ย่อเรื่อง กรรมจากการตกปลา (17 มกราคม 2547) โดย Extra
เจ้าของเคสเป็นชาวฮ่องกงโดยกำเนิด เมื่อแม่ตั้งครรภ์ได้ราว ๆ 7-8 เดือน ท่านก็ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณหมอบอกท่านว่าเด็กอาจจะไม่รอด แต่แม่ได้ขอร้องหมอให้ช่วยชีวิตเด็กในท้องไว้ด้วย เธอจึงอยู่ในครรภ์แม่จนครบกำหนดคลอด เมื่อแม่คลอดเธอออกมาปรากฏว่า เธอไม่มีกระดูกโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง ตาบอดข้างหนึ่ง มีน้ำตาและน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกจากดวงตาทั้ง 2 ข้างตลอดเวลา ปากแหว่งเพดานโหว่ มีหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัวมาก คุณหมอบอกว่าเธอมีโอกาสรอดเพียง 20% ทั้งแพทย์และนักศึกษาแพทย์มาดูเธอเพื่อเป็นกรณีศึกษา แม้ตอนนี้เธออายุ 27 ปีแล้ว แพทย์ก็ยังมาศึกษาเคสของเธอ
เมื่อเจ้าของเคสอายุราว 3 ขวบ ไม่มีโรงเรียนไหนรับเธอเข้าเรียนเลย แม่ต้องส่งเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนสำหรับเด็กพิการหรือเด็กที่มีปัญหาทางสมอง แต่แม้ใบหน้าของเธอจะพิการน่าเกลียดแต่เธอกลับมีไอคิวสูง หลังจากจบอนุบาล พ่อแม่ก็ส่งเธอเข้าเรียนโรงเรียนชั้นประถมของรัฐ ขณะนั้นเธอมีนิสัยชอบโกหกเป็นประจำ จนพ่อแม่มักตีเพื่อลงโทษเธอบ่อย ๆ เช่น ครั้งหนึ่งพ่อใช้เก้าอี้ฟาดเธอจนหัวแตก ฟันหัก หรือใช้ช้อนไปอังไฟให้ร้อน ๆ แล้วใช้ช้อนนั้นมาทาบที่ปากของเธอเพราะชอบโกหก บางครั้งใช้ปลายธูปที่จุดไฟร้อน ๆ มาจี้ที่ขาของเธอ บางครั้ง แม่มัดมือของเธอทั้ง 2 ข้าง ผูกติดกับเพดานให้ตัวเธอโหนลงมาแล้วตี
เมื่อเจ้าของเคสเรียนอยู่ชั้น ป.5 ได้ไปพบแพทย์ชาวออสเตรเลียเพื่อทำการศัลยกรรมตกแต่ง เป็นที่น่าแปลกใจว่าหน้าตาของเธออัปลักษณ์แต่ผิวพรรณกลับสวยงาม เมื่อเรียนจบชั้นประถมแล้วพ่อแม่ของเธอก็ส่งให้เข้าเรียนที่โรงเรียนพระพุทธศาสนา ซึ่งเธอไม่ชอบเลย แต่ก็ต้องทนเรียนจนจบชั้นมัธยมต้น เมื่อเรียนมัธยมปลาย เธอจึงตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนคริสต์ศาสนาทันที สาเหตุเพราะตอนที่เธอเรียนอยู่ที่ชั้นประถมศึกษา เธอได้ไปพบครูสอนศาสนาคริสต์คนหนึ่ง เขา แนะนำให้เธอเชื่อในพระเจ้า จนเธอเกิดศรัทธาอยากเข้าเรียนในโรงเรียนคริสต์ เธอไปเข้าโบสถ์คริสต์เพื่อรับน้ำมนต์ ในใจเธอตอนนั้นก็ไม่ได้เชื่อถือในพระเจ้าจริง ๆ จนกระทั่งปี 2546 เธอก็หันมาสนใจพระพุทธศาสนาแทน
เมื่อเจ้าของเคสเรียนอยู่ราว ๆ ชั้น ป.5 เพื่อนบ้านของเธอซึ่งเป็นหญิงชราได้ตายอยู่ในบ้าน แต่ไม่มีใครทราบเพราะเธออยู่คนเดียว พอครบ 7 วันส่งกลิ่นเหม็นเน่า หน่วยดับเพลิงจึงงัดบ้านเข้าไปพบศพที่เน่าเหม็นของเธอ หลังจากพบศพของหญิงชราไปแล้ว 2-3 วัน ขณะที่เจ้าของเคสกำลังออกจากบ้านกับแม่ เธอก็ได้มองเห็นหญิงชราที่ตายไปแล้วนี้ยืนอยู่ตรงหน้า มีร่างกายสีเขียว ดวงตาจ้องเขม็งมองตรงมาที่เธอ ราวกับโกรธเกรี้ยวเธออยู่ ขณะนั้นเธอรู้สึกตกใจ มองและยืนตะลึงอยู่ จนเมื่อแม่มาสะกิดจึงรู้สึกตัวและภาพนั้นก็หายไป โดยที่แม่ไม่เห็นอะไรเลย ทุกครั้งที่เธอพูดถึงเรื่องนี้จะรู้สึกขนหัวลุก ราวกับมีใครมาดึงหัวแรง ๆ ตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกแบบนี้อยู่
หลังจากจบชั้นมัธยมปลาย เจ้าของเคสทำงานได้ระยะหนึ่ง ก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่อ พ่อโกรธถึงกับยกโต๊ะขว้างใส่เธอจนหัวแตกเย็บถึง 7 เข็ม หลังจากนั้นเธอก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่ออีก จนเธอต้องทำเรื่องขอย้ายออกจากพ่อแม่และครอบครัวไปอยู่ตามลำพัง
เมื่อเดือนธันวาคม 2546 เธอก็ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมกับกลุ่มชาวฮ่องกง ใจเธอสงบมีความสว่างภายในและมีน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เกือบทุกครั้งที่นั่งสมาธิ เธอจะได้ยินเสียงคนเดินดังตึงตังเสมอ ๆ เมื่อถามคนที่นั่งสมาธิด้วยกัน เขาก็ไม่ได้ยิน เธอรู้สึกว่าที่ศูนย์กลางกายมีพลังมาก ๆ ตลอดเวลา แม้ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอยู่
คำถาม
1. ทำไมใบหน้าตาของเจ้าของเคสจึงอัปลักษณ์ ตาบอด 1 ข้างและไม่มีกระดูกโหนกแก้ม แต่มีผิวพรรณดีและไอคิวสูง เธอจะต้องไป รพ. เพื่อผ่าตัดตลอดชีวิตหรือไม่ ทำอย่างไรจึงจะดีขึ้น
2. ทำไมพ่อตีเธอด้วยโต๊ะบ้าง เอาช้อนร้อน ๆ มาอังที่ปากเธอบ้าง เป็นต้น ทำไมเธอกับพ่อแม่จึงไม่ลงรอยกัน
3. ทำไมตอนแรก เธอจึงไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องไปนับถือคริสต์ก่อนแล้วจึงมาสนใจพระพุทธศาสนา
4. ตอนที่เธออยู่ในท้องแม่ แม่เห็นกลุ่มควันสีขาวลอยไปลอยมาตรงหน้าสิ่งนั้นคืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับตัวเธอบ้าง
5. ทำไมเธอจึงมองเห็นเพื่อนบ้านหญิงชราซึ่งตายไปแล้ว
6. ทำไมตอนที่เธอทำสมาธิ น้ำตาจึงไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนที่นั่งสมาธิที่บ้านก็เห็นภาพผู้หญิงผมยาวใส่ชุดดำ พยายามบีบคอเธอให้ตาย และเสียงดังเหมือนคนเดินที่เธอได้ยินคืออะไร เธอควรทำอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้น
