ใครไม่กลัวตาย
#1
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 05:55 PM
--
#2
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 06:03 PM
#3
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 06:08 PM
*ตาย
#4
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 06:17 PM
ไม่กลัวก็ต้องตะต่ะตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#5
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 06:21 PM
#6
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 06:23 PM
กลัวเจ็บก่อนตายต่างหากละครับ
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#7
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 06:29 PM
เคยเดินเข้าไปในห้องไอซียูบ้างมั้ยครับ แต่ละคนนอนบนเตียง เครื่งมืองี้เพียบ อย่างกับเรื่องเดอะแมททริก เห็นแล้วสยอง
#8
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 06:33 PM
***เมื่ออยู่ในที่อันสมควรต่อการปฏิบัติและมนสิการด้วยอุบายต่างๆ เพื่อให้เกิดสติปัญญา และธรรมสังเวชขึ้นแล้ว จึงบริกรรมภาวนาด้วยภาษาบาลี หรือไทยว่า
เราจะต้องตาย รูปชีวิต นามชีวิตจะต้องขาดจากกัน หรือ
มรณํ เม ธุวํ ชีวิตํ เม อธุวํ
ความตายเป็นของเที่ยง ความมีชีวิตอยู่เป็นของไม่เที่ยง
***ภาวนาอยู่ดังนี้เรื่อยๆ ไป ถ้าเป็นผู้มีปัญญินทรีย์แก่กล้า จะสามารถข่มนิวรณ์ธรรมต่างๆ เสียได้ มีมรณารมณ์ตั้งมั่น เข้าถึงอุปจารสมาธิโดยไม่ยาก นอกจากนั้นยังบังเกิดมรณสัญญาที่น่าปรารถนาถึง ๘ ประการ คือ เกิดความรู้สึกเกี่ยวกับความตายขึ้นมาว่า
๑. ชีวิตของเรานี้ จะมีอยู่ต่อไปได้อีกประมาณแค่วันหนึ่งกับคืนหนึ่ง คือ ๒๔ ชั่วโมงเท่านั้น
๒. ชีวิตของเรานี้ จะมีอยู่ต่อไปได้อีกประมาณแค่วันหนึ่ง คือ ๑๒ ชั่วโมงเท่านั้น
๓. ชีวิตของเรานี้ จะมีอยู่ต่อไปได้อีกประมาณเพียงครึ่งวัน คือ ๖ ชั่วโมงเท่านั้น
๔. ชีวิตของเรานี้ จะมีอยู่ต่อไปได้อีกชั่วเวลาเพียงกินข้าวอิ่มหนึ่งเท่านั้น
๕. ชีวิตของเรานี้ จะมีอยู่ต่อไปได้อีกชั่วครึ่งเวลากินข้าวอิ่มเท่านั้น
๖. ชีวิตของเรานี้ จะมีอยู่ต่อได้อีกชั่วเวลากินข้าวได้เพียง ๔ หรือ ๕ คำเท่านั้น
๗. ชีวิตของเรานี้ จะมีอยู่ต่อไปได้อีกชั่วเวลาเคี้ยวข้าวคำหนึ่งเท่านั้น
๘. ชีวิตของเรานี้ จะมีอยู่ต่อไปได้อีกชั่วระยะเวลาหายใจเข้าออกเท่านั้น
***มรณสัญญาข้อ ๗ และ ๘ ทำให้มีสติเจริญดีเยี่ยม ถูกต้องตามพุทธประสงค์ ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสชมเชยไว้ ส่วนข้อที่ ๑ - ๖ สำหรับผู้คนในสมัยปัจจุบันนี้ ผู้ใดสามารถทำได้ก็นับว่าดีมากแล้ว
***การเจริญมรณานุสสตินั้น ได้ผลอย่างมากเพียงอุปจารสมาธิ ไม่เข้าถึงอัปปนาเนื่องจาก มรณะ ความตายที่นำมาใช้เป็นอารมณ์กรรมฐานนั้นเป็นสภาวะที่ทำให้เกิดความสังเวช เมื่อใช้ระลึกถึงอารมณ์ดังนี้เนืองๆ ทำให้เกิดความสะดุ้งกลัวขึ้นกับจิต จิตจึงไปไม่ถึงอัปปนาสมาธิ
อานิสงส์อันเกิดแต่การเจริญมรณานุสสติมีดังนี้
- ทำให้ละความประมาทมัวเมาในชีวิตลง มองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร
- ได้สัพพภเวสุอนภิรตสัญญา คือ ความกระสันที่จะเลิกอยู่ในภพทั้งปวง
- ละความยินดีในชีวิต ไม่รักชีวิต
- ติเตียนการกระทำอันเป็นบาป
- ยินดีด้วยสัลเลขะ ความมักน้อย สันโดษ ไม่สั่งสมของบริโภค
- สันดานปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน ไม่รักใคร่หวงแหนในสมบัติทั้งปวง
- จิตจะคุ้นเคยใน อนิจจสัญญา มองเห็นอนิจจังในรูปธรรม นามธรรม เป็นเหตุให้ได้ทุกขสัญญา อนัตตสัญญาตามมา เห็นพระไตรลักษณ์ชัดแจ้งในสันดาน
- เมื่อเห็นพระไตรลักษณ์แล้ว แม้ต้องตายย่อมไม่นึกหวาดกลัว สติไม่หลงเลอะเลือน
***คนที่ไม่เจริญมรณานุสสติ เมื่อถึงเวลาใกล้ตายย่อมสะดุ้งตกใจกลัวตาย เหมือนถูกเสือร้ายตะครุบตัวไว้กำลังจะกัดกินเป็นอาหาร หรือเหมือนคนอยู่ในเงื้อมมือโจร หรือเพชฌฆาต หรือเหมือนคนอยู่ในมือยักษ์ หรือในปากอสรพิษ
***การเจริญมรณานุสสตินั้น เป็นปัจจัยให้สำเร็จซึ่งมรรคผลนิพพาน ถ้าชาตินี้ยังไม่บรรลุ เมื่อตายลงย่อมมีสุคติเป็นที่ไป
ปล. ผลานิสงส์แห่งธรรมทานทั้งปวงนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา เป็นธรรมบูชา เป็นสังฆบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยสังฆเจ้า ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า อีกทั้งบูรพาจารย์วิชชาธรรมกายทุกท่าน นับแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน และขอมอบวิถีแห่งการปฏิบัติในกรรมฐานกองนี้ ให้เป็นธรรมทานแด่นักรบกล้าแห่งกองทัพธรรมทุกท่านด้วยครับ
#9
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 06:57 PM
พี่ก็ตอบตามที่เราถามในครั้งแรกน่ะครับ ทีหลังถามให้ตรงประเด็นด้วย พี่จะได้ตอบให้เราอย่างตรงประเด็นครับ
เคยสิครับ ล่าสุดก็อาม่าของผมนี่ไงครับ ขนาดเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เวลาหกโมงเย็น เขาก็ยังเอาท่อออกซิเจนเสียบไว้ที่ปาก แล้วรอจนกระทั่งถึงสองทุ่มครึ่งจึงจะได้เคลื่อนย้ายไปยังห้องเก็บศพครับ (อันนี้เป็นระเบียบของโรงพยาบาลน่ะครับ)
#10
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 07:39 PM
แต่ที่บอกว่ากลัวเจ็บก่อนตายนะประโยคบอกเล่าครับ ไม่ใช่ประโยคคำถามครับพี่ชาย
แหะๆ ที่หลังจะพยายามพิมให้เข้าจัยครับ ขออภัยด้วยละกัน
**************
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#11
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 07:43 PM
#12
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 08:00 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#13
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 11:29 PM
#14
โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 11:43 PM
ช่วงนี้ต้องเตรียมใจตาย ฝึกไว้ว่าถ้าจะตายต้องนึกถึงอะไร ต้องทำอะไร ไม่ว่าจะเจ็บปวดอย่างไร ก็ต้องหัดทำสมาธิ นึกถึงพระ นึกถึงบุญให้ได้ จะได้ไม่มีห่วง แล้วก็มีแต่ใจใสๆ ตลอดเวลา
#15
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 08:57 AM
แต่พอได้รับความเมตตา จากคุณครูไม่ใหญ่ ได้มาบอก หลักวิชา
ในการดำเนินชีวิต ที่เคยผิดพลาด ให้เราได้ทราบวิธีแก้ไข
และ ทราบหลักวิชา ในการดำเนินชีวิต ให้มีความสุข ต่อไปทั้งในภพนี้ และ ภพหน้า
ก็เลยรู้สึกโล่งใจ กับ ความเป็น หรือ ความตาย ที่จะเกิดขึ้น
ขอบพระคุณในความเมตตา ของ คุณครูไม่ใหญ่ ที่ได้มาบอกถึงเรื่องราวที่สำคัญของชีวิต
ให้ทุกคนได้รู้ และ ได้เตรียมตัว ให้ดีที่สุด ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง ซึ่ง ไม่มีนิมิตหมาย
