![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
เจ้าของเคสเป็นชาวฮ่องกงโดยกำเนิด เมื่อแม่ตั้งครรภ์ได้ราว ๆ 7-8 เดือน ท่านก็ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณหมอบอกท่านว่าเด็กอาจจะไม่รอด แต่แม่ได้ขอร้องหมอให้ช่วยชีวิตเด็กในท้องไว้ด้วย เธอจึงอยู่ในครรภ์แม่จนครบกำหนดคลอด เมื่อแม่คลอดเธอออกมาปรากฏว่า เธอไม่มีกระดูกโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง ตาบอดข้างหนึ่ง มีน้ำตาและน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกจากดวงตาทั้ง 2 ข้างตลอดเวลา ปากแหว่งเพดานโหว่ มีหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัวมาก คุณหมอบอกว่าเธอมีโอกาสรอดเพียง 20% ทั้งแพทย์และนักศึกษาแพทย์มาดูเธอเพื่อเป็นกรณีศึกษา แม้ตอนนี้เธออายุ 27 ปีแล้ว แพทย์ก็ยังมาศึกษาเคสของเธอ
เมื่อเจ้าของเคสอายุราว 3 ขวบ ไม่มีโรงเรียนไหนรับเธอเข้าเรียนเลย แม่ต้องส่งเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนสำหรับเด็กพิการหรือเด็กที่มีปัญหาทางสมอง แต่แม้ใบหน้าของเธอจะพิการน่าเกลียดแต่เธอกลับมีไอคิวสูง หลังจากจบอนุบาล พ่อแม่ก็ส่งเธอเข้าเรียนโรงเรียนชั้นประถมของรัฐ ขณะนั้นเธอมีนิสัยชอบโกหกเป็นประจำ จนพ่อแม่มักตีเพื่อลงโทษเธอบ่อย ๆ เช่น ครั้งหนึ่งพ่อใช้เก้าอี้ฟาดเธอจนหัวแตก ฟันหัก หรือใช้ช้อนไปอังไฟให้ร้อน ๆ แล้วใช้ช้อนนั้นมาทาบที่ปากของเธอเพราะชอบโกหก บางครั้งใช้ปลายธูปที่จุดไฟร้อน ๆ มาจี้ที่ขาของเธอ บางครั้ง แม่มัดมือของเธอทั้ง 2 ข้าง ผูกติดกับเพดานให้ตัวเธอโหนลงมาแล้วตี
เมื่อเจ้าของเคสเรียนอยู่ชั้น ป.5 ได้ไปพบแพทย์ชาวออสเตรเลียเพื่อทำการศัลยกรรมตกแต่ง เป็นที่น่าแปลกใจว่าหน้าตาของเธออัปลักษณ์แต่ผิวพรรณกลับสวยงาม เมื่อเรียนจบชั้นประถมแล้วพ่อแม่ของเธอก็ส่งให้เข้าเรียนที่โรงเรียนพระพุทธศาสนา ซึ่งเธอไม่ชอบเลย แต่ก็ต้องทนเรียนจนจบชั้นมัธยมต้น เมื่อเรียนมัธยมปลาย เธอจึงตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนคริสต์ศาสนาทันที สาเหตุเพราะตอนที่เธอเรียนอยู่ที่ชั้นประถมศึกษา เธอได้ไปพบครูสอนศาสนาคริสต์คนหนึ่ง เขา แนะนำให้เธอเชื่อในพระเจ้า จนเธอเกิดศรัทธาอยากเข้าเรียนในโรงเรียนคริสต์ เธอไปเข้าโบสถ์คริสต์เพื่อรับน้ำมนต์ ในใจเธอตอนนั้นก็ไม่ได้เชื่อถือในพระเจ้าจริง ๆ จนกระทั่งปี 2546 เธอก็หันมาสนใจพระพุทธศาสนาแทน
