นึกถึงประโยคนึงที่เคยพูดกับเพื่อนไว้เมื่อตอนเด็ก
จงอย่าลืมความเป็นเด็ก อย่าให้ความเป็นเด็กหายไปจากเรานะ เมื่อเราโตขึ้น
วันนี้ก็เลยเขียนออกมา ก็เลยเอามาฝากกัน
จงรักษาความเป็นเด็กไว้ตลอดชีวิต ดีกว่าเป็นผู้ใหญ่ที่โตแล้ว
เพราะเด็กเติมโตทุกวัน เหมือนการเรียนรู้ เรียนได้ทุกวัน
ให้เป็นแก้วเปล่าใสสะอาด ที่จะใส่น้ำที่บริสุทธิ์
อย่าเป็นผู้ใหญ่ที่โตแล้ว เพราะมีค่าเท่ากับเด็กไม่รู้จักโต
ที่เป็นแก้วคว่ำใส่อะไรไม่ได้เลย ไม่ยอมรับอะไร
แก้วที่ไม่ได้ใช้ฝุ่นก็จะเกาะ ฝุ่นก็คือกิเลส
พอมันหนามากเข้าๆ ก็สกปรก แล้วก็จะไม่มีใครสนใจ
กลายเป็นว่า นอกจากสอนไม่ได้แล้ว ก็จะไม่มีคนอยากมาสอนอีกด้วย
เราถึงต้องเป็นนักเรียนอนุบาลตลอดไป....
ไม่ว่าจะเติบโตไปเท่าใดก็ตาม
เด็กรู้จักโต
เริ่มโดย Rynex, Oct 05 2010 10:11 PM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 10:11 PM
______________________________________
DHAMMA FORCE 072
Special Dhamma Team of The Element Space
Special Dhamma Team of The Element Space
THUNDER FORCE 222
Special Combat Team of The Earth Side
Special Combat Team of The Earth Side
#2
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 11:03 PM
..ก็จริงอยู่ แต่กาลเวลาจะทำให้โตอยู่ดี เราหนีความโตไปไม่พ้น รวมทั้งความตายด้วย การเรียนรู้เพิ่มอยู่อย่างตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ไม่ใช่แต่เด็กทำเน้อ ผู้ใหญ่นี่แหละควรอย่างยิ่งเพราะจะได้เอาไปสอนเด็กได้ ถ้ารู้ไม่เท่าเด็กจะยุ่งล่ะทีนี้ เหอๆ
...แม้กายเล็กๆ เหมือนสามเณรก็ยังสำเร็จคุณวิเศษสูงสุดได้เหนือกว่าภิกษุ แต่วัยและภันเตก็ยังต่างกัน เด็กก็ต้องเคารพผู้ใหญ่ เพราะเด็กดีจะเข้าใจสิ่งนี้ดี แต่ถ้าอายุ 60 แล้วจะทำตัวเด็กก็คงดูแปลก แต่เรื่องของการศึกษาหาความรู้นั้น มิได้จำกัด เพศ และวัย ผู้มีปัญญามากย่อมต้องระวังมากไปด้วยเช่นกัน คือ ไม่นำปัญญาไปข่มผู้อื่น ไม่ทะนงว่าเป็นผู้มีปัญญากว่า ...ไม่ใช้ปัญญาเพื่อชนะนั้นทำได้ยาก เหมือนคนมีมีด พร้อมที่จะผ่ากอไผ่เพื่อไปให้เร็วกว่าผู้อื่น แต่ถ้าทำเช่นนั้น ก็อาจหาคนร่วมทางด้วยได้ยาก การเรียนรู้การควบคุมปัญญาและความรู้ของตนนั้น จึงเป็นบทเรียนและบททดสอบบทใหม่ที่ตามมาอย่างหนีไม่พ้นเช่นกัน...
...แม้กายเล็กๆ เหมือนสามเณรก็ยังสำเร็จคุณวิเศษสูงสุดได้เหนือกว่าภิกษุ แต่วัยและภันเตก็ยังต่างกัน เด็กก็ต้องเคารพผู้ใหญ่ เพราะเด็กดีจะเข้าใจสิ่งนี้ดี แต่ถ้าอายุ 60 แล้วจะทำตัวเด็กก็คงดูแปลก แต่เรื่องของการศึกษาหาความรู้นั้น มิได้จำกัด เพศ และวัย ผู้มีปัญญามากย่อมต้องระวังมากไปด้วยเช่นกัน คือ ไม่นำปัญญาไปข่มผู้อื่น ไม่ทะนงว่าเป็นผู้มีปัญญากว่า ...ไม่ใช้ปัญญาเพื่อชนะนั้นทำได้ยาก เหมือนคนมีมีด พร้อมที่จะผ่ากอไผ่เพื่อไปให้เร็วกว่าผู้อื่น แต่ถ้าทำเช่นนั้น ก็อาจหาคนร่วมทางด้วยได้ยาก การเรียนรู้การควบคุมปัญญาและความรู้ของตนนั้น จึงเป็นบทเรียนและบททดสอบบทใหม่ที่ตามมาอย่างหนีไม่พ้นเช่นกัน...
