ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ผู้เลิศทางมีลาภ ( ๒ )


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 kuna

kuna
  • Members
  • 780 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 02:52 PM

[attachmentid=4740]

กรรมชั่วที่บุคคลทำแล้ว ยังไม่ส่งผล เหมือนน้ำนมที่รีดในขณะนั้น ยังไม่เปลี่ยนแปรไป แต่บาปกรรมนั้น ย่อมตามแผดเผาคนพาล เหมือนไฟที่ถูกเถ้ากลบไว้ ฉะนั้น
กำลังใจเป็นต้นกำเนิดของพลังอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน เป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้มาอย่างเหลือเฟือ เพื่อผลักดันให้มนุษย์ทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ สำหรับคนที่หมดกำลังใจ ก็จะรู้สึกหมดเรี่ยวแรง หมดความหวัง หมดความเพียรพยายาม ไม่อยากทำความดี เหมือนรถที่น้ำมันหมด แล่นต่อไปไม่ได้ แต่สำหรับผู้มีปัญญาแล้ว ย่อมสามารถให้กำลังใจตนเองได้ ไม่ต้องไปรอคอยกำลังใจจากใคร เพราะต้นแหล่งแห่งกำลังใจนั้นแฝงอยู่ในใจเรา คือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นแหล่งกำเนิดแห่งพลังใจที่ยิ่งใหญ่ เพียงเราทำใจให้หยุดนิ่ง เมื่อใจสงบย่อมพบความสว่าง ใจจะมีพลัง มีความสุขและมีอานุภาพ โดยเฉพาะเมื่อเราเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้ เราจะมีกำลังใจไม่สิ้นสุด มีกำลังใจ เหลือเฟือ เพียงพอที่จะแบ่งบันให้กับคนอื่น ทำให้คนรอบข้างมีกำลังใจตามไปด้วย ดุจเดียวกับพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายในกาลก่อน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน คาถาธรรมบท ว่า
“กรรมชั่วที่บุคคลทำแล้ว ยังไม่ส่งผล เหมือนน้ำนมที่รีดในขณะนั้น ยังไม่เปลี่ยนแปรไป แต่บาปกรรมนั้น ย่อมตามแผดเผาคนพาล เหมือนไฟที่ถูกเถ้ากลบไว้ ฉะนั้น”
การกระทำของคนเรา ย่อมมีทั้งดีและชั่วสลับกันไป ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกทำสิ่งไหน หากเราได้ทำกรรมไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว กรรมนั้นอาจยังไม่เห็นผลในทันที เหมือนน้ำนมที่เพิ่งรีดมาใหม่ๆ รสชาติยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป รสชาติย่อมแปรเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับคนทำกรรมใดไว้ ไม่นานย่อมได้รับผลของกรรมนั้น ต่างกันเพียงช้าหรือเร็วเท่านั้น


