การตั้งคำอธิษฐานเพื่อคนอื่น..เปลืองบุญไหม
#1
โพสต์เมื่อ 31 May 2006 - 11:05 PM
การอธิษฐานจิตเปรียบเสมือนการตั้งเป้าหมาย
และอีกอย่างก็เป็นการหาบุญได้ ใช้บุญเป็น คือเอาบุญมาช่วยในสิ่งที่อธิษฐานให้เป็นจริง
แล้วการอธิษฐานเพื่อคนอื่นล่ะคะ จะเป็นการเปล่าประโยชน์หรือเปล่า ?
เมื่อคนที่เราอธิษฐานให้ไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่เราอธิษฐานให้เขาเลย
แม้บางครั้งจะพยายามอธิบาย...แต่เหมือนไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะถูกปฏิเสธตลอด เพราะยังมีมิฐฉาทิฐิอย่างเต็มเปี่ยมค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 31 May 2006 - 11:18 PM
"คำอธิษฐานใดที่คุณครูบาอาจารย์ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ดีแล้ว ขอให้คำอธิษฐานนั้น
จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า และเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างไม่มีประมาณ"
จะเห็นได้ว่า ณ ปัจจุบันคำอธิษฐานจิตเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะเหตุผลใดผมคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมอีกนะครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#3
โพสต์เมื่อ 31 May 2006 - 11:46 PM
กรณีอย่างนี้จะมีความแตกต่างกันไหมครับ
#4
โพสต์เมื่อ 31 May 2006 - 11:54 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#5
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 12:04 AM
#6
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 07:23 AM
น้องก้านกล้วยครับ....งั้นแสดงว่าในชาตินี้เราจะเปลี่ยนให้เขาเป็นสัมมาทิฐิ ให้เขาได้มีสายบุญเชื่อมกับหมู่คณะไม่ได้หรือ มีวิธีการไหมครับ?
#7
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 08:20 AM
จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า และเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างไม่มีประมาณ"
จะเห็นได้ว่า ณ ปัจจุบันคำอธิษฐานจิตเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะเหตุผลใดผมคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมอีกนะครับ
ยังมีอยู่ค่ะพี่ก้อง
น่าจะเป็นตอนท่านนำอธิษฐานตอนไปปล่อยปลามั้งคะ เพิ่งไม่นานมานี้เองค่ะ
หนูว่าได้นะคะ
ดูอย่างกรณีที่อธิษฐานขอพระมหาสิริราชธาตุ ทำให้แม่เป็นสัมมาทิฏฐิสิคะ
amazing
ตามจริงแล้วทุกคนก็มีสายบุญกันเกือบหมดล่ะค่ะ แค่ว่าใครจะไปเป็นกัลยาณมิตรให้กับเขาหรือไม่เท่านั้นเอง
แต่ถ้าอธิษฐานอย่างเดียว ก็คงจะไม่ได้ผลดีเท่าการเข้าหาเขาด้วยนะคะ
ใจเป็นธาตุสำเร็จค่ะ ถ้าเราคิดว่าเราจะเป็นกัลยาณมิตรให้เขาได้ เราก็ทำได้แน่นอน ถ้ามีกำลังใจดี
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#8
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 09:21 AM
จากที่ฟังคุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาแนะนำในหลายๆ เคสที่พ่อแม่ยังไม่ศรัทธาวัด ยังกินเหล้า ฆ่าสัตว์ ในบางเคส ท่านจะแนะนำว่า "ให้ลูกค่อยๆ อธิบายท่านไป" หรือ" "ให้ลูกค่อยๆ พยายามชักจูงท่าน"