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#3
โพสต์เมื่อ 05 October 2010 - 11:53 PM
เวลาเรียนธรรมะจงทำใจให้เป็นเด็ก
ตัวเล็กๆคอยอ้อนออดครูไม่ใหญ่
ไม่ซุกชนแต่ฟังอย่างตั้งใจ
ทำตาใสใจใสๆตั้งใจฟัง
ถึงเวลาไปรับบุญทำหน้าที่
ขอคนดีผู้มีบุญจงเข้มขลัง
เป็นขุนพลทรนงทรงพลัง
ให่เป็นดั่งจูล่งในนิยาย
ที่อาจหาญไม่หวั่นไหวในกองทัพ
ตัวคนเดียวหาญสู้คนมากหลาย
ตามตำราทหารกล้าห้าแสนนาย
ต้องแพ้พ่ายขุนพลขาวผู้เดียวดาย(จูล่งใส่ชุดเกราะสีขาวเวลาทำศึก)
ลูกพระธรรมก็จงทำอย่าจูล่ง
ใจมุ่งตรงเดินหน้าคว้าเป้าหมาย
อุปสรรคหมื่นแสนไม่คลอนคลาย
เราทำได้ถ้าได้ทำและเอาจริง
(ขยายความ จูล่งเป็นทหารเอกของเล่าปี่ในสมัยสามก๊ก ด้วยตัวคนเดียวและม้าตัวเดียวได้ทำการรบกับทหารห้าแสนนาย
ของกองทัพโจโฉ ตั้งแต่ตีสามถึงบ่ายสามโมงโดยมิได้พักเลย เพื่อตามหาทารกน้อยโอรสของเล่าปี่ที่ตกอยู่ในวงล้อมโจโฉ
โดยที่ทหารโจโฉห้าแสนไม่อาจทำอันตรายใดแก่จูล่งได้เลยแม้เพียงรอยเท่าแมวข่วน
วีรกรรมของจูล่งในครั้งนั้นเป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์จีน และเป็นที่เลื่องลือมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกิน
ที่ทหารคนเดียวสามารถสูกับกองทัพขนาดครึ่งล้านได้ถึงสิบสองชั่วโมงโดยไม่พักและชนะเสียด้วย คือ สามารถช่วยโอรสของเล่าปี
ออกจากวงล้อมของทหารโจโฉได้อย่างปลอดภัย
ลูกพระธัมทุกท่านครับ ภารกิจของเราในช่วงนี้อาจเหนื่อยหนักมากขึ้น อาจมีปัญหาและอุปสรรคให้แก้ไข
แต่ปัญหาและอุปสรรคของเราเทียบกับอุปสรรคของขุนพลจูล่งแล้วคงไม่เท่าไหร่ใช่ไหม
แต่ผลของการทุ่มเททำหน้าที่ของเราย่อมสำคัญกว่างานของจูล่งแน่ๆ เพราะการนำสันติสุขมาสู่ใจชาวโลก
ย่อมสำคัญกว่าการนำโอรสมาคืนพระราชา
ฉะนั้นขอทุกท่านจงมีใจอย่างจูล่งคือ เด็ดเดี่ยวไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ และทำหน้าที่อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เพื่อวันที่หลวงพ่อฝันจะเป็นจริงโดยเร็ว อนุโมทนาครับ)
ก่อนออกรบ ชุดเกราะของจูล่งมีสีขาว รบไปเรื่อยๆจะกลายเป็นสีแดงด้วยเลือดของข้าศึก
จึงเลือกว่าขุนพลขาว เพราะใส่ชุดขาวออกรบเสมอๆ
ตัวเล็กๆคอยอ้อนออดครูไม่ใหญ่
ไม่ซุกชนแต่ฟังอย่างตั้งใจ
ทำตาใสใจใสๆตั้งใจฟัง
ถึงเวลาไปรับบุญทำหน้าที่
ขอคนดีผู้มีบุญจงเข้มขลัง
เป็นขุนพลทรนงทรงพลัง
ให่เป็นดั่งจูล่งในนิยาย
ที่อาจหาญไม่หวั่นไหวในกองทัพ
ตัวคนเดียวหาญสู้คนมากหลาย
ตามตำราทหารกล้าห้าแสนนาย
ต้องแพ้พ่ายขุนพลขาวผู้เดียวดาย(จูล่งใส่ชุดเกราะสีขาวเวลาทำศึก)
ลูกพระธรรมก็จงทำอย่าจูล่ง
ใจมุ่งตรงเดินหน้าคว้าเป้าหมาย
อุปสรรคหมื่นแสนไม่คลอนคลาย
เราทำได้ถ้าได้ทำและเอาจริง
(ขยายความ จูล่งเป็นทหารเอกของเล่าปี่ในสมัยสามก๊ก ด้วยตัวคนเดียวและม้าตัวเดียวได้ทำการรบกับทหารห้าแสนนาย
ของกองทัพโจโฉ ตั้งแต่ตีสามถึงบ่ายสามโมงโดยมิได้พักเลย เพื่อตามหาทารกน้อยโอรสของเล่าปี่ที่ตกอยู่ในวงล้อมโจโฉ