ทั้งยังได้ทำบุญใหญ่ ๆ ที่จะเป็นเสบียง ไปยังภพเบื้องหน้า
รู้สึกอุ่นใจ ที่ได้เริ่มสะสมเสบียง อย่างถูกหลักวิชา
รู้สึกเป็นบุญมากเลย ที่ได้มีโอกาสได้รู้เรื่องราวที่สำคัญนี้หน่ะ
#16
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 09:38 AM
#17
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 04:15 PM
#18
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 04:37 PM
โคลงสุภาษิตเจ้านาย พระราชนิพนธ์และพระนิพนธ์ทรงเมื่อในรัชกาลที่ 5
ไฟล์แนบ
#19
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 08:25 PM
ความตายเป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัว สำหรับคนที่มีปัจจุบันขณะที่มีปัญญาที่สุด เราจะพบว่าชีวิตของเราก็กำลังตายอยู่ทุกขณะ เราสามารถที่จะมีชีวิตของเราในปัจจุบันขณะอย่างคนที่งดงามอย่างถึงที่สุดแล้วหรือยัง ถ้าขณะนั้นเราเย็นความตายก็คือความเย็น แต่ถ้าเผื่อขณะนี้เราร้อน ความตายก็คือความร้อนนั่นเอง ถ้าท่านอยากรู้ว่าความตายคืออะไร ท่านต้องดูว่าปัจจุบันขณะนี้ท่านอยู่อย่างไร เรากำลังตายอยู่ทุกขณะ แต่เราไม่เป็นบุคคลที่ตายทั้งเป็น นี่เป็นความงดงามที่เราทำได้ในขณะนี้ ความกลัวก็คือการคาดหวังว่าขณะหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ถ้าเราสามารถทำปัจจุบันขณะเป็นที่ดีที่สุดเราจะรู้ว่าอนาคตอยู่ในปัจจุบันนี้เองค่ะ ปัจจุบันเป็นเวลาที่รวมทั้งอดีตและอนาคต ขอให้ท่านมีปัจจุบันขณะที่มีอายุของท่านอยู่อย่างคนที่สงบเย็นที่สุด การตายก็คือการเปลี่ยนสถานที่เท่านั้นเอง ถ้าปัจจุบันนี้เย็น การตายของเราก็จะเดินทางไปอยู่ในที่ที่เย็น ขอให้ท่านมีความสุขกับชีวิตที่สงบเย็นในขณะนี้มีชีวิตที่รู้ว่าเราไม่ตายทั้งเป็นในขณะนี้ ความตายจึงเป็นของสวยงาม อย่ากลัวตายเลย แต่ดูปัจจุบันขณะให้ดีและมีความสุข
เครดิจ : ธรรมสวัสดี
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฝืนไม่มี หนีไม่พ้น
#20
โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 10:00 PM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#21
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 03:33 AM
สมมติว่าเป็นโจร กำลังจะเหนี่ยวไกปืนที่จ่อหัวเราอยู่
ถามว่าตอนนั้นในใจจะคิดอะไรอยู่ครับ?
(ผมว่าผมกลัวอารมณ์ตัวเองก่อนตายจะแว๊บไปคิดโกรธเค้าอะนะ)
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#22
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 10:06 AM
ถ้าเกิดเรากำลังจะโดนคนอื่นฆ่า ...
สมมติว่าเป็นโจร กำลังจะเหนี่ยวไกปืนที่จ่อหัวเราอยู่
ถามว่าตอนนั้นในใจจะคิดอะไรอยู่ครับ?
(ผมว่าผมกลัวอารมณ์ตัวเองก่อนตายจะแว๊บไปคิดโกรธเค้าอะนะ)
ผมจะหักศอกรวบแขน แล้วปลดอาวุธ จัดการล๊อกแขนขา แล้วใส่กุญแจมือ แบบJet li
#23
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 10:17 AM
พระคาถาเกี่ยวกับความตายที่ควรทราบและจดจำไว้เตือนตนเอง เพื่อประกอบการเจริญ
มรณานุสสติมีมีดังต่อไปนี้
๑) น โข อหญฺเญเวโก มรณธมฺโม มรณํ อนตีโต
อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปฺปตฺติ
สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา มรณํ อนตีตาฯ