คำตอบ ในอดีตยุคจีนโบราณ เจ้าของเคสได้เกิดในครอบครัวเกษตรกรรม เป็นผู้มีบุญเก่าทำให้ใบหน้าสวยงาม ตอนเด็ก ๆ ชอบตามบิดาไปตกปลาในห้วยหนองคลองบึง เวลาตกปลาได้แล้วมักจะดึงเบ็ดออกจากปากปลา เมื่อปลาดิ้นก็ดึงแรง ๆ จึงทำให้ปลาปากแหว่งฉีกขาด ตาบอดและไม่มีโหนกแก้ม พอโตเป็นสาวเป็นคนสวยกิตติศัพท์ก็แพร่กระจาย ทำให้มีลูกชายเศรษฐีมาชอบ ในที่สุดพ่อก็ยกให้เป็นภรรยาเศรษฐี อยู่ด้วยกันมาหลายปีก็ไม่มีลูกสืบสกุล ลูกชายเศรษฐีและพ่อสามีจึงจำต้องหาคนอื่นมาเป็นภรรยาคนที่ 2 ทำให้ตัวเองโกรธแค้นมาก เลยทำร้ายภรรยาคนที่ 2 ด้วยการผูกเอาไว้กับเสา แล้วเอาไม้ฟาดใบหน้าเป็นหลักเพื่อให้เธอเสียโฉม ทำให้ดวงตาเธอบอด 1 ข้าง และหน้าตาเละ ด้วยกรรมทั้งสอง จึงทำให้เจ้าของเคสมีใบหน้าไม่สวยงาม ตาบอด 1 ข้าง ปากแหว่งเพดานโหว่และไม่มีโหนกแก้ม ต่อมาสามีทราบก็โกรธ จึงไล่เธอออกจากบ้าน ด้วยความอับอายและทุกข์ใจ เธอจึงหนีไปบวชเป็นนักบวชหญิง และได้ตั้งใจสวดมนต์ภาวนา จึงทำให้มีผิวพรรณดี มีสติปัญญา
เจ้าของเคสถูกพ่อแม่ตีด้วยโต๊ะเก้าอี้ ใช้ช้อนอังไฟมาทาบปากและใช้ธูปจี้ที่ขา เพราะชาติที่เป็นภรรยาลูกชายเศรษฐี เธอเป็นคนที่หน้าตาดีแต่โมโหร้าย พ่อกับแม่ในชาตินี้ก็คือคนรับใช้ที่อยู่ในบ้านซึ่งคอยดูแลรับใช้เธอ แต่เธอเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ชอบทุบซ้อม เวลาโกรธก็จะทำร้ายทุบตี จึงผูกเวรกันมา เมื่อชาตินี้มาเจอกัน คนรับใช้ทั้งสองมาเป็นพ่อแม่ เธอมาเป็นลูก จึงไม่ลงรอยกัน บุญที่บวชเป็นนักบวชหญิงจีนในยุคนั้น จึงทำให้มาเกิดในยุคที่การแพทย์เจริญ สามารถทำศัลยกรรมตกแต่งได้ ตอนนี้ใกล้จะหมดกรรมแล้ว การผ่าตัดก็จะน้อยลง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเธอเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร ควรสั่งสมบุญทุกบุญให้มาก ก็จะดีขึ้น
ตอนที่เจ้าของเคสบวชในช่วงแรก จะเป็นคนขี้หงุดหงิด เวลาผู้บวชก่อนตักเตือน จึงนึกในใจอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากจะหนีไปนับถือศาสนาอื่น กรรมนี้จึงทำให้มีวิบาก ทำให้ต้องไปนับถือศาสนาอื่นก่อนแล้วจึงหันมานับถือศาสนาพุทธ
แม่เห็นกลุ่มควันสีขาวตอนเธออยู่ในท้อง เพราะแม่ตาลาย ไม่สบาย ไม่ได้มีผีสางอะไรมา
เจ้าของเคสมองเห็นเพื่อนบ้านหญิงชราที่ตายไปแล้ว เพราะหญิงชราตายแล้วไปเป็นสัมภเวสีหรือภุมเทวาชั้นต่ำอยู่แถวบ้าน เธอจ้องมาที่เจ้าของเคสเพราะว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าของเคสเห็นเธอได้เพราะบุญที่เคยภาวนา สวดมนต์มาประจวบเหมาะพอดี
