กำลังท้อค่ะ..ทำไมบุญไม่ส่งผล
#1
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 02:12 AM
แต่ดูเหมือนชีวิตยังไม่ดีขึ้น..เมื่อไรจะส่งผลคะ...ไม่เสียใจ แต่แอบน้อยใจนิดหน่อย...คิดแบบนี้จะบาปไหม
#2
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 06:26 AM
่คิดแบบนี้มั๊ยครับ ว่าที่เราทำไปทั้งหมด อาจจะแค่ทำให้ชีวิตเรา เริ่มตั้งต้นนับศูนย์เท่านั้น
เราต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด เพราะของเก่ามันน้อยมาก จนติดลบ
ชีวิตดีขึ้นแน่ครับ อย่างน้อยดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่อาจไม่ดีเท่าคนอื่น ต้องพิจารณาให้ดีครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ อย่าลืม ทานอย่างเดียว ไม่บรรลุธรรมน๊ะครับ
ศีล และภาวนา ต้องประกอบด้วย เมื่อทุกอยา่งครบ ปัญญาเกิดปัญหาอาจแก้ไ้ด้ง่ายๆครับ
#3
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 08:35 AM
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 09:08 AM
....
"..ตอนนี้ชีวิตมีเรื่องมากมาย.."
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ ..มันเป็นภาพในอดีตที่เราทำเอาไว้มาส่งผลน่ะครับ
ความอดทนคือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง
หมั่นนึกถึงบุญที่ทำเอาไว้ เป็นกำลังใจให้ตัวเอง
ว่าต้องดีขึ้น เรื่องต่างๆต้องจบลงด้วยดีครับ
สู้ สู้ ...
ถ้าไม่ไหว ไปพนาวัฒน์กัน ..
..
สาธุ สาธุ
ไฟล์แนบ
#5
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 09:25 AM
#6
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 09:30 AM
ไม่สู้ไม่หนีทำดีเลื่อยไป
บุญกำลังตามส่งผลทุกอนุวินาทีทั้งบุญเก่าและบุญใหม่
อย่าลืมนั่งธรรมะ ทำใจใสๆๆ
#7
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 09:58 AM
ตัวเอง เป็น มะเร็ง เอดส์ หรือโรคร้ายแรงอะไรที่พร้อมจะคร่าชึวิตไปได้ตลอดเวลาหรือเปล่า
ตัวเอง ยังกินข้าวได้ (หลายคนไม่มีจะกินเลยน่ะ) พอมีพอกิน หิวก็พอหาอะไรกินได้หรือเปล่า
ตัวเอง ยังมีอะไร ๆ ๆ อีกเยอะแยะเลย ซึ่งหลายๆ คนไม่มี และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ยังมีลมหายใจ ยังมีกายมนุษย์ เดาว่ายังเดินไปไหนมาไหนได้ เพราะยังพิมพ์คอมได้ หลายคนมีลมหายใจแต่ทำไม่ได้แล้ว
หมายความว่า เรายังมีโอกาส โอกาสที่จะอยู่สร้างบุญ สร้างบารมี
ตัวเองต้องคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือกระจกเงาของสิ่งที่เราทำไว้ในอดีตชาติ ตัวเองอยากให้อนาคต (หมายถึงภพชาติต่อไป) ดีกว่านี้ไหม หรือยังอยากจะลำบากอยู่ ถ้าไม่อยากเจอแบบนี้ ให้อดทนสู้ และก็สร้างบารมีต่อไป
สิ่งที่เราเจอตอนนี้ แสดงผลชัดเจนว่า ของเก่าเราทำไว้ไม่ดีพอ ยิ่งต้องเข็มแข็งทำวันนี้ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อวันข้างหน้า
