าจำไม่ผิดนะครับ เหมือนจะรู้แต่ก็ไม่รู้จริง (หมายถึงตัวผมเองนะครับ)
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#13
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 11:53 PM
...แต่ในจักรวาลอื่น ก็มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดตามปกติ แบบว่า ถ้าจะรวมจักรวาลแล้วนับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มาบังเกิด ณ เวลานั้น ก็จะมีเยอะน่ะครับ แต่ถ้าจักรวาลเดียว แล้วรอให้มีมาเกิดก็อาจจะนานขนาดนั้น เพราะ 20 อสงค์ไขยมันกว้างมากมาย
...สรุป 1 แสน คือผม คิดเอาเองน่ะครับ เพราะถ้า 20 อสงค์ไขยกับ 9 หมื่นมหากัปป์ก็ยังเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ดี ประมาณนี้
#14
โพสต์เมื่อ 07 April 2010 - 11:58 PM
#16
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 02:17 AM
อย่างน้อยก็ต้องหลังจาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทระกัปนี้เกิดขึ้น คือพระศรีอริยะฯ ลงมาตรัสรู้ แล้วจนกระทั่งศาสนาเสื่อม
หมายความว่า อย่างน้อยอีกหนึ่งพุทธันดร จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ส่วนว่าจะระบุตัวเลขที่เจาะจง คงจะเป็นไปได้ยาก
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#17
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 02:21 AM
ถ้าผมจำไม่ผิดปัจจุบันเป็นขาลงของ อันตรกัปที่ 12 หรือ 13 (ไม่แน่ใจ) จากทั้งหมด 64 อันตรกัปที่โลกตั้งอยู่ ( 1/4 ของมหากัป)
พระศรีอาริยเมตไตรย จะมาอันตรกัปหน้า ( 13 หรือ 14 )
เพราะฉะนั้นหลังจากอันตรกัปหน้าไปยันโลกดับสูญจะไม่มีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดอีกแล้ว
ดังนั้นจึงเป็นการตอบคำถามอีกข้อของคุณ Ündër My Šcrëën`ที่ว่าพุทธันดรหนึ่งนานเท่าไหร่
จากข้อมูลนี้จะเห็นว่า พุทธันดร แต่ละช่วงยาวไม่เท่ากัน
อาจจะแค่อันตรกัปเดียว หรือ อาจจะยาวเป็นมหากัป (เพราะบังเอิญเจอสุญญกัปเข้าไป) ก็ได้
ผมละสงสัยเหมือนกันว่าทำไมท่านไม่กระจายๆออกไปให้ทั่วๆ
เพราะแค่ 14 อันตรกัปแรกก็มีตั้ง 5 พระองค์แล้ว เหลืออีก 50 อสงไขยกัปว่างเว้นจากพระพุทธเจ้านานมาก
แล้วถ้าต้องลงมาเกิดช่วงว่างๆช่วงนั้นจะทำยังไง?
แก้ไข - จำสลับกันระหว่างอสงไขยกัป,อันตรกัป ขอขอบคุณคุณ ณ 072 ที่ช่วยตักเตือนครับ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#18
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 02:38 AM
4.2.2 อันตรกัป มีวิธีนับดังนี้ คือ เมื่อสมัยต้นกัป มนุษย์มีอายุยืนถึงอสงไขยปี ต่อมาอายุมนุษย์ค่อยลดลง ตามอำนาจอกุศลกรรม ลดลงเรื่อยๆ จนถึงอายุ 10 ปี แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกุศลกรรม จนถึงอสงไขยปี ครบเวลาไขอายุลงและไขอายุขึ้นรอบหนึ่ง เรียกระยะเวลาดังกล่าวว่า 1 อันตรกัป
จาก: http://main.dou.us/v...?s_id=57&page=4