เจ้าของเคสนั่งสมาธิแล้วน้ำตาไหลเพราะปีติใจ เป็นสุขใจ จากการที่นั่งแล้วใจรวมเป็นสมาธิ ส่วนภาพและเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่าไปสนใจเลย แล้วมันก็จะไม่เกิดขึ้นอีก เธอจะต้องสั่งสมบุญทุก ๆ บุญให้มาก ๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา แล้วให้ตัดใจเหมือนตายจากความรักฉันสามีภรรยา ให้มารักและหวังดีแด่เพื่อนมนุษย์ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตอนนี้อย่าไปรักใคร ให้รักตัวเองโดยการทำแต่ความดี แต่ไม่ใช่เห็นแก่ตัว ให้ทำความดีให้มาก ๆ โดยเฉพาะนั่งสมาธิภาวนาให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้
กรรมจากการตกปลา (17 มกราคม 2547)
เริ่มโดย extra, Jun 29 2007 06:37 PM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 06:37 PM
#2
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 07:05 PM
สาธุครับ
เคยไปทำฟันครั้งหนึ่ง ตอนหมอเอาเครื่องมืองัดๆที่ปาก ทำให้นึกถึงที่เคยตกปลาตอนเด็กๆแล้วก็ดึงเบ็ดออก อาการเดียวกับที่หมอทำเลย
เคยไปทำฟันครั้งหนึ่ง ตอนหมอเอาเครื่องมืองัดๆที่ปาก ทำให้นึกถึงที่เคยตกปลาตอนเด็กๆแล้วก็ดึงเบ็ดออก อาการเดียวกับที่หมอทำเลย
#3
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 08:23 PM
พอได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องตกปลา เลยอยากเอาประสบการณ์ชีวิตช่วงที่หลุดออกนอกวงโคจรมาเล่าให้ฟังเป็นอุธาหรณ์แก่เพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอถามเพื่อนกัลยามิตรว่าเคยได้ยินปลาร้องหรือไม่ หลายคนอาจสงสัย ปลาร้องได้หรือ หรือบางคนอาจจะหาว่าผมบ้าก็ได้ปลาจะร้องได้ยังไง แน่นอนที่ผมถามเพราะผมเคยได้ยินมาก่อน ในสมัยเมื่อยังเรียนชั้นประถมตอนนั้นยังไม่เคยเข้าวัด เพื่อนผมที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันเป็นหัวหน้าห้อง เป็นคนที่ชอบตกปลามาตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งได้มาชวนผมไปตกปลาที่บ่อตกปลาใกล้ๆโรงเรียน ใช้เบ็ดไม้ไผ่ นั่นเป็นการตกปลาครั้งแรกในชีวิตของผม และเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นปลาร้องได้ เป็นการร้องอย่างเจ็บปวด เพื่อนผมตกขึ้นมาได้เป็นปลาลักษณะคล้ายปลาดุก ตัวประมาณฝ่ามือ พอตกขึ้นมาได้มันดิ้นทุรนทุรายเพื่อนผมจับปลาตัวนั้นอย่างแรงเพื่อดึงเบ็ดออก ผมได้ยินเสียงมันร้องถนัดหูและยังจำฝังอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องตกปลามักจะได้ยินเสียงร้องของมันอยู่ตลอด และเชื่อไหมครับว่ากรรมตามทันมีจริงๆ ในวันนั้นพอเพื่อนผมถอนเบ็ดออก คันเบ็ดที่ผมใช้ก็มีอาการเหมือนปลากินเบ็ด ทุ่นของเบ็ดที่ลอยอยู่ในน้ำจมหายไปสายเบ็ดวิ่งวนไปมาซึ่งอาการแบบนี้นักตกปลาทั้งหลายเรียกได้เต็มปากว่าติดชัวร์ๆ ผมจึงตะวัดเบ็ดทันที มันแปลกอย่างมากครับ ทั้งที่ผมตวัดเบ็ดเบาๆ แต่ปลายขอเบ็ดที่เป็นโลหะเหมือนกับถูกเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล สายเอ็นไปพันรอบหัวเพื่อนผมทันที ยิ่งไปกว่านั้นตัวเบ็ดหลุดเข้าไปในปากเกี่ยวเข้าตรงกระพุ้งแก้มด้านในของเพื่อนผม ข้างเดียวกับปากปลาที่เขาตกได้ กว่าจะเอาขอเบ็ดออกได้เหมือนกับที่เขาพยายามเอาออกจากปากปลาไม่มีผิด