ส่วนวันนี้ ในขณะที่อดทนสร้างบารมีนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่แบบเป็นทุกข์ เราทำเพื่ออนาตคของเราเอง เราก็ควรอยู่ให้เป็นสุข
คุณยายอาจารย์ท่านเมตตาสอนว่า เราเกิดมาแล้ว จะเป็นยังไงตอนนี้ ก็ให้อดทนไป อย่าไปกังกลใจ ให้สร้างบุญสร้างบารมี ก็เราเกิดมาแล้ว (ความหมายโดยรวมเป็นอย่างนี้น่ะค่ะ)
ทุกคนก็มีอุปสรรคทั้งนั้นแหล่ะ ไม่ใช่ตัวเราคนเดียว ถ้าบุญมาก อุปสรรคก็น้อย ถ้าบุญยังน้อยอยู่ อุปสรรคก็มาก
คุณเป็นคนที่โชคดีมีบุญมากน่ะ ไม่งั้นไม่ได้มาเกิดในเมืองที่ยังมีพระพุทธศาสนา ได้มาพบครูบาอาจารย์ที่ประเสริฐอย่างนี้
ค่อยๆ วางใจเบาๆ น่ะ แล้วผ่านวันเวลานี้ไปให้ได้อย่างเข็มแข็ง เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนขอเป็นกำลังใจค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 10:01 AM
เดือนก่อนชวนเพื่อนสร้างพระปิดเจดีย์ เพื่่อนทำมา 5000.- แบบเกรงใจคนชวน... ทีนี้เรารู้ว่าเพื่อนกำลังผ่อนดาวน์คอนโด แต่เงินเดือนเขาน้อย กลัวว่าจะกู้แบงค์ไม่ผ่าน... เราเลยชวนเขาทำบุญ และแนะนำให้อธิฐานจิต ขอบุญกุศลส่งผล เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
เดือนนี้ก็มีงานใหม่เรียกสัมภาษณ์ ไล่ๆกัน สามแห่ง+++ เมื่อวันอาทิตย์ก็เลยชวนไปปิดองค์พระแล้ว และพาไปกราบหลวงปู่
เมื่อวานงานที่หวังเรียกตัวแล้ว เรียกพร้อมกันสองบริษัทฯ ทั้ง IBM / LH อัศจรรย์ดีใหม!!
----------------------------
ประกอบเหตุแห่งบุญแล้วต้องทำใจนิ่งๆ นึกถึงบุญ นั่งสมาธิมากๆ และอธิฐานจิตให้ได้ดังประสงค์นะครับ ถ้าใจไม่นิ่งบุญจะส่งผลยาก
#9
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 10:13 AM
แต่เราเองก็ต้องให้ความร่วมมือโดยการทำใจใส ๆ ด้วยการทบทวนบุญที่เราทำมาด้วยความปลื้มปีติ
และให้คิดว่าในอดีตเราคงไม่ได้ทำบุญสม่ำเสมอ บางช่วงของชีวิต บาปจึงได้ช่องส่งวิบากกรรมมาให้เราในขณะนี้
ลองดูตัวอย่างท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีซิ ท่านทำบุญใหญ่ สร้างมหาทานตลอดเวลา ยังต้องพบกับช่วงหมดทรัพย์เลย
ของพวกเรา ซึ่งไม่ได้เอาเงินปูเรียงเคียงกันเพื่อสร้างวัด ทำไมจะพบกับอุปสรรคบ้างไม่ได้
แต่ที่สำคัญ เมื่อพบอุปสรรคแล้ว ต้องนิ่ง ใส เย็น ให้พอ อย่าหวั่นไหว
อย่าตัดพ้อว่าบุญไม่ช่วย เดี๋ยวบาปจะได้ช่อง แล้วเหตุการณ์จะเลวร้ายไปกันใหญ่
ให้คิดว่าเรากำลังถูกทดสอบ เหมือนท่านวิสัยหเศรษฐีกำลังถูกพระอินทร์แกล้งไม่อยากให้สร้างทานบารมีอย่างนั้นแหละ
ถ้าเราสามารถทำใจให้สงบและเชื่อมั่นในบุญได้แม้ในยามวิกฤติแล้ว สิ่งดี ๆ จะตามมาเอง
สู้ต่อไปนะคะ ไม่ต้องกลัว บุญกำลังช่วยอยู่ ขอเพียงเราเปิดใจรับความช่วยเหลือของบุญ
แล้วร้ายก็จะกลายเป็นดี หนักก็จะเป็นเบาเอง
#10
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 12:00 PM