โดยที่ทหารโจโฉห้าแสนไม่อาจทำอันตรายใดแก่จูล่งได้เลยแม้เพียงรอยเท่าแมวข่วน
วีรกรรมของจูล่งในครั้งนั้นเป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์จีน และเป็นที่เลื่องลือมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกิน
ที่ทหารคนเดียวสามารถสูกับกองทัพขนาดครึ่งล้านได้ถึงสิบสองชั่วโมงโดยไม่พักและชนะเสียด้วย คือ สามารถช่วยโอรสของเล่าปี
ออกจากวงล้อมของทหารโจโฉได้อย่างปลอดภัย
ลูกพระธัมทุกท่านครับ ภารกิจของเราในช่วงนี้อาจเหนื่อยหนักมากขึ้น อาจมีปัญหาและอุปสรรคให้แก้ไข
แต่ปัญหาและอุปสรรคของเราเทียบกับอุปสรรคของขุนพลจูล่งแล้วคงไม่เท่าไหร่ใช่ไหม
แต่ผลของการทุ่มเททำหน้าที่ของเราย่อมสำคัญกว่างานของจูล่งแน่ๆ เพราะการนำสันติสุขมาสู่ใจชาวโลก
ย่อมสำคัญกว่าการนำโอรสมาคืนพระราชา
ฉะนั้นขอทุกท่านจงมีใจอย่างจูล่งคือ เด็ดเดี่ยวไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ และทำหน้าที่อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เพื่อวันที่หลวงพ่อฝันจะเป็นจริงโดยเร็ว อนุโมทนาครับ)
ก่อนออกรบ ชุดเกราะของจูล่งมีสีขาว รบไปเรื่อยๆจะกลายเป็นสีแดงด้วยเลือดของข้าศึก
จึงเลือกว่าขุนพลขาว เพราะใส่ชุดขาวออกรบเสมอๆ
#4
โพสต์เมื่อ 06 October 2010 - 09:03 AM
โอ๊ย..ช่วยด้วย โดนคำคมบาดหัวใจ
อย่าลืมมาโพสต์บ่อยๆนะครับ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
อย่าลืมมาโพสต์บ่อยๆนะครับ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ .....
ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน .....
ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ .....
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ
#5
โพสต์เมื่อ 06 October 2010 - 10:02 AM
เจริญพร
ขออนุโมทนาบุญด้วย ตั้งกระทู้และตอบกระทู้กันได้ดีเยี่ยมจริงๆกันทุกคน
ขออนุโมทนาบุญด้วย ตั้งกระทู้และตอบกระทู้กันได้ดีเยี่ยมจริงๆกันทุกคน
#6
โพสต์เมื่อ 06 October 2010 - 10:06 AM
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
#7
โพสต์เมื่อ 06 October 2010 - 10:52 AM
สาธุกับหลวงพี่ Rynex ด้วยครับ ได้ข่าวว่าไปรับบุญดูแลสามเณรในโครงการบรรพชาเยาวชนรอบวัด เลยโพสต์เรื่องเด็กๆ(หรือเปล่า...555)
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#8
โพสต์เมื่อ 06 October 2010 - 02:29 PM
เด็กๆเห็น องค์พระดวงแก้ว ง่ายกันดีจัง ทำไมผู้ใหญ่ถึงยาก
หรือว่า...รู้มาก ยากนาน
หรือว่า...รู้มาก ยากนาน
#9
โพสต์เมื่อ 06 October 2010 - 08:06 PM
....ประมาณนั้นเลยคุณ usr29468
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#10
โพสต์เมื่อ 06 October 2010 - 10:16 PM
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธู๊
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