*ดังปัจจุบันชาติของพระสีวลีเถระที่ต้องได้รับทั้งผลของบุญและบาป กระทั่งถึงภพชาติสุดท้าย ท่านได้ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสุปปวาสา ซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระเจ้ากรุงโกลิยะ ด้วยอำนาจแห่งทานบารมีที่ท่านได้สั่งสมมามาก ตั้งแต่ถือปฏิสนธิ พระนางทรงได้รับเครื่องบรรณาการและเครื่องบริหารครรภ์ถึง ๕๐๐ อย่างทั้งเช้าและเย็น เป็นผู้มีลาภสักการะมาก เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว แม้ชาวเมืองผู้ต้องการจะทำนาให้ได้ผลดี ต่างต้องไปขอบารมีจากพระนาง โดยนำภาชนะที่ใส่พันธุ์ข้าวมาให้พระนางทรงจับ แล้วจึงนำพันธุ์ข้าวไปหว่านเพื่อเพาะปลูกต่อไป ด้วยอานุภาพบุญของพระโอรสที่อยู่ในพระครรภ์ เมื่อข้าวกล้าออกรวง ปรากฏว่า ข้าวแต่ละต้นจะแตกงอกออกเป็นร้อยเป็นพันเมล็ด และเมื่อหว่านพันธุ์ข้าวลงในนา ๑ ไร่ จะได้ข้าว ถึง ๕๐ - ๖๐ เกวียน ขณะขนข้าวขึ้นยุ้งฉาง ชาวเมืองต่างขอให้พระนางสุปปวาสาจับที่ประตูของยุ้งฉาง แม้ข้าวในยุ้งฉางจะถูกขนออกไปเท่าไร แต่ก็ไม่รู้จักหมดสิ้น หรือแม้ข้าวที่อยู่ในหม้อข้าวก็เช่นเดียวกัน หากพระนางทรงจับหม้อข้าวใบไหน แม้หม้อข้าวใบนั้นจะถูกมหาชนตักออกไปสักเท่าไร ก็ไม่รู้จักหมดสิ้น นี้เป็นบุญญานุภาพของบุตรผู้อยู่ในครรภ์ของพระนาง
ในสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่ากุณฑิฐานวัน พระนางสุปปวาสาทรงพระครรภ์นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ก็ยังมิได้ประสูติ ทรงได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส เมื่อไม่รู้จะพึ่งใคร พระนางจึงข่มทุกขเวทนาด้วยการตรึกระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงแสดงธรรมเพื่อละความทุกข์ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ได้ปฏิบัติตามพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ได้ปฏิบัติเพื่อละทุกข์เช่นนี้ ความทุกข์แสนสาหัสย่อมไม่มีในพระนิพพาน ฉะนั้นพระนิพพานจึงมีแต่ความสุขโดยแท้ ครั้นระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และพระนิพพานเช่นนี้ ทุกขเวทนาก็บรรเทาเบาบางลงไป
วันหนึ่ง พระนางปรึกษากับพระสวามีว่า อีกไม่นานตนคงต้องตายแน่แล้ว เพราะทรมานเหลือเกิน อยากจะถวายทานในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอพระสวามีเสด็จไปกราบนิมนต์พระบรมศาสดาด้วยเถิด หากพระพุทธองค์ตรัสเช่นใด ขอได้จำพระดำรัสนั้นมาบอกด้วย เมื่อพระสวามีเสด็จไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์จึงตรัสถวายพระพรว่า “ขอให้พระนางสุปปวาสาจงมีความสุข หาโรคภัยมิได้ จงประสูติพระกุมาร ผู้ปราศจากโรคเถิด”
ทันทีที่พระบรมศาสดาตรัสให้พร พระนางสุปปวาสาทรงพระสำราญ ปราศจากพระโรคาพาธ ได้ประสูติพระโอรสผู้ไม่มีโรคภัย อีกทั้งการประสูตินั้น ก็ง่ายเหมือนเทน้ำออกจากกระบอก ส่วนพระสวามีได้สดับพระพุทธฎีกาแล้ว รีบถวายบังคมลา ยังไม่ทันถึงพระราชมณเฑียร พระโอรสผู้มีบุญก็ประสูติแล้ว พระประยูรญาติทั้งหลายต่างพากันปลาบปลื้มดีใจ จนน้ำตาไหล ส่วนพระสวามีดำริว่า พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้า ช่างน่าอัศจรรย์จริงหนอ จึงรีบเสด็จมาบอกพระมเหสี พระนางสุปปวาสาทรงสดับแล้ว รู้สึกปลาบปลื้มพระหฤทัยมาก พระประยูรญาติได้ตั้งพระนามให้พระกุมารว่า สีวลี แปลว่า เป็นผู้นำความเกษมสำราญมาสู่หมู่ญาติ หลังจากพระโอรสประสูติแล้ว พระนางได้ถวายทานแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขตลอด ๗ วัน
ในวันที่ ๗ ของการถวายมหาทาน พระนางสุปปวาสาได้นำพระกุมารเข้าไปถวายบังคมพระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์ พระสารีบุตรเถระได้ถามพระกุมารว่า “สีวลี เธอยังจะพอทนได้หรือ”
พระกุมารตอบว่า “พระคุณเจ้า กระผมจะมีความสุขได้อย่างไร ต้องอยู่ในครรภ์ซึ่งเปรียบเสมือนโลหกุมภีถึง ๗ ปี” พระนางสุปปวาสาทรงสดับถ้อยคำของพระโอรสแล้ว ทรงโสมนัสว่า “ลูกของเราเกิดได้เพียง ๗ วัน ก็สามารถพูดคุยกับพระธรรมเสนาบดีได้” พระบรมศาสดาทรงเห็นพระนางได้รับทุกข์ทรมานมาก จึงตรัสถามว่า “สุปปวาสา เธอยังจะมีความปรารถนาบุตรอย่างนี้อยู่หรือ” พระนางกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าหม่อมฉันจะพึงได้โอรสอย่างนี้อีก ๗ คน หม่อมฉันก็ยังปรารถนา พระเจ้าค่ะ” นี่เป็นหัวอกของผู้เป็นแม่ จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ยอมเพื่อลูก ส่วนบุพกรรมของสีวลีกุมาร ท่านได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงต้องอยู่ในครรภ์ถึง ๗ ปี ๗ เดือน และอีก ๗ วัน ต้องติดตามในตอนต่อไป

จะเห็นได้ว่า กฎแห่งการกระทำนั้น จะทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษา คอยตัดสินผลการกระทำของทุกชีวิตอย่างเที่ยงตรง ไม่มีการเอนเอียง โดยเราไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์หรือฎีกาใดๆ ทั้งสิ้น สรรพชีวิตต่างต้องก้มหน้ารับผลแห่งการกระทำของตน ดังนั้น ชีวิตในปัจจุบัน คือ กระจกเงาสะท้อนให้เห็นกรรมในอดีต ทั้งที่ผิดพลาดและที่สมปรารถนา ที่ผิดพลาดก็เป็นวิบากกรรมที่ติดตัวมา ต้องตามใช้กันกระทั่งภพชาติสุดท้าย ส่วนบุญจะตามส่งผลกระทั่งถึงชาติสุดท้ายเช่นกัน ไม่ว่าเราจะทำบุญหรือทำบาป มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ย่อมให้ผลเสมอเหมือนกัน ถ้าทำบาป บาปมีผลเป็นความทุกข์ทรมาน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แต่ถ้าทำบุญ ย่อมมีผลเป็นความสุขความสำเร็จในชีวิต ทั้งในปัจจุบันชาติและในสัมปรายภพ ฉะนั้น ให้เราสั่งสมแต่บุญกุศลไว้ให้มากๆ อย่าได้ประมาทคิดว่าบาปแม้เพียงเล็กน้อยจะไม่มาถึง เพราะถ้าเราประมาท บาปย่อมตามเราทัน ยิ่งถ้าเราเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้ มีพระภายในเป็นที่พึ่ง บาปที่เคยทำไว้ในอดีตแม้จะไม่สูญหายไปไหน แต่จะมีกำลังเบาลง ที่เบาก็จะหายไป เพราะบาปตามไม่ทัน ดังนั้นให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในกันทุกๆ คน

*มก. สีวลิเถราปทาน เล่ม ๗๒ หน้า ๓๓๖

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  MO1_57__.jpg   77.53K   7 ดาวน์โหลด