เมื่อเจ้าของเคสเรียนอยู่ราว ๆ ชั้น ป.5 เพื่อนบ้านของเธอซึ่งเป็นหญิงชราได้ตายอยู่ในบ้าน แต่ไม่มีใครทราบเพราะเธออยู่คนเดียว พอครบ 7 วันส่งกลิ่นเหม็นเน่า หน่วยดับเพลิงจึงงัดบ้านเข้าไปพบศพที่เน่าเหม็นของเธอ หลังจากพบศพของหญิงชราไปแล้ว 2-3 วัน ขณะที่เจ้าของเคสกำลังออกจากบ้านกับแม่ เธอก็ได้มองเห็นหญิงชราที่ตายไปแล้วนี้ยืนอยู่ตรงหน้า มีร่างกายสีเขียว ดวงตาจ้องเขม็งมองตรงมาที่เธอ ราวกับโกรธเกรี้ยวเธออยู่ ขณะนั้นเธอรู้สึกตกใจ มองและยืนตะลึงอยู่ จนเมื่อแม่มาสะกิดจึงรู้สึกตัวและภาพนั้นก็หายไป โดยที่แม่ไม่เห็นอะไรเลย ทุกครั้งที่เธอพูดถึงเรื่องนี้จะรู้สึกขนหัวลุก ราวกับมีใครมาดึงหัวแรง ๆ ตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกแบบนี้อยู่
หลังจากจบชั้นมัธยมปลาย เจ้าของเคสทำงานได้ระยะหนึ่ง ก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่อ พ่อโกรธถึงกับยกโต๊ะขว้างใส่เธอจนหัวแตกเย็บถึง 7 เข็ม หลังจากนั้นเธอก็มีเรื่องทะเลาะกับพ่ออีก จนเธอต้องทำเรื่องขอย้ายออกจากพ่อแม่และครอบครัวไปอยู่ตามลำพัง
เมื่อเดือนธันวาคม 2546 เธอก็ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมกับกลุ่มชาวฮ่องกง ใจเธอสงบมีความสว่างภายในและมีน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เกือบทุกครั้งที่นั่งสมาธิ เธอจะได้ยินเสียงคนเดินดังตึงตังเสมอ ๆ เมื่อถามคนที่นั่งสมาธิด้วยกัน เขาก็ไม่ได้ยิน เธอรู้สึกว่าที่ศูนย์กลางกายมีพลังมาก ๆ ตลอดเวลา แม้ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอยู่
คำถาม
1. ทำไมใบหน้าตาของเจ้าของเคสจึงอัปลักษณ์ ตาบอด 1 ข้างและไม่มีกระดูกโหนกแก้ม แต่มีผิวพรรณดีและไอคิวสูง เธอจะต้องไป รพ. เพื่อผ่าตัดตลอดชีวิตหรือไม่ ทำอย่างไรจึงจะดีขึ้น
2. ทำไมพ่อตีเธอด้วยโต๊ะบ้าง เอาช้อนร้อน ๆ มาอังที่ปากเธอบ้าง เป็นต้น ทำไมเธอกับพ่อแม่จึงไม่ลงรอยกัน
3. ทำไมตอนแรก เธอจึงไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องไปนับถือคริสต์ก่อนแล้วจึงมาสนใจพระพุทธศาสนา
4. ตอนที่เธออยู่ในท้องแม่ แม่เห็นกลุ่มควันสีขาวลอยไปลอยมาตรงหน้าสิ่งนั้นคืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับตัวเธอบ้าง
5. ทำไมเธอจึงมองเห็นเพื่อนบ้านหญิงชราซึ่งตายไปแล้ว
6. ทำไมตอนที่เธอทำสมาธิ น้ำตาจึงไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนที่นั่งสมาธิที่บ้านก็เห็นภาพผู้หญิงผมยาวใส่ชุดดำ พยายามบีบคอเธอให้ตาย และเสียงดังเหมือนคนเดินที่เธอได้ยินคืออะไร เธอควรทำอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้น
คำตอบ ในอดีตยุคจีนโบราณ เจ้าของเคสได้เกิดในครอบครัวเกษตรกรรม เป็นผู้มีบุญเก่าทำให้ใบหน้าสวยงาม ตอนเด็ก ๆ ชอบตามบิดาไปตกปลาในห้วยหนองคลองบึง เวลาตกปลาได้แล้วมักจะดึงเบ็ดออกจากปากปลา เมื่อปลาดิ้นก็ดึงแรง ๆ จึงทำให้ปลาปากแหว่งฉีกขาด ตาบอดและไม่มีโหนกแก้ม พอโตเป็นสาวเป็นคนสวยกิตติศัพท์ก็แพร่กระจาย ทำให้มีลูกชายเศรษฐีมาชอบ ในที่สุดพ่อก็ยกให้เป็นภรรยาเศรษฐี อยู่ด้วยกันมาหลายปีก็ไม่มีลูกสืบสกุล ลูกชายเศรษฐีและพ่อสามีจึงจำต้องหาคนอื่นมาเป็นภรรยาคนที่ 2 ทำให้ตัวเองโกรธแค้นมาก เลยทำร้ายภรรยาคนที่ 2 ด้วยการผูกเอาไว้กับเสา แล้วเอาไม้ฟาดใบหน้าเป็นหลักเพื่อให้เธอเสียโฉม ทำให้ดวงตาเธอบอด 1 ข้าง และหน้าตาเละ ด้วยกรรมทั้งสอง จึงทำให้เจ้าของเคสมีใบหน้าไม่สวยงาม ตาบอด 1 ข้าง ปากแหว่งเพดานโหว่และไม่มีโหนกแก้ม ต่อมาสามีทราบก็โกรธ จึงไล่เธอออกจากบ้าน ด้วยความอับอายและทุกข์ใจ เธอจึงหนีไปบวชเป็นนักบวชหญิง และได้ตั้งใจสวดมนต์ภาวนา จึงทำให้มีผิวพรรณดี มีสติปัญญา
เจ้าของเคสถูกพ่อแม่ตีด้วยโต๊ะเก้าอี้ ใช้ช้อนอังไฟมาทาบปากและใช้ธูปจี้ที่ขา เพราะชาติที่เป็นภรรยาลูกชายเศรษฐี เธอเป็นคนที่หน้าตาดีแต่โมโหร้าย พ่อกับแม่ในชาตินี้ก็คือคนรับใช้ที่อยู่ในบ้านซึ่งคอยดูแลรับใช้เธอ แต่เธอเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ชอบทุบซ้อม เวลาโกรธก็จะทำร้ายทุบตี จึงผูกเวรกันมา เมื่อชาตินี้มาเจอกัน คนรับใช้ทั้งสองมาเป็นพ่อแม่ เธอมาเป็นลูก จึงไม่ลงรอยกัน บุญที่บวชเป็นนักบวชหญิงจีนในยุคนั้น จึงทำให้มาเกิดในยุคที่การแพทย์เจริญ สามารถทำศัลยกรรมตกแต่งได้ ตอนนี้ใกล้จะหมดกรรมแล้ว การผ่าตัดก็จะน้อยลง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเธอเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร ควรสั่งสมบุญทุกบุญให้มาก ก็จะดีขึ้น
ตอนที่เจ้าของเคสบวชในช่วงแรก จะเป็นคนขี้หงุดหงิด เวลาผู้บวชก่อนตักเตือน จึงนึกในใจอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากจะหนีไปนับถือศาสนาอื่น กรรมนี้จึงทำให้มีวิบาก ทำให้ต้องไปนับถือศาสนาอื่นก่อนแล้วจึงหันมานับถือศาสนาพุทธ
แม่เห็นกลุ่มควันสีขาวตอนเธออยู่ในท้อง เพราะแม่ตาลาย ไม่สบาย ไม่ได้มีผีสางอะไรมา
เจ้าของเคสมองเห็นเพื่อนบ้านหญิงชราที่ตายไปแล้ว เพราะหญิงชราตายแล้วไปเป็นสัมภเวสีหรือภุมเทวาชั้นต่ำอยู่แถวบ้าน เธอจ้องมาที่เจ้าของเคสเพราะว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าของเคสเห็นเธอได้เพราะบุญที่เคยภาวนา สวดมนต์มาประจวบเหมาะพอดี
เจ้าของเคสนั่งสมาธิแล้วน้ำตาไหลเพราะปีติใจ เป็นสุขใจ จากการที่นั่งแล้วใจรวมเป็นสมาธิ ส่วนภาพและเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่าไปสนใจเลย แล้วมันก็จะไม่เกิดขึ้นอีก เธอจะต้องสั่งสมบุญทุก ๆ บุญให้มาก ๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา แล้วให้ตัดใจเหมือนตายจากความรักฉันสามีภรรยา ให้มารักและหวังดีแด่เพื่อนมนุษย์ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตอนนี้อย่าไปรักใคร ให้รักตัวเองโดยการทำแต่ความดี แต่ไม่ใช่เห็นแก่ตัว ให้ทำความดีให้มาก ๆ โดยเฉพาะนั่งสมาธิภาวนาให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้