จากนรอ.หัดฝัน เวลาทั้ง 4 ส่วนแบ่งเป็น โลกกำลังถูกทำลาย โลกถูกทำลายเรียบร้อยแล้ว โลกเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่ สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้เราอยู่ในช่วงอสงไขยกัปของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นใหม่ ก็ต้อง
เวลาในมหากัปนี้ก็ผ่านมาแล้ว 3 อสงไขยกัป เท่ากับ 3x64=192 อันตรกัป
จากนรอ.มองอย่างแมว ถ้าผมจำไม่ผิดปัจจุบันเป็นขาลงของ อันตรกัปที่ 12 หรือ 13 (ไม่แน่ใจ) จากทั้งหมด 64 อัตรกัปที่โลกตั้งอยู่ (ตรงนี้หน่วยน่าจะเป็น อันตรกัป นะคะ ไม่ใช่ อสงไขยกัป เพราะอสงไขยกัปมีแค่ 4 อสงไขยกัป เท่านั้นในหนึ่ง มหากัป และ 64 อันตรกัป เรียกว่า 1 อสงไขยกัป)
ก็จะได้คำตอบว่า ตอนนี้เราอยู่ประมาณ อัตรกัปที่ 192+12=204
ฉะนั้นก็อาจจะบอกได้ว่ากว่าจักรวาลจะแตกดับก็เหลือเวลาอีก ประมาณ 256-204=52 อันตรกัป
การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่น่าจะเกิดขึ้นใน อัตรกัปที่ติดกันนะคะ นรอ.มองอย่างแมว
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#19
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 06:12 AM
ขอบคุณที่มาช่วยแก้ให้ครับ คุณ ณ 072
ส่วนเรื่องพระศรีอารย์จำมาได้ว่าอย่างนั้นครับ
คงต้องรอคนมาช่วยยืนยัน (หรือมายันตัวผมเอง) อีกทีนึงนะครับ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#20
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 08:52 AM
มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นไปหมดเลย
ในเมื่อเรายังไม่รู้ถึงขั้นนั้น เราก็ควรศึกษาธรรมะเอาไว้ก่อน
แต่สิ่งที่จะนำเราไปสู้ความรู้แจ้งก็เห็นจะมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น
ขอฝากเพื่อนๆ สมาชิกชาว dmc อย่าลืมนั่งสมาธิเยอะๆ นะครับ
แล้วความไม่รู้ก็จะหมดไป เด้อครับเด้อ
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#21
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 09:31 AM
ถ้าอย่างนั้นอาจหมายความว่าก่อนที่เราจะมาอยู่ในจักรวาลนี้เราก็อาจจะเคยอยู่ในจักรวาลอื่น
มาก่อนใช่หรือไม่ ส่วนหมู่คณะเราก็อยู่ที่จักรวาลนี้หรืออาจจะย้ายมาจากจักรวาลอื่นมาอีกหรือเปล่า
#22
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 09:44 AM
ส่วนจักวาลของเราเป็น มงคลจักรวาล หมู่คณะเราอยู่ที่นี่มานานแล้ว ไม่ได้มาจากที่อื่น
(พระต้นธาตุองค์แรกลงมาทำหน้าที่ ที่นี่)
ที่เป็นได้มี 2 ประการคือ
เมื่อจักรวาลแตก อาจจะย้ายไปรวมกับหมู่คณะของจักรวาลอื่นจนกว่าโลกและจักรวาลจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติ
หรือ อาจจะไปอยู่ชั้นพรหม ก็เป็นไปได้ด้วย กำลังบุญของวงบุญพิเศษ
ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรนั้น
เดี๋ยวจะมีผู้รู้มาตอบเองครับ
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#23
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 10:46 AM
แสดงว่ามีหลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ ในจักรวาลอื่นๆ อีกใช่ไหมครับ