ผมเองก็ทำไปเยอะแยะ ครับ ทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันจริงๆ แบบหมดหน้าตักฝ่าตัวเลขแดงๆกันเลย ทำบุญแบบนี้ตั้งแต่เริ่มเข้าวัด-ปัจจุบัน เจอปัญหามาตลอด แต่ก็ยังทำ เพราะ ความพร้อมไม่มีในโลก รอให้พร้อมก็ตายก่อน และต้องการสะสมบุญช่วยบำรุงพระศาสนาจริงๆ ดีกว่าเก็บเงินไว้ให้ธนาคารเอาไปหมุน เอาให้พระศาสนามาหมุนเวียนใช้เพื่อก่อให้เกิดความดีแก่โลกดีกว่า
ตอนนี้กระแสบาป แรงมาก ดูได้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว
คนทำไม่ดี กลับได้ดีกันมากมาย กลับร่ำรวย กว่าคนทำดีทำบุญ เพราะ อะไร ผมไม่ทราบ รู้เพียงอย่างเดียว ว่า
ทำดีได้ดีแน่นอน อยู่ที่ว่าช้าหรือเร็ว
ช้า เพราะ บุญเราน้อยหรือไม่ค่อยนั่งสมาธิ
เร็ว เพราะ นั่งสมาธิ รักษาศีล ไปด้วย
"ต้องฝึกนั่งสมาธิมากๆ"
"ถ้าทำกิจการงานใดๆแล้วมันทำท่าจะเจ๊งหรือไม่ดีขึ้น ก็หยุดไปก่อนเลยครับ แล้วไปเที่ยวพักผ่อนนั่งสมาธิดีกว่า"
นั่งไปเลยครับ ทิ้งทุกอย่างไปเลย แล้วนึกถึงบุญ ถ้านึกไม่ออก ก็หาธรรมมะ ของหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ดู,ฟังไปเรื่อยๆ
หรือ ออกไปขับรถ ฟังเพลงสบายๆ ออกต่างจังหวัด ไปทะเล ไปดูน้ำใสๆ ใจจะได้ใสๆสบายๆไปด้วยครับ
ถ้าใจเราไปติดอยู่กับสิ่งทีเราล้มเหลว นอกตัว เราก็จะล้มเหลวตามสิ่งนั้นทันที
ฝึกใจให้อยู่ในตัว นึกถึงบุญที่ทำไป ไว้กลางตัว ฝึกไปเรื่อยๆ ต้องสอนตัวเองให้ได้
ตอนนี้ผม เจอหนักกว่าคุณ หลายเท่าแบบคาดไม่ถึง ทั้งๆที่ทำบุญแบบคาดไม่ถึงมาตลอด แต่เข้าใจ ในเรื่องบุญ-บาปเสมอ
และอยู่ได้เพราะ นั่งสมาธิ อดทน สอนตัวเอง ดู ฟัง ธรรมะจากมหาปูชนียจารย์ รักษาศรัทธาในบุญไม่ให้เสื่อมลง ศึกษาเรื่อง
ราวจากคนทำบุญที่เคยล้มเหลวมาก่อน
สุดท้ายบุญช่วยไว้ทุกคน ยกเว้น คนเสื่อมศรัทธาในบุญ ความดี ไปแล้ว
#11
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 12:52 PM
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ สู้ ค่ะ
ปลื้มในบุญที่ทำมาทั้งหมด และอธิษฐานจิตบ่อย ๆ ขอบารมี หลวงปู่ หลวงพ่อ และคุณยายช่วยอีกแรงนะคะ
ส่วนกำลังใจ ชาว DMC ทุกท่านมีให้เสมอค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#12
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 01:16 PM
#14
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 02:28 PM
อย่าท้อครับลองเข้าไปดูชีวิตของคำน้อย ในละครฟื้นฟูศีลธรรมโลก คำน้อยคุณแม่มหัศจรรย์ที่http://www.dmc.tv/programs/vstar.html
และอ่านประวัติของคุณคำน้อย ที่ http://www.kalyanami...Kumnoi_book.pdf
แล้วก็ลองปล่อยวางดูนะครับ ขอให้ชนะครับ โชคดี
#15
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 03:13 PM
ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นเพลงนี้ละคะ แล้วในโลกนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเราทุกข์คนเดียวเสียเมื่อไหร่
ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ไม่มีใครมาเล่าให้เราฟังเท่านั้นเอง
ทำใจใส ใส เดี๋ยวบุญก็จะส่งผลเองคะ
#16
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 04:34 PM
อดทนนะ...เมื่อบุญส่งผลก็ ให้ระลึกถึงบุญนั้นอย่างสม่ำเสมอ อย่าลืมนะ
- เพราะปุถุชนส่วนใหญ่พอบุญส่งผลให้เป็นสุขก็มักจะลืม พอบาปส่งผลก็มักจะตัดพ้อต่อวาสนา น้อยใจในโชคชะตา
- ทำใจใสใสๆ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ผ่านพ้นไปได้ก็จะเห็นผลของบุญใหญ่อันไม่มีประมาณ
#17
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 04:49 PM
ต้องเติมน้ำเยอะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จ้า
น้ำ = ความดีครับ
#18
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 05:11 PM
คุณยายเคยบอกไว้ว่า คนที่จะได้บุญเยอะ ไม่ใช่อยู่ใกล้ยายแล้วจะได้บุญเยอะนะ
ต้องนึกถึงบุญได้ด้วย
อยู่กับหลวงปู่ หลวงพ่อ และคุณยายมากๆนะครับ
#19
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 05:17 PM
#20
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 06:05 PM
#21
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 06:36 PM
พลาดหวัง ไร้หนทาง ถึงมีทางแต่โอกาสกลับไม่ใช่ของเรา
เรื่องปกติ เรื่องปกติ คิดซะว่ามันเป็นเรื่องปกติ ถามตัวเองดูดิว่านี่
เป็นปัญหาแรกที่เราเจอหรือเปล่า คำตอบคือไม่
ถามต่อ แล้วปัญหาที่ผ่านมา มีทั้งเล็กและใหญ เราก็ผ่านมาได้
แบบทุลักทุเลบ้าง แบบสบายบ้างใช่ป่ะ แล้วจะไปโทษทำไมว่าบุญไม่ส่งผล
มีชีวิตทุกวันนี้ก็รับกรรมเก่า สร้างกรรมใหม่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ชาติผ่านมา ไม่รู้ไปทำอะไรมาบ้าง ทำทั้งดีไม่ดีทับถมกองเป็นภูเขาใหญ่เท่าไหร่ก็ไม่รู้
ในเมื่อไม่รู้ก็อย่ามัวไปโทษสิ่งที่ไม่รู้ดิ เชิดหน้าทำดีเรื่อยไป สนใจไรไมมากมายนี่แหละชีวิต
ปกติ ปกติ ปกติ
ที่พูดได้เพราะตอนนี้ก็เจออะไรมาเยอะเหมือนกัน แต่ก็ต้องมีชีวิตต่อไป ทำดีเรื่อยไป คิดไรมากมาย
เวลาทุกข์ก็ว่าเข้าดิ สัมมาอะระหัง ๆๆๆว่าไป สบายใจกว่าคิดให้ทุกข์ กว่าเยอะเลย
#22
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 06:39 PM
หลวงพ่อทัตตะ ท่านได้ให้คำตอบ ไว้ ดังนี้ค่ะ
ถาม มีบางคนสงสัยว่า เวลาทำดีแล้ว ทำไมความดีจึงยังไม่ส่งผล กฏแห่งกรรมจะถูกต้องจริงหรือ เราทำดี แล้วจะได้ผลดีจริงหรือครับหลวงพ่อ
ตอบ คุณ... อย่าเสียเวลาสงสัยกันอยู่เลย ความจริงข้อนี้เขาพิสูจน์กันมาเป็นพันๆปีแล้ว
แต่ที่คนส่วนมากสงสัยรวมทั้งตัวคุณด้วย
เพราะเป็นคนประเภทใจร้อน เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัว ลืมคิดไปว่า ของทุกอย่างมันต้องอาศัยเวลา จะยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ฟัง
ถ้าเราไปเอาหน่อกล้วยมาปลูกวันนี้ ถามว่าเราจะได้กินกล้วยวันนี้ไหม