ความตายและการหนีความตายไม่พ้น ไม่ใช่มีแต่เราเพียงผู้เดียว แท้ที่จริงสัตว์ทั้งหลายที่มีสภาพเนื่องมาจากภพก่อนและเกิดขึ้นในภพนี้ แล้วย้ายจากภพนี้เกิดต่อไปในภพใหม่ สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นย่อมมีความตาย และหนีไม่พ้นจากความตายด้วยกันทั้งสิ้น
๒) ยเมกรตฺตึ ปฐมํ คพฺเภ วสติ มาณโว
อพฺภุฏฺฐิโตว โส ยาติ สคจฺฉํ น นิวตฺตติฯ
ผู้ใดเกิดขึ้นในครรภ์มารดาครั้งแรกในคืนใดคืนหนึ่งนั้น ผู้นั้นย่อมบ่ายหน้าไปหาแต่ความตาย ผู้บ่ายหน้าไปหาความตายนี้ ไม่มีการกลับหลัง
๓) ทหรา จ หิ วุทฺธา จ เย พาลา เย จ ปณฺทิตา
อคฺฆา เจว ทลิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุปรายณา
ผู้ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม วัยสาวก็ดี วัยแก่ก็ดี ผู้ที่ไม่มีปัญญาความรู้ก็ดี ที่มีปัญญาความรู้ก็ดี ผู้ที่ร่ำรวยก็ดี ยากจนก็ดี ทั้งหมดนี้ย่อมมีความตายเป็นที่สุด
๔) ผลานมิว ปกฺกานํ นิจจํ ปตนโต ภยํ
เอวํ ชาตานมจฺจานํ นิจฺจํ มรณโต ภยํฯ
สัตว์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมประสบกับภัย คือความตายอย่างแน่นอน เสมือนหนึ่งผลไม้ที่สุกงอมต้องหล่นลงอย่างแน่แท้
๕) สายเมเก น ทิสฺสนฺติ ปาโต ทิฏฺฐา พหู ชนา
ปาโต เอเก น ทิสฺสนฺติ สายํ
ทิฏฺฐา พหุ ชนาฯ
ชนทั้งหลายในยามเช้ายังเห็นกันอยู่ พอตกเวลาเย็นบางคนก็ไม่เห็นกัน ตายเสียแล้ว ชนทั้งหลายเมื่อตอนเย็นยังเห็นกันอยู่ พอถึงตอนเช้าบางคนก็ไม่เห็นกัน ตายเสียแล้ว
๖) อุสฺสาโวว ติณคฺคมฺหิ สุริยุคฺคมนํ ปติ
เอวมายุ มนุสฺสานํ มา มํ อมฺม นิวารยฯ
แม่จ๋า อายุของคนเรานี้น้อยเหลือเกิน เสมือนหนึ่งหยาดน้ำค้างที่ติดอยู่บนใบหญ้า เมื่อถูกแสงอาทิตย์เข้า ก็เหือดแห้งหายไปพลัน ดังนั้น แม่อย่าได้ขัดขวางการบวชของลูกเลย
๗) สพฺเพ สตฺตา มรณา ธุวํ
สพฺเพ สตฺตา มรณา นิจฺจํ
สพฺเพ สตฺตา มรนฺติ จ มรึสุ จ มริสฺสเร
ตเถวาหํ มริสฺสามิ นตฺถิ เม เอตฺถ สํสโยฯ
สัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้น มีความตายอย่างแน่นอน เป็นของเที่ยง สัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้น จักตาย กำลังตาย และเคยตายมาแล้ว เราก็จักตายเช่นกัน อย่าได้สงสัยความตายนี้เลย
#24
โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 04:17 PM
ไม่นานเราก็ต้องตาย
มันสำคัญตรงที่
ก่อนตายเราทำอะไร
และ
ตายเพื่ออะไร
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#25
โพสต์เมื่อ 29 May 2006 - 12:13 AM
ถ้าคุณล้มละลาย คุณอยากตายมั้ยครับ
แน่นอนหล่ะ ความกลัวตายคุณจะหมดไป และอาจจะอยากตายด้วยซ้ำ
คุณจะไม่กลัวตาย ถ้าคุณเสียใจมากๆ
และคุณจะไม่กลัวตาย แค่ฉีดยา ทำลายระบบประสาท ที่สั่งการความกลัวครับ
น่าจะเป็นไฮโปเทอรามัสมั้งครับ
ฝากไว้เท่านี้หล่ะครับ
#26
โพสต์เมื่อ 01 June 2006 - 09:56 AM
ปกติไม่เคยคิดถึงเรื่องความตาย เลยไม่รู้ว่ากลัวหรือเปล่า แต่กลัวเจ็บกลัวทรมานมากกว่า
พอฟังหลวงพ่อสอน ยิ่งต้องพิจารณา มรณานุสติ ประจำค่ะ ไม่กลัวค่ะความตาย
แต่ที่ยังไม่หายกลัวค่ะ กลัวคนที่เรารัก คนที่เราเป็นห่วง ตายจากไปนี่สิค่ะ เพราะเรายังละนิวรณืไม่ได้เลยอ่ะค่ะ
#27
โพสต์เมื่อ 14 June 2006 - 06:21 PM
และก็ยังไม่อยากตาย ยังอยากสร้างบารมีได้นานๆ
#28
โพสต์เมื่อ 17 July 2007 - 10:27 AM