หรือว่ามีแค่เพียงจักรวาลเราจักรวาลเดียว
แต่ถ้าเลือกได้อยากให้มีทุกๆจักรวาล จะได้ไปถึงที่สุดแห่งธรรมเร็วๆ จะได้ไม่ต้องมีแค่หมู่คณะนี้คณะเดียว
ขอถามอีกนิดหนึ่งนะครับว่าถ้าในวัฏฏะสงสารนี้มีแค่เพียงหมู่คณะของหลวงปู่คณะเดียวแล้วทำไมพระต้นธาตุถึงไม่ให้มีหมู่คณะแบบหลวงปู่หลายๆหมู่คณะ อย่าบอกนะครับว่าถ้ามีเยอะก็จะวุ่นวายจึงมีเพียงแค่หมู่คณะเดียว เหมือนการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อุบัติได้ครั้งละเพียง 1 พระองค์ ถ้าอุบัติพร้อมกันหลายพระองค์โลกก็จะแตก อุปมาเหมือนเรือที่บรรทุกคนได้จำนวนเท่านี้ถ้าบรรทุกมากกว่าก็จะล่มได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆก็ไม่ดีเหรอครับเพราะถ้าเปรียบเทียบวัฏฏะสงสารเป็นเหมือนลูกโป่งถ้าหมู่คณะของหลวงปู่มีมากๆก็เหมือนกับมีคนช่วยกันเป่าลูกโป่งหลายๆคน ยิ่งมากก็ลูกโป่งก็ยิ่งโต โต แล้วสุดท้ายก็แตก วัฏฏะสงสารก็เช่นกัน หรือว่าถ้าวัฎฎะสงสารแตกแล้ว เราก็จะยิ่งเดือดร้อนเพราะไม่มีที่ให้เราสร้างบารมี ถ้าวัฏฏะสงสารแตกระหว่างที่ภาระกิจเรายังไม่เสร็จแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน อยู่ในนิพพานหรือเปล่า เพราะภพภูมิต่างก็กระจายไปหมดแล้ว ในที่สุดก็ต้องรอคอยระยะเวลาให้วัฏฏะสงสารตั้งใหม่อีกเหรอ เพื่อที่จะมีที่ให้เราสร้างบารมี แล้วจำเป็นที่เราจะต้องใช้วัฏฏะสงสารเป็นที่สร้างบารมีหรือไม่เพราะวัฏฏะสงสารคือคุกอันใหญ่ ทำไมเราไม่ไปสร้างบารมีที่อื่น ที่นิพพาน เพราะว่าการที่เราทำลายวัฏฏะสงสารได้ก็ต้องใช้บารมีมาก ซึ่งในเมื่อเรามีบารมีมากขนาดนั้นแล้ว เราก็นะจะมีอานุภาพมาก ที่อีกฝ่ายหนึ่งสู้ไม่ได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คงจะตอบยากเหมือนกัน อุปมาเหมือน เอาความไม่แน่นอนมาทำให้เป็นความแน่นอน
#24
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 11:01 AM
เอาไว้ถ้าเรานั่งธรรมะเข้าถึงพระธรรมกาย ก็จะไปรู้ไปเห็นเองแหละ ครับ
ปัตจัตตัง = รู้ได้เฉพาะตนเอง (ชอบคำนี้จังเลย)
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#25
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 11:11 AM
หลวงพ่อเคยแย้มๆว่าหากมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายๆพระองค์เกิดขึ้นพร้อมกันนั้น ไม่ได้จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง
ตรงกันข้าม กลับกลายจะเป็นดี เพราะยิ่งทำให้พระศาสนาแผ่ขยายได้กว้างไกลและรวดเร็วขึ้น
ส่วนที่อ้างว่าถ้ามีหลายพระองค์จะเกิดความแตกแยกในพุทธบริษัทนั้นไม่เป็นจริง กรณีนัั้นเป็นไปได้เฉพาะกรณีผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ความเห็นของศาสดาเหล่านั้นอาจจะไม่ตรงกัน แต่สำหรับผู้หมดกิเลสแล้ว ความขัดแย้งนั้นไม่มี เพราะเห็นทุกอย่างตรงกันและตรงตามความเป็นจริง
สำหรับว่าทำไมถึงไม่มีพระพุทธเจ้าหลายๆพระองค์มาบังเกิดพร้อมกัน
อันนี้หลวงพ่อไม่ได้บอกว่าทำไม บอกว่าให้ไปดูเอาเอง