ก็ตอบได้ว่ายังต้องรอไป โน่นเกือบปีแน่ะ แล้วในระหว่างที่รออยู่นั้น ก็ยังต้องขยันหมั่นรดน้ำพรวนดินอีกด้วย
ต้องดูแลป้องกันโรค ป้องกันแมลงไม่ให้มารบกวน ไม่อย่างนั้นพอครบปี อาจจะได้กินกล้วยเหมือนกัน
แต่ผลมันอาจจะลีบ ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
แล้วถ้าจะถามว่า ในระหว่างนั้น ไม่ได้ผลอะไรเลยหรือ ก็ตอบว่า.. ได้ ได้ตั้งแต่วันปลูกนั่นแหละ
คือ พอปลูกเสร็จก็ได้รับผลความดีระดับต้น คือ ได้ความสบายใจว่า เราได้ทำงานแล้วถูกต้องตามฤดูกาลแล้ว
และในระหว่างนั้นก็ยังได้ผลตามมาอีก ตั้งแต่ได้ใบตองมาห่อขนม ได้หัวปลีไปจิ้มน้ำพริกกิน
แต่มันก็ยังได้ไม่ค่อยเต็มที่ ต้องรอเอาปลายปี
เช่นกันเวลาทำความดีเสร็จปุ๊บลงไปแล้ว ไม่ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม
เราก็ได้รับผลดีขึ้นต้นทันทีเหมือนกัน คือ ได้รับความสุขกาย สบายใจว่า ได้ทำความดีแล้ว
และเมื่อเราทำความดีซ้ำแล้วซ้ำอีกติดต่อกัน ผลแห่งความดีในระดับที่สองก็ตามมา
คือ บุคลิกจะดีขึ้น อุปมาเหมือนกับได้ใบตองมาห่อขนม ครั้นทำซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อไปเป็นแรมเดือนแรมปี
ผลแห่งความดีในระดับที่สาม จึงจะออก คือไม่ว่าจะหยิบจะทำอะไรก็รู้สึกว่าจะมีโชค มีลาภ
หรือคล่องตัวขึ้น อุปนิสัยใจคอก็ดีขึ้นจนผิดสังเกต อุปมาเหมือนได้หัวปลีมากินอย่างนั้นแหละ
ถ้าทำซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ยอมหยุดยั้ง ผลแห่งความดีที่ตามมาเป็นระดับที่สี่คือ
เป็นที่ยอมรับของคนในสังคมทั่วไป เราปลูกกล้วย กว่าจะได้กินผลของมัน ยังต้องรอเป็นปี
การทำความดีกว่าจะเห็นผลจนสังคมยอมรับ ก็เป็นธรรมดาต้องอาศัยเวลาเหมือนกัน
[color="#FF0000"]ฉะนั้น อย่าใจร้อน คนส่วนมากเวลาทำความดีมักเข้าข้างตัวเอง อยากให้ความดีส่งผลเร็วๆ
ส่วนความชั่วที่เคยทำมาแล้วเท่าไร กลับนึกบนบานศาลกล่าวว่าอย่าให้มันตามมาเลย[/color]
เวลาคนอื่นทำความชั่วโดยเฉพาะถ้าเดือนร้อนมาถึงตัวด้วยก็นึกอยากให้ผลแห่งความชั่วตามมาถึงเร็วๆ
ลึมนึกถึงความดีที่เขาเคยทำไว้ จึงทำให้สงสัยว่าทำดีได้ดีจริงหรือ
ในบรรดาคนใจร้อนทั้งหลาย ที่อยากให้ผลกรรมส่งทันตาเห็น ให้คิดอย่างนี้
ถ้าสมมุติว่า ให้ทานปุ๊บ ก็รวยปั๊บทันทีคงถูกใจ ตรงกันข้ามถ้าโกหกปุ๊บฟันหักหมดปากปั๊บเขากลับนึกว่าไม่ยุติธรรม
คนเรามักเป็นเสียอย่างนี้ คือชอบเข้าข้างตัวเอง เพราะใจร้อนจึงได้เกิดสงสัยกฏแห่งกรรมอยู่ร่ำไป
ฉะนั้น นับแต่วันนี้ไปนะคุณนะ เลิกใจร้อนอย่าเข้าข้างตัวเอง รู้จักทำใจให้เป็นกลางๆ
ให้ความยุติธรรมแก่สิ่งต่างๆรอบๆตัว แต่การจะทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยการนั่งสมาธิมากๆเท่านั้น
สาธุค่ะ
#23
โพสต์เมื่อ 09 June 2009 - 09:37 PM
ยิ่งอยากได้ ยิ่งไม่ได้
เพราะความอยากแท้ๆจึงทำให้แย่อยู่ทุกวัน
ใจเย็นๆ เฉยๆ และ รอ ดีกว่า สักวันสิ่งที่คุณปราถนามันจะเป็นของคุณ
let it be...................