แต่ในบางเคส เช่นกรณีเคสของวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมานี้ เจ้าของเคสเป็นชาวต่างชาติ เกิดในครอบครัวที่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา เจ้าของเคสได้กราบเรียนถามคุณครูไม่ใหญ่ว่า จะทำอย่างไรให้พ่อแม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม คุณครูไม่ใหญ่ท่านได้เมตตาแนะนำว่า "ในช่วงนี้ ลูกทำได้แค่เพียงทำบุญแล้วอธิฐานจิต ให้ครอบครัวหันมามีสัมมาทิฏฐิ ตอนนี้ลูกทำได้แค่นี้ล่ะจ้า" ท่านแนะนำประมาณนี้น่ะครับ
#9
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 09:25 AM
คุณธรรมและเส้นทางเดินให้ได้มาซึ่งคุณธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมหาปูชนียาจารย์ หลวงปู่ฯ หลวงพ่อ คุณยายฯ ขอให้เราได้เดินตามเส้นทางนั้น บ่มเพาะความเพียรพยายามแบบท่าน เพื่อยังให้มีซึ่งคุณธรรมแบบที่ท่านเหล่านั้นมีทั้งหมดทุกประการ
แบบนี้ผิดถูกอย่างไรคะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#10
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 09:47 AM
คุณธรรมและเส้นทางเดินให้ได้มาซึ่งคุณธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมหาปูชนียาจารย์ หลวงปู่ฯ หลวงพ่อ คุณยายฯ ขอให้เราได้เดินตามเส้นทางนั้น บ่มเพาะความเพียรพยายามแบบท่าน เพื่อยังให้มีซึ่งคุณธรรมแบบที่ท่านเหล่านั้นมีทั้งหมดทุกประการ
แบบนี้ผิดถูกอย่างไรคะ
ผมว่าไม่น่าเป็นไรนะครับเพราะไม่ได้ขอในสิ่งที่ไม่ควร ขอแต่เป็นการตั้งความปรารถนาขอให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในแนวทางการสร้างบุญบารมีดังเช่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ ด้วยผลแห่งบุญที่เรากระตั้งใจกระทำ จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับเรา ถ้าเราตั้งใจยึดท่านเป็นแบบอย่าง ทำตามที่ท่านสอยสั่ง ก็น่าจะเป็นไปตามนั้นนะครับ
#11
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 09:57 AM
แต่บุญมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถอุทิศให้กันได้ ไม่ใช่หรือคะ ตามที่ได้ฟังหลวงพ่อทัตตะฯท่านเทศน์ให้ฟังในสภาฯ
ซึ่งแน่นนอนว่าผู้รับคงได้บุญไม่เท่ากับผู้ให้ เพราะผู้ให้จะได้ทั้งบุญและบารมี ส่วนผู้รับได้แต่บุญนิดน้อย
อย่างไรก็ตาม บุญเป็นธาตุสำเร็จ ถ้าอธิษฐานขอให้เค้าเป็นสัมมาทิฐิ อธิษฐานบ่อยๆเข้า ก็คงสำเร็จสักวันหนึ่ง
จะสำเร็จช้าเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับบุญในตัวของเค้าด้วยค่ะ ระหว่างนี้ก็ชวนเค้าทำบุญ 10 บาท 20 บาท ก็ทำไปเถอะค่ะ
และที่สำคัญ คุณครูไม่ใหญ่ย้ำอยู่บ่อยๆว่า ให้เริ่มที่ตัวเราก่อน หากเราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น(อย่างชัดเจน) คนรอบๆตัวเราก็ต้องเห็นและเปลี่ยนมาเป็นสัมมาทิฐิจนได้ค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 10:09 AM
บุญหน่ะ ยิ่งทำมากยิ่งได้มาก ไม่ว่าจะทำกับใครก็ได้ผลหมด แต่ถ้าจะให้ดีบุญที่ทำแล้วได้บุญมากก็ต้องขึ้นอยู่กับ ผู้ทำ สิ่งที่ทำ และผู้รับ รวมถึงจิตขณะทำ ก่อนทำ และหลังทำด้วย
เพราะฉนั้น ถามว่าเปลืองบุญไหม คงตอบเองว่า ไม่ ค่ะ เพราะ บุญยิ่งทำยิ่งได้ แต่จะได้มากได้น้อยนี้อีกเรื่อง ส่วนคนที่เราส่งบุญให้จะได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่ที่ช่องบุญเค้าเปิดรับหรือเปล่าแหละค่ะ แต่เรามีกำลังบุญมากพอที่จะส่งให้เค้าหรือไม่แหละค่ะ
อืม ขออนุญาติเล่าเรื่องคุณแม่แฟน หน่อยนะค่ะ ขออนุญาติพากพิงนิดนึง