นี่เป็นการตกปลาครั้งแรกของผม แน่นอนผมใช้คำว่าครั้งแรกแสดงว่าต้องมีอีกครั้งที่2 แต่แค่เรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เพื่อนๆได้รู้แล้วว่าเวรกรรมมีจริงและสามารถตามเราทันได้ทุกวินาทีเพราะฉนั้นอย่าได้นิ่งนอนใจไปนะครับ
นี่เป็นการตกปลาครั้งแรกของผม แน่นอนผมใช้คำว่าครั้งแรกแสดงว่าต้องมีอีกครั้งที่2 แต่แค่เรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เพื่อนๆได้รู้แล้วว่าเวรกรรมมีจริงและสามารถตามเราทันได้ทุกวินาทีเพราะฉนั้นอย่าได้นิ่งนอนใจไปนะครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#4
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 11:22 PM
อนุโมทนาบุญกับคุณExtra และทุกๆ คนในเคสด้วยนะครับ สาธุๆๆ
#5
โพสต์เมื่อ 30 June 2007 - 05:02 PM
ขออนุโมทนาบุญกับคุณExtra และทุกๆ คนในเคสด้วยนะครับ... สาธุๆ ๆ
#6
โพสต์เมื่อ 02 July 2007 - 09:20 AM
เคยมีเพื่อนมาชวนไปตกปลาในยามว่างเหมือนกัน ก่อนอื่น ต้องไปขุดดินหาไส้เดือนมาจำนวนนึงก่อน แล้วจึงจะไปตกปลาที่ท่าน้ำ กลุ่มเพื่อนที่ไป เขาได้กันคนละหลาย ๆ ตัว แต่ผมไม่ได้เลยสักกะตัว พี่คนที่ไปด้วย แกพูดว่า ทำบาปไม่ขึ้น นั่นเป็นครั้งแรกและคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ไปตกปลา กราบอนุโมทนาบุญกับคุณ Extra และเจ้าของเคส ด้วยนะครับ สาธุ
#7 *หันทา*
โพสต์เมื่อ 25 May 2011 - 05:21 PM
อ้างถึงกระทู้ เรือ่งแผ่เมตตา
อยากให้เพื่อน ได้เข้าดูเวป ที่แนบมา
ชีวิตที่ร่ำไห้
เจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ผลิต คือ สำนักพิมพ์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
เพื่อให้เราตระหนักถึงคำที่พระพุทธตรัสว่า.. เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
พาไปดูเบื้องหลังของชีวิตสัตว์ที่เรา-ท่านทั้งหลายบริโภคกัน ตั้งแต่ถูกเลี้ยงมา กระทั่งถูกลำเลียงมา ฆ่า
มองให้เห็นถึงใจเขาใจเรา โดยเอาใจเราไปใส่ใจเขา รับรู้และรู้สึกเหมือนเขา นำมาเปรียบกับเราอีกที
เป็นความจริงว่า.. สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเขา จะเราก็ย่อมรักตัว กลัวตายทั้งสิ้น
ทุกเหล่าสรรพสัตว์มีวิญญาณ การรับรู้ เจ็บเป็น กลัวเป็น
เราท่านซึ่งเป็นมนุษย์(แปลว่าผู้ที่มีใจสูง)ที่ยังคงบริโภคสัตว์อื่นอยู่ด้วยความสะใจ จะสะท้อนคิดไหม ว่าหากเราโดนกระทำเช่นนั้นบ้าง หรืออาจจะกับพ่อแม่และคนที่เรารัก เราจะรู้สึกอย่างไร
กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับกรรม
กินตามใจปาก ตามความอยากจนเคยตัว โดยขาดปัญญา ไม่คำนึงถึงที่มา ว่าทุกชิ้น-เนื้อที่เข้าปาก มันคือชีวิตที่สูญเสียไป
ว่ากันว่า "ป่าช้าที่ใหญที่สุดในโลกนี้ อยู่ที่ท้องคน" เป็นความจริง เพราะเติบโตมาจนบัดนี้จะมีใครสักกี่คนรู้ได้ว่า มีกี่ศพ กี่ชีวิตแล้ว ที่ต้องสังเวยให้แก่เรา นั้นเพราะว่ามันมากมายมหาศาล
กระแสแห่งกรรมย่อมทำหน้าที่ของมันโดยเที่ยงธรรม
ก่อนจะสายเกินไป มากู้เมตตาธรรมที่มันแอบอยู่ในหลืบใจเรากลับคืนมาซิครับ
ใครที่ผ่านการเข้าค่ายคุณธรรมมาบ้างแล้ว อาจจะได้ดูบ้างแล้ว ก็ถือว่าเป็นการมาย้ำสำนึก เพื่อนสมาชิกอื่น ๆ ยิ่งต้องดูครับ
เวปลิงค์ ที่เข้าไปดูได้
file:///D:/user/touu034272334
อยากให้เพื่อน ได้เข้าดูเวป ที่แนบมา
ชีวิตที่ร่ำไห้
เจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ผลิต คือ สำนักพิมพ์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
เพื่อให้เราตระหนักถึงคำที่พระพุทธตรัสว่า.. เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
พาไปดูเบื้องหลังของชีวิตสัตว์ที่เรา-ท่านทั้งหลายบริโภคกัน ตั้งแต่ถูกเลี้ยงมา กระทั่งถูกลำเลียงมา ฆ่า
มองให้เห็นถึงใจเขาใจเรา โดยเอาใจเราไปใส่ใจเขา รับรู้และรู้สึกเหมือนเขา นำมาเปรียบกับเราอีกที
เป็นความจริงว่า.. สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเขา จะเราก็ย่อมรักตัว กลัวตายทั้งสิ้น
ทุกเหล่าสรรพสัตว์มีวิญญาณ การรับรู้ เจ็บเป็น กลัวเป็น
เราท่านซึ่งเป็นมนุษย์(แปลว่าผู้ที่มีใจสูง)ที่ยังคงบริโภคสัตว์อื่นอยู่ด้วยความสะใจ จะสะท้อนคิดไหม ว่าหากเราโดนกระทำเช่นนั้นบ้าง หรืออาจจะกับพ่อแม่และคนที่เรารัก เราจะรู้สึกอย่างไร
กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับกรรม
กินตามใจปาก ตามความอยากจนเคยตัว โดยขาดปัญญา ไม่คำนึงถึงที่มา ว่าทุกชิ้น-เนื้อที่เข้าปาก มันคือชีวิตที่สูญเสียไป
ว่ากันว่า "ป่าช้าที่ใหญที่สุดในโลกนี้ อยู่ที่ท้องคน" เป็นความจริง เพราะเติบโตมาจนบัดนี้จะมีใครสักกี่คนรู้ได้ว่า มีกี่ศพ กี่ชีวิตแล้ว ที่ต้องสังเวยให้แก่เรา นั้นเพราะว่ามันมากมายมหาศาล
กระแสแห่งกรรมย่อมทำหน้าที่ของมันโดยเที่ยงธรรม
ก่อนจะสายเกินไป มากู้เมตตาธรรมที่มันแอบอยู่ในหลืบใจเรากลับคืนมาซิครับ
ใครที่ผ่านการเข้าค่ายคุณธรรมมาบ้างแล้ว อาจจะได้ดูบ้างแล้ว ก็ถือว่าเป็นการมาย้ำสำนึก เพื่อนสมาชิกอื่น ๆ ยิ่งต้องดูครับ
เวปลิงค์ ที่เข้าไปดูได้
file:///D:/user/touu034272334