#24
โพสต์เมื่อ 10 June 2009 - 12:14 AM
คิดซะว่าตอนนี้บาปกำลังส่งผลอยู่ ถ้าทำบุญแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นให้เติมบุญให้หนักเข้าไปอีก เพราะแสดงว่ากำลังของบุญยังไม่แรงพอที่จะไปตัดรอนวิบากกรรมครับ
และสุดท้าย ต้องทำใจใสๆ ตลอดเวลา นึกถึงบุญที่ทำ นั่งสมาธิเยอะๆด้วยนะครับ
#25
โพสต์เมื่อ 10 June 2009 - 11:31 AM
#26
โพสต์เมื่อ 10 June 2009 - 04:56 PM
การส่งผลของบุญ.....
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ยานพาหนะเป็นมิตรของคนเดินทาง
มารดาเป็นมิตรในเรือนตน บุญที่ตนทำไว้แล้วเป็นมิตรติดตามไปในภพหน้า
คุณยายเคยสอนไว้ว่า
"บุญในอดีตเรามีมากหรือน้อย จะส่งผลให้เป็นไปในปัจจุบันนี้
ถ้าบุญในอดีตเราทำมา ๑๐ ก็ส่งผล ๑๐
บุญ ที่เราทำในปัจจุบันนี้นั้น ส่งผลในปัจจุบันเพียง ๑๐-๒๐ เปอร์เซ็นต์ของบุญที่ทำ
แต่จะส่งผลเต็มที่ในอนาคต ทำให้ชาติหน้าของเราจะดีมาก ด้วยผลบุญในปัจจุบัน
ดังนั้น เราต้องหัดมักให้น้อยให้มากๆ
ถ้าเรามี ๑๐๐ ใช้ ๑,๐๐๐ ไม่นานก็วิบัติ
แต่ถ้าเรามีบุญ ๑,๐๐๐ ใช่แค่ ๑๐๐ ไม่นานบุญก็ต้องส่งผลมากขึ้น
เมื่อได้มากขึ้น ก็ให้วางใจอุเบกขา อย่าโลภ
จงคิดว่า นั้นเป็นบุญที่ส่งผล แล้ววางใจเฉยๆ"
จากหนังสือ ร่าเริง บันเทิงใจ ด้วยสัมโมทนียกถา เล่ม ๒
โดยพระไพบูลย์ ธัมมวิปุโล
#27
โพสต์เมื่อ 10 June 2009 - 10:15 PM
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราก็ควรที่จะหมั่นหยอดเงินลงในกระปุกออมสินไปเรื่อยๆจะดีกว่าครับ อย่าไปมัวแต่สังเกตุว่าเมื่อไหร่เงินมันจะเต็มกระปุกซะที สักวันเงินเยอะ ความสำเร็จก็จะตามมาเองแน่นอนครับ เพราะตอนนี้เงินที่หยอดไปทั้งหมด ก็กำลังก่อตัวขึ้นมาจากก้นกระปุกทีละนิดๆอยู่แล้ว และก็แน่นอนว่ามันก็ต้องเยอะขึ้นไปทุกทีๆ และสักวันเงินที่หยอดไปนี้เราจะแค่ะมันออกมาใช้ได้ทุกบาททุกสตางค์อย่างแน่นอน ขอเพียงว่าอย่าทุบกระปุกออมสินกระปุกนี้กลางคันก็แล้วกันครับ you know? ไปละ
#28
โพสต์เมื่อ 10 June 2009 - 11:15 PM
และที่สำคัญที่สุด นั่งสมาธิเยอะ ๆ ค่ะ อย่าให้บาปอกุศลเข้าแทรกได้นะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