คือว่าน้องของแฟน เป็นคนที่ดื่มเหล้า เข้าสังคม และไม่ค่อยจะไปวัดซักเท่าไหร่ และก็ไม่ค่อยได้พาพ่อแม่ไปทำบุญ เป็นมานานแล้ว แต่มีอยู่วันหนึ่ง วันวิสาข ที่ผ่านมานี้ อยู่ๆ เค้าก็มาหาพ่อแม่ที่บ้าน แล้วเอ่ยเองว่า" ผมจะพาพ่อแม่ไปวัด แล้วแต่พ่อแม่จะไปทำบุญที่ไหน ผมจะพาไป"
คุณพ่อ คุณแม่แฟน งงเลย เพราะไม่เคยทำแบบนี้ แต่มาทราบจากแม่ว่า คุณแม่ท่านมาวัด แล้วหัดนั่งสมาธิตามแบบหลวงพ่อ แต่ก่อนท่านก็นั่งมาตั้งแต่สาวๆแล้วค่ะ แล้วท่านเห็นดวงใสๆๆ ชัดเจนแล้ว อฐิษฐานขอให้ลูกพาไปวัด วันนั้นลูกคนนี้เลยมาเลยค่ะ
เรื่องนี้เล่าให้ฟังเฉยๆค่ะ ส่วนตัวคิดว่าการที่เราจะส่งบุญให้ใคร หรือน้อมใจใครให้เข้ามาได้ ก็ขึ้นอยู่กับบุญในตัวเราเองด้วยหล่ะค่ะ ถ้าบุญเรายังด้อยอยู่ ไปพูดไปชวนใครก็คงจะยากสักหน่อย ต้องอาศัยกำลังภายในอย่างสูง
#13
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 10:22 AM
ถูกต้องครับ แต่จะอุทิศได้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่าถ้าเป็นมนุษย์ก้จะไม่สามารถรับบุญได้ นอกจากจะอนุโมทนาบุญด้วยตนเอง หรือถ้าอยู่ในมหานรกก็ไม่อาจรับบุญได้เช่นกัน ต้องพ้นมาที่ยมโลกเสียก่อน
ผมเข้าถูกเปล่าครับเนี่ย
#14
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 01:46 PM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#15
โพสต์เมื่อ 02 June 2006 - 01:36 AM
ที่นี้จะตอบคำถามที่ว่า การอธิษฐานจิตให้คนอื่นหรือแทนคนอื่น เป็นการสิ้นเปลืองไหม ก่อนจะตอบคำถามนี้จะขอถามนิดหนึ่งนะครับ เวลาเราฉีดน้ำหอมทัวห้อง ถ้าในห้องนั้นมีเราและคนอืน น้ำหอมที่เราได้กลิ่นนั้น เราได้เพียงคนเดียวหรือว่าได้กันทุกคน แล้วทุกคนสูดกลิ่น กลิ่นน้ำหอมนั้น ทุกคนได้กลิ่นเหมือนกันไหมครับ ได้กลิ่นหอมสดชื่น อารมณ์ก็ดี ใจก็สบาย ใช่ไหมครับ การที่เราอธิษฐานจิตแทนคนอื่น กระแสความดีที่เราทำไว้และหวังดีต่อผู้อื่น จะเชิ่อมไปถึงผู้ที่เราอธิษฐานจิตแทนเขา แล้วกระแสความบริสุทธินี้จะค่อยกระตุ้นให้คนอื่นที่เราอธิษฐานจิตแทนหรือว่าเผยเมตตาไปถึงเขาคนนั้น กระแสบุญที่เราแผ่เมตตาหรืออธิษฐานจิตไปกระตุ้น บุญเก่าที่เคยทำไว้ ส่งเสริมให้เขาคิดจะทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นครับ ดังนั้น เราทำต่อไปเถอะครับ สักวันหนึ่งกระแสความปราถนาดีของเรามีพลังพอ บวกกับบุญเก่าของคนที่เราหวังดีมาส่งผล เขาก็จะมาทำความดี และอาจจะส่งเสริมเราทำความดีให้เจริญยิ่งๆขึ้น ดังนั้นไม่สิ้นเปลืองเลยครับ กลับดียิ่งขึ้นด้วยเพราะเราได้นำกระแสความปราถนาดีจากใจเราแผ่ปกคลุมไปสู่คนรอบข้าง ไปทั่วบรรยากาศรอบตัว สิ่งแวดล้อมของเราก็จะดียิ่งขึ้นด้วยนะครับ บุญเราก็ยิ่งทับทวี ใจก็สว่างมากขึ้น ความสุขก็เพิ่มขึ้นอีกด้วยครับ
#16
โพสต์เมื่อ 02 June 2006 - 03:37 AM
โดยส่วนตัวยังไม่ขอสรุปอะไร แต่ขอเสริมอีกนิดว่า
บุญนัhนอุทิศกันได้ และอธิษฐานถึงผู้อื่นให้ประสบผลอย่างที่ตนต้องการนั้น ก็เป็นไปได้เช่นกัน
การที่ว่าอธิษฐานให้ผู้อื่นนั้นจะได้ผลเร็วช้า มากน้อย ดีเลว เพียงใด อยู่ที่ พลังบุญของผู้ส่งก็จริง
แต่ที่สำคัญก็คือ การชิงช่วง เพราะว่าบุคคลที่เราอธิษฐานถึงนั้น ก็มีวิบากมากมายติดพันมาจากอดีต
หากปัจจุบัน บุคคลนั้นมีวิบากกรรมส่งผลอยู่ด้วยกรรมเก่าของเค้า (คุรุกรรม อาจิณกรรม ชนกกรรม ...)
ซึ่งใจเค้ายังกำลังหมกหมุนอยู่กับเรื่องราวอันเป็นกรรมเก่าและกรรมปัจจุบันอย่างหนัก
ถ้าบุญของเราไม่แรงจริงที่จะไปชิงช่วง และไม่มีบุญเก่าที่เคยทำดีต่อกัน เคยอธิษฐานไว้แต่ยังไม่ได้รับผลมาก่อน
ผลที่จะได้รับก็จะยากมาก แต่ก็จะไปส่งผลในอนาคตเมื่อจิตใจของบุคคลนั้นไปลงล๊อกกับคำอธิษฐานของเราพอดี
ฉะนั้นการอธิษฐานเพื่อผู้อื่น ต้องทำ 3 อย่างด้วยกันคือ
1. อธิษฐาน ทำด้วยความบริสุ่ทธิ์ เป็นเมตตากรุณาเป็นจิตกุศลแท้ว่าให้จริง มีปัญญารู้เห็นผลดีผลเสียและวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม
ทั้งขณะอธิษฐาน หลังจากหลังอธิษฐาน และเมื่ออธิษฐานเป็นจริงแล้ว
(เพราะอธิษฐานนั้นใช้บุญเราจริง และถ้าอธิษฐานไม่รอบคอบ ผลที่เกิดขึ้นตามการอธิษฐานของเรา เมื่อเป็นจริงแล้วก็ตาม
อาจจะถูกเบี่ยง ปรวนแปรไปได้เสมอ อาจจะแค่ช่วงต้นแล้วก็กลายเป็นไม่ดี หรือสมกับที่อธิษฐานไว้แต่ว่าก็พร่องไปบางส่วน
ฉะนั้นก็จริงอย่างที่ท่านก้านกล้วย ขุนศีก กล่าวแนะว่าไม่ควรอธิษฐานให้ผู้ เพราะว่ามันปรวนปรได้เสมอ มีกรรมคอยชิงช่วงกันอยู่
จึงควรไตร่ตรองให้ดีก่อน!!!)
2. เมตตา หากอธิษฐานแต่ปราศจากความเมตตา ก็เป็นกิเลสตัณหาไปได้ เพราะมันก็คือความอยากของเราเอง
เมตตานั้นต้องไม่ทิฐิ ไม่ยึดมั่นถือมั่นถึงผลว่าต้องมาตอบสนองให้ตน อธิษฐานเพื่อให้ผู้อื่นพ้นทุกข็มีความสุข มีปัญญาฯลฯ
3. อุเบกขา หากอธิษฐานไว้ แล้วไม่เป็นอย่างอธิษฐานก็ต้องทำใจให้นิ่งได้ อดทนได้ต่อกาลเวลา เพราะว่ากรรมมันชิงช่วง
หากอดทนไม่ได้ เราก็จะทุกข์ หงุดหงิน ฟุ้งซ่าน ทำร้ายตนเองยิ่งขึ้นไป แล้วอาจจะทำลายความปรารถนาดีที่เราอธิษฐานไว้ก็ได้
บุญจะแรงขึ้นถ้ามี 1-2-3 และทำได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสำเร็จจริง แล้วเราไม่ติดกรรมจากการอธิษฐานถึงผู้อื่น
การที่อธิษฐานด้วยใจกุศล ด้วยเมตตาอุเบกขา แล้วทำได้สำเร็จ เราก็ได้บารมีเพิ่ม บุญก็ได้เพิ่มเพราะว่าเป็นกุศลกรรมต่อผู้อื่น
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#17
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 09:32 PM
อธิษฐานให้เห็นในครอบครัวมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาค่ะ
ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวคริสต์ตั้งแต่เกิดค่ะ คือเป็นคริสต์ตามสำเนาทะเบียนบ้านเท่านั้น
เมื่อชวนทำบุญ ก็มีที่ทำตามบ้าง เพราะเห็นประโยชน์ของการให้เท่านั้น แต่ไม่เชื่อในผลบุญค่ะ
เชื่อว่าการให้เป็นสิ่งที่ดี ที่เราควรมีกัน แต่ให้แล้วก็จบเท่านั้น ไม่มีโลกนี้โลกหน้าค่ะ
ย้ำเสมอว่า
Sharing is great.