ผมไปเยี่ยมญาติที่บ้านนอกมาครับ อาม่าได้ตายไปนานแล้วหลายปี แต่ญาติพี่น้องยังคงมีปัญหาเรื่องมรดก ทั้งที่ดิน ทรัพย์สิน ไม่ลงตัว ทั้ง ๆ ที่อาม่าก็ได้สั่งเอาไว้แล้ว ว่าที่ดินผืนนี้มอบให้ใคร สิ่งนี้หรือสิ่งนั้นมอบให้ใครดูแล แม้ท่านจะได้ใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ความไว้วางใจแล้วก็ตาม แต่ญาติพี่น้องก็ยังแอบวางแผนยื้อแย่งกันด้วยเทคนิควิธีต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่อาม่าได้สั่งและมอบหมายเอาไว้แล้วแท้ ๆ ไม่ทราบว่าใครพอจะรู้หลักธรรมในการแก้ไขปัญหาแบบนี้บ้างครับ
มีวิธีแก้ปัญหามรดกบ้างไหมครับ
เริ่มโดย Dhamma Bot, Jun 30 2009 09:14 PM
มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 30 June 2009 - 09:14 PM
#2
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 11:27 AM
หลักธรรมสำหรับเรื่องนี้มีความ เป็นหลักธรรมแห่งความปลอดภัย สังคมใดมีหลักธรรมที่ว่านี้แล้วจะมีแต่ความปลอดภัย ไร้ซึ่งความหวาดระแวงต่อกัน แต่มีความไว้วางใจกัน หลักธรรมที่ว่านี้ หลวงพ่อทัตตชีโวท่านเคยเทศน์ไว้ คือ สังคหวัตถุ 4 นั่นเองครับ ได้แก่
ทาน คือ การให้ แบ่งปันสิ่งดีๆ ต่อกันในครอบครัว สังคม
ปิยวาจา คือ การพูดดีๆ ต่อกัน ด้วยความจริงใจ
อรรถจริยา คือ การบำเพ็ญประโยชน์ต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลในกิจการงานของกันและกัน
สมานตตา คือ เสมอต้นเสมอปลายต่อกัน ต่อหน้าอย่างไร ลับหลังก็อย่างนั้น
ทาน คือ การให้ แบ่งปันสิ่งดีๆ ต่อกันในครอบครัว สังคม
ปิยวาจา คือ การพูดดีๆ ต่อกัน ด้วยความจริงใจ
อรรถจริยา คือ การบำเพ็ญประโยชน์ต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลในกิจการงานของกันและกัน
สมานตตา คือ เสมอต้นเสมอปลายต่อกัน ต่อหน้าอย่างไร ลับหลังก็อย่างนั้น
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#3
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 03:32 PM
ควรต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลแล้วครับ หากตกลงกันไม่ได้ มีใครบางคนยึกยัก เพราะมันหลายปีแล้วยังไม่จบสักที
แล้วให้ศาลนัดไกล่เกลี่่ย แล้วไปตกลงกันตรงนั้น คิดว่าเรื่องน่าจะจบได้ หากทุกคนคิดว่าตนเองทำไปโดยบริสุทธิใจ ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ก็ยุติธรรมที่สุด ใครเป็นยังไงก็รู้กัน .. ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยอยากเป็นความกันหรอก
เพราะมันใช้เวลาหลายปี ต้องใช้หลักธรรมะศาสตร์ และ นิติศาสตร์ ควบคู่กันไป
แล้วให้ศาลนัดไกล่เกลี่่ย แล้วไปตกลงกันตรงนั้น คิดว่าเรื่องน่าจะจบได้ หากทุกคนคิดว่าตนเองทำไปโดยบริสุทธิใจ ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ก็ยุติธรรมที่สุด ใครเป็นยังไงก็รู้กัน .. ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยอยากเป็นความกันหรอก
เพราะมันใช้เวลาหลายปี ต้องใช้หลักธรรมะศาสตร์ และ นิติศาสตร์ ควบคู่กันไป
#4
โพสต์เมื่อ 01 July 2009 - 09:40 PM
หลักนิติศาสตร์...
1. อิงพินัยกรรม(ที่สมบูรณ์)ฉบับล่าสุดเป็นหลัก
2. หากไม่มีพินัยกรรม...ทายาทอันดับหนึ่งร่วมตกลงกัน...ร้องศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก...จัดสรรดำเนินการ
3. ตกลงกันไม่ได้...ยึดหลักนิติสัมพันธ์...แบ่งมรดกเป็น 5ส่วน...1ส่วนของบิดา-มารดา....1ส่วนภรรยา-สามี...3ส่วนทายาทอันชอบธรรม(บุตรในไส้-บุตรบุญธรรมจากการร้องศาล)
หลักธรรมในการแก้ปัญหา...หลักๆก็...ทาน...ต้านโลภะ ความตระหนี่....
1. สังคหวัตถุ4...ดังที่คุณหัดฝันกล่าว...มีทาน
2. ฆราวาสธรรม..จรรโลงครอบครัวอบอุ่น...มีจาคะ
1. อิงพินัยกรรม(ที่สมบูรณ์)ฉบับล่าสุดเป็นหลัก
2. หากไม่มีพินัยกรรม...ทายาทอันดับหนึ่งร่วมตกลงกัน...ร้องศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก...จัดสรรดำเนินการ
3. ตกลงกันไม่ได้...ยึดหลักนิติสัมพันธ์...แบ่งมรดกเป็น 5ส่วน...1ส่วนของบิดา-มารดา....1ส่วนภรรยา-สามี...3ส่วนทายาทอันชอบธรรม(บุตรในไส้-บุตรบุญธรรมจากการร้องศาล)
หลักธรรมในการแก้ปัญหา...หลักๆก็...ทาน...ต้านโลภะ ความตระหนี่....
1. สังคหวัตถุ4...ดังที่คุณหัดฝันกล่าว...มีทาน
2. ฆราวาสธรรม..จรรโลงครอบครัวอบอุ่น...มีจาคะ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC