QUOTE
"พระพุทธองค์ทรงสอนว่ารักษาศีลจะทำให้ได้บุญมากกว่าการให้ทาน แม้การแผ่เมตตาไปยังเพื่อนมนุษย์ก็ยังเป็นบุญมากกว่าอีก และสุดท้าย แม้เพียงการเจริญภาวนาโดยการมองเห็นความไม่เที่ยงแท้ แม้เพียงชั่วขณะ ก็จะยิ่งเป็นบุญอย่างมากมายยิ่งกว่าการให้ทานแก่พระอริยะทั้งหมดโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานเสียอีก
เป็นคำสอนที่ถูกต้องแล้วครับ สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าได้พิสูจน์ตามพุทธวิธี
ถ้าเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ขั้นแรกเราต้องตั้งสมมุติฐานกันก่อน เอาตามกระทู้ก็แล้วกัน
QUOTE
รักษาศีลจะทำให้ได้บุญมากกว่าการให้ทาน...จริงหรือ
เอาคำว่า ทาน ก่อนก็แล้วกัน สมมุติเราเป็นผู้ให้ทาน นะครับ จากคำถามการให้ทาน ได้บุญเยอะขนาดไหน เอาแค่ที่เห็นด้วยตาเนื้อที่พิสูจน์ได้นะครับ
ผลลัพธ์ สำหรับผู้ให้ จะมีจิตใจเบิกบาน อิ่มอกอิ่มใจ ปลาบปลื้มกับสิ่งที่เราให้เขาได้รับสิ่งของ หรือทรัพย์เพื่อใช้ในการดำรงชีพ หรือถ้าเรามอบสิ่งปลูกสร้างให้เป็นทาน ผู้ที่เดือดร้อนหรือผู้ที่ได้มาพักอาศัย ต่างๆ ถ้ายิ่งมีจำนวนมากเท่าไหร่เขาจะคอยสรรเสริญยกย่องต่อสิ่งที่เราได้มอบให้เป็นทาน ผู้ให้พอได้รับคำชมยกย่องสรรเสริญก็จะยิ้มตลอด พอยิ้มออกมาโลกก็จะสดใส ผิวพรรณก็จะอิ่มเอิบใช่มั๊ยครับ พอไปไหนก็มีแต่คนต้อนรับใช่มั๊ยเพราะผู้ที่เราให้นั้นจะคอยต้อนรับ ปกป้องรักษาเราไปในตัวไม่ให้ได้รับอันตราย เพราะเราเป็นผู้มีพระคุณกับเขา เอาแค่นี้นะแค่ประโยชน์ในปัจจุบันแค่นี้นะ นี่ยังไม่รวมไปถึงอนาคต เอาแค่ปัจจุบันก็สาธยายเกือบไม่หมดแล้วใช่ไหมครับ แต่โดยรวมแล้วเป็นการให้ใน ระดับหยาบ สามารถให้กับมิติโลกมนุษย์เท่านั้น ชีวิตในสังสารวัฏนั้นมีอยู่ 3 ภพ นรก มนุษย์ สวรรค์ ฉนั้นการให้ทานก็ได้หลักๆ ก็เฉพาะมนุษย์ภพ แต่ถ้าทางพุทธเราก็จะมี การช่วยต่อไปได้อีก ซึ่งศาสนาอื่นไม่มี คือการอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้กับกายละเอียดที่อยู่ต่างภพได้อีก แต่ก็ต้องอาศัยผู้ที่ได้ญาณ ที่สามารถอุทิศส่วนบุญกุศลไปยังภพที่ต่ำ หรือที่สูงได้ เช่นในกรณีคุณยายต้องสำเร็จวิชชาธรรมกาย ก่อนจึงสามารถ ช่วยพ่อที่อยู่ในนรกให้ขึ้นสวรรค์ได้ จากการเกริ่นนำเรื่องตรงนี้ถ้าเป็นศาสนาอื่นหรือนักวิทยาศาสตร์จะไม่เชื่อใช่ไหมครับ
เอาละ ที่นี่มาดูเรื่องของการรักษาศีล เจริญภาวนาบ้าง ผลของการรักษาศีลจะทำให้ กายและใจบริสุทธิ คิดอะไรทำอะไรเป็นไปในทางที่ดี มีหิริโอตะปะ เมื่อเราคิดดี ปฏิบัติดีก็จะมีคนนับถือ มีผู้เคารพ ไปไหนมีแต่คนรัก และคอยปกป้อง มีแต่ผู้คนอยากจะเข้าใกล้มาพบปะคบเป็นกัลยณมิตรด้วย อันนี้ก็เป็นอานิสงฆ์เบื้องต้นเท่านั้น พอเราหลับตาเจริญภาวนา ก็จะสามารถบรรลุธรรมได้โดยง่าย ที่นี้ละ ให้เรานึกเปรียบเทียบกับพระไตรปิฎกดู พอพระพุทธเจ้าได้บรรลุธรรม ก็ได้เผยแผ่ในไตรภพตั้งแต่ มนุษย์ สวรรค์ และนรก เพราะฉะนั้นการเจริญภาวนานั้น เพื่อประโยชน์ในการบรรลุธรรม เมื่อบรรลุแล้วก็สามารถทำอะไรก็ได้ เหมือนดังคำขวัญที่ว่า "เมื่อเราสว่างโลกก็สว่างด้วย" ถ้าจะให้ผมตีความก็คือ ถ้าเราเข้าถึงดวงสว่าง(ธรรมกาย) เราก็สามารถช่วยผู้อื่นที่อยู่ในสังสารวัฏได้ ทีนี้ก็คงเปรียบเทียบกันได้แล้วซินะว่าการให้ทานกับการถือศีลเจริญภาวนาอย่างไหนได้บุญกว่ากันนะครับ