ครั้นพวกเราจะเดาไปก็คงไม่เกิดประโยชน์ เพราะคงเหมือนตาบอดคลำช้างกันซะเปล่าๆ (แล้วช้างมันจะรำคาญเราด้วย)
เอวังก็ด้วยประการฉะนี้แล ครับผม
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#26
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 12:33 PM
ประเด็นแรก หากนับเฉพาะ 64 อันตรกัปสุดท้าย ก่อนโลกแตกทำลาย เราอยู่ที่อันตรกัปที่ 12 ครับ พระศรีอาริยเมตไตย จะมาบังเกิดในอันตรกัปที่ 13 ครับ
ต่อมาความเห็นที่ว่า ทำไมพระพุทธเจ้าไม่ลงมาเกิดในอัตราที่ค่อนข้างคงที่ ทำไมมาในมหากัปนี้ 5 พระองค์ แล้วเว้นไปอีกหลายๆ มหากัป คำตอบก็ง่ายๆ ครับโดยถามกลับว่า ทำไมพระราชาในสมัยกรุงศรีอยุธยาจึงไม่เก่งเหมือนพระนเรศวรทุกๆ พระองค์ มีเพียงบางพระองค์เท่านั้นที่เก่ง แล้วทำไมองค์ที่เก่ง ถึงไม่เกิดขึ้นด้วยอัตราคงที่ แต่กลับเกิดขึ้นด้วยอัตราไม่แน่นอน คือยุคนี้เก่ง(พระนเรศวร) ยุคหน้าก็เก่ง(น้องชายพระนเรศวร) ยุคต่อๆไป กลับไม่เก่งไปยาวนานเลย เรื่องของการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน นั่นเป็นเพราะ 3 ปัจจัย คือ
1. จำนวนพระโพธิสัตว์ไม่ได้มาเยอะแยะ แบบแย่งกันลงมาเกิด
2. วันเวลาที่เริ่มต้นคิดเป็นพระโพธิสัตว์ ก็ไม่แน่นอน เช่น วันที่ 1 อาจมีผู้เป็นพระโพธิสัตว์พร้อมๆ กันหลายคน พอวันที่ 2-10 ไม่มีใครคิดเป็น พอวันที่ 11 เกิดมีผู้มีบุญคนใหม่คิดเป็นขึ้นมา เป็นต้น มันไม่แน่นอน
3. วันเวลาที่สำเร็จก็ไม่แน่นอนอีกเช่นเดียวกันครับ
ด้วยความไม่แน่นอนทั้ง 3 ประการ ย่อมเป็นเหตุให้ พระพุทธเจ้าไม่อาจเกิดขึ้นด้วยอัตราการเกิดแบบคงที่ได้ครับ
ประเด็นที่ 3 ทำไม ไม่ทำให้มีผู้มีบุญจำนวนมากๆ หละ จะได้จบๆ กันเร็วๆ
คำตอบ ก็มันยากนี่ครับ ลองคิดง่ายๆ สิครับว่า ทำไมประเทศไทยถึงไม่บวชกันทั้งประเทศล่ะ ทำไมบางคนบวช ทำไมบางคนไม่บวชล่ะ
#27
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 01:20 PM
#28
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 02:19 PM
ต้องรอมนุษย์จากอายุเฉลี่ย 75 ปี(ปัจจุบัน) ลดลงเรื่อยๆ ทุกๆ ร้อยปี ลดหนึ่งปี(พศ.2500 = 75 ,พศ.2600 = 74 ) จนเหลืออายุเพียง 10 ปี
(เมื่ออายุเฉลี่ยมนุษย์ 50 ปี พระพุทธศาสนาก็ อันตธานหมดสิ้นไปจากโลกแล้วครับ พศ.5000 )
มนุษย์จากอายุเฉี่ยถึง 10 ปี ก็จะเพิ่มเรื่อยๆ ทุกๆ ร้อยปี เพิ่มหนึ่งปี จนอายุ ถึง 1 อสงไขยปี (โคตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
แล้ว ก็ จากอายุเฉลี่ย 1 อสงไขยปี (1x10ยกกำลัง16) ก็จะลดลงเรื่อยๆ ทุกๆ ร้อยปี ลดหนึ่งปี จนถึง 80,000 นี่แหละครับ ที่พระศรีอารียะ จะมาโปรดสัตว์
ผิดพลาดประการใด ก็ช่วยชี้แนะด้วยครับ
(ก็จำๆเค้ามาเหมือนกัน)
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา
#29
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 06:49 PM
ได้ความรู้มากเลย
#30
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 07:13 PM
อ่า...ความจริงคือ...โพสต์ผิดกระทู้
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป